เช้าวันรุ่งขึ้น
อินชิงเสวียนออกจากตระกูลอินภายใต้สายตาที่ไม่เต็มใจของทุกคน และผู้ที่คุ้มกันนางกลับวังหลวง ก็คืออินสิงอวิ๋นพี่ชายคนโต
เขายังคงหล่อเหลา ทว่านิสัยสุขุมเยือกเย็นมากกว่าปีที่แล้ว
อินชิงเสวียนเปิดม่านเกี้ยว
“พี่ใหญ่ได้เชิญหมอหลวงมาตรวจอาการพี่สะใภ้บ้างหรือยัง”
อินสิงอวิ๋นยิ้มอย่างอบอุ่น มองอินชิงเสวียนด้วยสายตาแบบเดียวกับเมื่อก่อน มีความเอาใจใส่เล็กน้อย
“หาแล้ว คราวนี้ก็ค่อนข้างดี น้ำพุวิญญาณของเจ้า แทบจะให้พี่สะใภ้ดื่มหมด”
อินชิงเสวียนพยักหน้า
“ควรเป็นเช่นนี้แล้ว พี่สะใภ้อยู่ไกลบ้าน รอนแรมมาไกลกว่าจะถึงตระกูลอินของเรา เราต้องดูแลนางให้ดีที่สุด อย่าปล่อยให้นางอุดอู้อยู่บ้านทั้งวัน ถ้าท่านมีเวลาว่าง ควรพานางไปเดินเล่นบ่อยๆ คนท้องจะรู้สึกหดหู่โดยไม่รู้ตัว ถ้ามีท่านอยู่ข้างๆ บางทีนางอาจรู้สึกดีขึ้นบ้าง”
“อืม คราวนี้แหละ ข้าควรจะหาเวลาได้แล้วจริงๆ”
อินสิงอวิ๋นถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก มีหรือที่เขาไม่ต้องการใช้เวลากับเป่าเล่อเอ่อร์ให้มากๆ แต่ในวังหลวงมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย จนเขาไม่กล้าที่จะหย่อนยาน
ตอนนี้ฝ่าบาทและน้องสาวกลับเมืองหลวงแล้ว ก็เหมือนมีกระดูกสันหลัง ทายาทเฟยเหยาถูกกำจัดพอสมควรแล้ว ในที่สุดก็ผ่อนคลายได้บ้าง
อินชิงเสวียนรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ในราชสำนักขาดแคลนแม่ทัพที่มีทั้งความสามารถและประสบการณ์ อายุน้อยเกินไปใช้การไม่ได้ ท่านอาจารย์ก็ชรามากแล้ว ผู้ที่จะมาแบกรับภาระปกป้องเมืองหลวงได้อย่างแท้จริง ก็เหลือเพียงตระกูลอินแล้ว
“ครึ่งปีที่ผ่านมานี้ พี่ใหญ่กับท่านพ่อลำบากแล้ว”
อินสิงอวิ๋นยิ้มและพูดว่า “ในฐานะขุนนาง ควรปกป้องบ้านเมือง และรับผิดชอบความสงบสุขของราษฎร มิกล้าเอ่ยคำว่าลำบาก กลับเป็นน้องหญิงเสียอีกที่ลำบากแล้ว”
อินชิงเสวียนกระตุกมุมปากขึ้น
“ข้าก็ไม่ลำบากหรอก ตอนนี้ครอบครัวของเราได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาในเมืองหลวงแล้ว ถือเป็นความสุขที่สุด”
อินสิงอวิ๋นยิ้ม
แม้ว่าฝ่าบาทจะไม่สงสัย แต่ก็ไม่สามารถทนต่อความสงสัยของเหล่าขุนนางได้ เมื่อเวลาผ่านไป จะเกิดความวุ่นวายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เรื่องระหว่างอาหญิงกับท่านอ๋องสิบสาม เขากับท่านพ่อต่างก็เป็นกังวลยิ่งนัก ถ้าอินปู้อวี่เป็นราชบุตรเขยจริงๆ ผู้ที่อยู่รอบกายฝ่าบาท มิต้องมีแต่ตระกูลอินหรอกหรือ?
เมื่อก่อนอินชิงเสวียนก็เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้กลับไม่ได้คิดถึงมันอีกแล้ว หากเย่จิ่งอวี้ไม่มีความเด็ดเดี่ยว แล้วจะปกป้องแว่นแคว้นนี้ได้อย่างไร
สองพี่น้องต่างก็จมอยู่กับความคิดของตัวเอง เพียงครู่เดียวก็มาถึงประตูวัง
“ฮองเฮา ท่านกลับมาแล้ว”
เสียงร้องเหมือนเป็ดดังมาจากประตูวัง และเสี่ยวอานจื่อวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว คุกเข่าลงบนพื้นด้วยความตื้นตันใจ โขกศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล
“กระหม่อมคิดว่าจะไม่ได้เจอท่านอีกแล้ว กระหม่อมคิดว่าท่านไม่ต้องการกระหม่อมอีกต่อไปแล้ว ฮองเฮา กระหม่อมคิดถึงท่านเหลือเกิน ฮึกฮือๆ~”
อวิ๋นฉ่ายและจังอวี้จิ่นก็ช่วยกันพยุงยายหลี่วิ่งออกมาจากประตูวัง
“หม่อมฉันขอน้อมถวายพระพรฮองเฮาเพคะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...