สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 17

อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น ภาพใบหน้าหล่อเหลาก็ปรากฎในดวงตา

เธอรีบเช็ดน้ำตา ลุกขึ้นยืน แล้วฉีกยิ้ม

"ท่านพี่ทหาร เจ้ามาแล้วหรือ"

บนขนตาของเธอยังมีคราบน้ำตา มองดูแล้วน่าสงสารจับใจ

เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเบาๆ มองดูดวงตาที่เปรอะเปื้อนน้ำตาคู่นั้น ก็รู้สึกไม่สบายในใจ

"ข้ากำลังถามเจ้า ใครรังแกเจ้า?"

อินชิงเสวียนสูดหายใจแล้วพูดว่า "ไม่มีใครรังแกข้าหรอก ข้าแค่คิดถึงบ้าน"

เย่จิ่งอวี้ส่งเสียงในลำคอ "ในเมื่อติดบ้านขนาดนั้น แล้วเข้าวังมาทำไม?"

อินชิงเสวียนยิ้มแห้งๆ แล้วพูดว่า "คนเรามักมีหลากสิ่งหลายอย่างที่ต้องจำยอม ท่านพี่ทหาร เจ้าได้ซื้อเนื้อมาให้ข้าไหม?"

ดวงตาของเย่จิ่งอวี้ฉายแววมืดลง

"หอฉงฮวาของพวกเจ้าไม่ได้รับของพระราชทานจากฝ่าบาทหรือ?"

"เอ่อ..."

อย่าบอกนะว่าฮ่องเต้ประทานเนื้อไปให้หอฉงฮวา?

เย่จิ่งอวี้ถามต่อว่า "เจ้านายของพวกเจ้าไม่ได้แบ่งอาหารให้พวกเจ้าสักนิดเลยหรือ?"

"เอ่อ...เจ้านายของพวกเราก็ไม่ได้มีเนื้อทานเลย ต่อให้แบ่งให้บ่าว มันก็มีแค่นิดเดียวจะพอทานได้อย่างไร ท่านพี่ทหาร ครั้งหน้าเจ้าซื้อเนื้อมาให้ข้าเถอะ เช่นนี้ข้าก็สามารถแอบทำทานเองได้แล้ว"

อินชิงเสวียนมโนแต่งเรื่องขึ้น ทว่าในใจกลับกำลังคิดว่าไม่นึกเลยว่าทหารองครักษ์คนนี้สามารถพูดคุยกับฮ่องเต้ได้ด้วย แสดงว่าเขาต้องเป็นขุนนางยศสูงมากแน่นอน นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจับจับพลัดจับผลูจับปลาใหญ่ได้โดยบังเอิญ

เธอรีบหยิบซาลาเปาหมูสับของตนเองออกมา

"ท่านพี่ทหาร ข้าก็ไม่มีอะไรจะตอบแทนได้ นี่เป็นสิ่งที่ข้าขอให้แม่ข้าที่อยู่นอกวังทำมาให้ ยังร้อนๆ อยู่เลย เจ้าลองชิมดูสักลูกสิ"

อินชิงเสวียนคลี่กระดาษไขออก แต่เมื่อมองไปที่หน้าประตูตำหนักฉงหวู่เห็นทหารองครักษ์สองคนยืนเฝ้าดั่งเทพคุมกันประตูกำลังจ้องมองมา ก็รู้สึกไม่ค่อยดี จึงรีบห่อกระดาษกลับเช่นเดิม

เธอมองไปรอบๆ แล้วดึงแขนเสื้อของเย่จิ่งอวี้ให้เดินสับขาไปทางด้านขวา

ด้านนั้นมีสระเล็กๆ อยู่หนึ่งสระ ไม่มีคนรบกวน

เธอพูดว่า "แม่ข้าไม่ได้ทำมามากมายนัก หากให้เพื่อนร่วมงานของเจ้าเห็น ก็ต้องแบ่งให้พวกเขาอีก เราไปกินกันทางด้านโน้น"

เย่จิ่งอวี้ไม่ได้รู้สึกสนใจสิ่งที่อยู่ในห่อกระดาษไขของเธอเลยแม้แต่น้อย

ครอบครัวรรมดาทั่วไปจะทำของดีๆ อะไรได้

แต่ขันทีหนุ่มที่ใจกล้าบ้าบิ่นคนนี้กลับน่าสนใจดี

นับว่านอกจากไป๋เสวี่ยแล้ว เป็นเรื่องสนุกอย่างที่สองของเขา

ขณะที่กำลังครุ่นคิด อินชิเสวียนก็หยุดเดิน

เธอชี้ไปที่โต๊ะหินข้างๆ แล้วพูดว่า "ตรงนี้เปลี่ยว น้อยคนจะเดินผ่าน เรานั่งกินตรงนี้ก็แล้วกัน"

โต๊ะหินไม่ใหญ่มาก นั่งได้เพียงสองคนเท่านั้น

อินชิงเสวียนนั่งลงทางด้านซ้าย แล้วใช้มือตบไปที่ที่ว่างอยู่

เย่จิ่งอวี้มีท่าทีรังเกียจเล็กน้อย

ทว่าอินชิงเสวียนหยิบซาลาเปาออกมาลูกหนึ่งและยื่นไปให้เขา

ดวงตาสุกสกาวทั้งสองข้างยิ้มเป็นเส้นโค้งเหมือนดั่งเสี้ยวจันทร์

"สิ่งนี้เรียกว่าซาลาเปา ไส้หมูสับ อร่อยมากเลยนะ"

เย่จิ่งอวี้เลิกคิ้วขึ้น

นี่มันคือออะไร?

ไฉนเขาไม่เคยเห็นมาก่อน?

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้รับไว้ อินชิงเสวียนก็เข้าใจในทันที

เกรงว่าเป็นเพราะกลัวเธอจะใส่ยาพิษสินะ

เธอยิ้มและพูดว่า "วางใจเถอะ ข้ายังอยากทำการค้ากับเจ้าต่อไป จะวางยาพิษเจ้าได้อย่างไร หากเจ้าไม่เชื่อ ข้ากินให้ดูหนึ่งลูกก่อนก็ได้"

เย่จิ่งอวี้ยกชายเสื้อขึ้นแล้วนั่งลง เหล่ตาแล้วถามว่า "จะผันน้ำสู่ทางเหนืออย่างไร แล้วจะขุดสร้างทางน้ำอย่างไร?"

อินชิงเสวียนจึงพูดอธิบายให้เย่จิ่งอวี้ฟังถึงความรู้ที่เธอเคยได้ร่ำเรียนมา เย่จิ่งอวี้ได้ยินดังนั้นแววตาก็ลุกวาว

แต่ละปีแคว้นต้าโจวต้องประสบภัยแล้งครั้งหนึ่งแทบจะทุกปี

ซึ่งที่เป็นที่รู้กันว่าแล้งมากก็แห้งตาย ฝนมากก็จมน้ำตาย

หากสามารถผันน้ำมาทางเหนือได้ นอกจากสามารถแก้ปัญหาภัยแล้งของทางเหนือได้ ยังสามารถลดภัยน้ำท่วมของทางใต้ได้ด้วย

เพียงแต่ควจจะต้องดำเนินการอย่างไร?

เย่จิ่งอวี้ถามในสิ่งที่ตนเองสงสัยออกไป

อินชิงเสวียนพูดว่า "เรื่องนี้เกรงว่าคงอธิบายให้เข้าใจไม่ได้ในทันทีทันใด แต่หากเจ้ายอมช่วยข้าขายของ ข้าสามารถวาดภาพแบบแปลนมาให้เจ้าได้"

สาขาที่อินชิงเสวียนศึกษาเป็นสาขาวิชาวิศวรรมโยธาพอดี การวาดภาพแบบแปลนจึงเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับเธอ

เย่จิ่งอวี้แสยะยิ้ม "เจ้าช่างรู้จักหยิบยื่นข้อเสนอ"

อินชิงเสวียนยิ้มตาหยีแล้วพูดว่า "นับว่าพวกเราได้ประโยชน์ซึ่งกัน หากเจ้ามอบแบบแปลนนี้ให้ฮ่องเต้ เขาจะต้องตบรางวัลให้เจ้ามากมายแน่นอน เจ้าได้เลื่อนยศศักดิ์ ในฐานะที่เพื่อเพื่อนของเจ้า ข้าเองก็ภาคภูมิใจ"

เย่จิ่งอวี้ไม่ได้พูดอะไร หยิบตั๋วเงินหกร้อยตำลึงออกมาจากเสื้อ ซึ่งนับว่าตอบตกลงแล้ว

อินชิงเสวียนรับตั๋วเงินมาด้วยความดีใจ ยิ้มจนตาหยี

"คืนนี้ข้ากลับไปวาดแบบแปลนให้เจ้า อีกสามวันพบกันใหม่"

เมื่อมองใบหน้าดุจดั่งบุปผาของเขา เย่จิ่งอวี้ก็เกิดใจเต้นอย่างประหลาด

อินชิงเสวียนใช้มือปัดเสื้อแล้วลุกขึ้นยืน เธอยัดซาลาเปาที่เหลือให้เย่จิ่งอวี้ แล้วหยิบมาร์กหน้าสิบแผ่นให้เขาด้วย

"นี่เอาไว้ใช้บำรุงผิวหน้าสำรับหญิงสาว แค่ฉีกซองแล้วนำมันแปะทาบไว้บนหน้าสิบห้านาทีก็เสร็จ แผ่นละหนึ่งร้อยตำลึงก็พอ"

เย่จิ่งอวี้เก็บอารมณ์ของตนเอง และชี้ไปที่ซาลาเปาแล้วถามว่า "สิ่งนี้ทำมาจากอะไร? เหตุใดข้าถึงไม่เคยเห็นมาก่อน?"

"มันเรียกว่าแป้ง ผลิตจากฮว๋าเซี่ยเช่นกัน เป็นธรรมดาที่เจ้าไม่เคยเห็น"

อินชิงเสวียนพูดจบก็วิ่งออกไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์