"มีอะไรหรือ?"
หวังเอ้อร์หวู่ก็ตกใจจนทรุดนั่งลงบนพื้น
วังเย็นในปัจจุบันก็คือวังเย็นซึ่งเป็นที่ประทับของจักรพรรดิองค์ก่อน ว่ากันว่ามีนางสนมที่ถูกแขวนคออยู่ข้างใน แม้ว่าสถานที่นี้จะถูกทำความสะอาดอย่างดีหลังจากการสิ้นพระชนม์ขององค์ฮ่องเต้ผู้ล่วงลับ แต่ข่าวลือที่น่ากลัวมากมายก็ยังคงแว่วมาไม่ขาดสาย
หวังต้าหวู่พูดขึ้นอย่างขนหัวลุก "ข้ารู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้จริง ๆ นะ"
หวังเอ้อร์หวู่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ไม่มีทาง กลางวันแสก ๆ พวกผีสางคงไม่กล้าออกมาอาละวาดหรอก"
หวังต้าหวู่พิงประตูหายใจแรง
"มันก็ไม่แน่นะ ข้าว่าเราอย่ามาอยู่ดูแลที่นี่เลยดีกว่า เงินพวกนี้เราไปขอแลกตำแหน่งกับทหารคนอื่นดีกว่า"
แต่หวังเอ้อร์หวู่ยังคงต้องการสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น
”ไม่ได้ ถ้าพวกเราไปจากที่นี่แล้ว หากพวกนางมีของมาขายอีกก็คงไปหาคนอื่น เงินเป็นกอบเป็นกำขนาดนี้ เจ้าก็เห็นไม่ใช่หรือว่าของพวกนี้นอกวังขายดีขนาดไหน"
หวังต้าหวู่หยุดพูดทันที ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าความจนอีกแล้ว
เมื่อนึกถึงเงินแล้ว ความกล้าก็กลับมาอีกครั้ง
“ข้าจะลองขว้างก้อนหินอีกก้อนเข้าไปตรงนั้น”
ทั้งสองปีนขึ้นไปบนประตูวังและขว้างก้อนหินเข้าไปข้างในอีกครั้ง
อินชิงเสวียนกำลังเล่นอยู่กับเจ้าหมาน้อย ก็ได้ยินเสียงก้อนหินตกลงบนพื้นข้างนอก
อวิ๋นฉ่ายพูดขึ้นอย่างโมโห "ต้องเป็นสองพี่น้องตระกูลหวังแน่ ๆ ไม่จบไม่สิ้นเสียทีจริงเชียว"
เมื่อนึกถึงสองคนนี้ที่ยักยอกเงินของเธอไป ความโกรธของอินชิงเสวียนก็ปะทุขึ้น
“อย่าไปสนใจพวกเขา”
ยายหลี่อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง
“หากพวกเขาหาประโยชน์จากเรื่องนี้ไม่ได้อีก แล้วเปิดโปงเรื่องนี้ขึ้นมาจะทำอย่างไรกันดีล่ะเพคะ?”
อินชิงเสวียนยิ้มอย่างไม่แยแส
"กับอีแค่คนเฝ้าประตูวังเย็น จะมีปัญญาไปทำอะไรได้ คนในวังส่วนใหญ่ต่างก็เป็นผู้มีอำนาจ คงไม่สนใจพวกเขาหรอก"
ยายหลี่คิดแล้วก็เห็นพ้องด้วย แต่นางยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่
อินชิงเสวียนปัดมือเบา ๆ แล้วพูดว่า “แม่นมไม่ต้องกังวลไป แค่อดทนไปอีกสักเดือนสองเดือน รอให้ข้าได้เจอกับองครักษ์คนนั้นอีก ข้าจะลองคุยเรื่องออกนอกวังกับเขาดู ข้าดูจากการแต่งตัวของเขาไม่น่าใช่คนธรรมดา น่าจะเป็นพวกขุนนาง คงพาพวกเราออกไปได้ไม่ยาก"
ยายหลี่ลี่จับมืออินชิงเสวียน ดูสีหน้าตื่นเต้นไม่น้อย
“คนที่สามารถเดินไปเดินมาในวังหลังได้ ก็คงมีแต่ทหารรักษาพระองค์ หากเขาเป็นผู้บัญชาของทหารรักษาพระองค์จริง ๆ ก็คงสามารถพาเราออกจากวังได้แน่ ๆ "
อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า "ฉะนั้น ตราบใดที่ข้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา เรื่องนี้ต้องสำเร็จได้แน่นอน"
ยายหลี่ถามขึ้นอีกครั้ง "แต่ว่า... จะพาองค์ชายน้อยออกไปได้อย่างไรหรือเพคะ?"
“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา ป้อนนมจนอิ่มแล้วแล้วเอาเขาใส่ตระกร้าพร้อมขวดนม แล้ววางต้นไม้ดอกไม้ไว้ด้านบนก็สิ้นเรื่อง เจ้าหมาน้อยของเราเลี้ยงง่ายจะตาย ไม่หิวก็ไม่ร้อง"
ฟังอินชิงเสวียนพูดแล้ว ยายหลี่ก็เห็นถึงความเป็นไปได้
“ถ้าอย่างนั้นเราเราก็ดำเนินการตามนี้นะเพคะ หากพวกเขายอมเต็มใจช่วยเรา ก็ดีจะได้ประหยัดค่าสินบนได้"
“ถูกต้อง” อินชิงเสวียนก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน
“คืนนี้ข้าจะลองพูด ๆ กับเขาดู"
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว อินชิงเสวียนเข้าไปเดินรอบ ๆ ในมิติอีกครั้ง และถือโกอาสหยิบแตงโมลูกใหญ่ออกมา 2 ลูกเพื่อทำน้ำแตงโมให้เจ้าหมาน้อย
เจ้าหมาน้อยกินอย่างมีความสุข และเริ่มพูดคุยอ้อแอ้ ๆ อีกครั้ง
อินชิงเสวียนเล่นกับเขาอยู่พักหนึ่ง ฟ้าก็เริ่มมืดลง
เมื่อเห็นว่าจวนจะได้เวลาแล้ว เธอก็สวมชุดขันทีออกจากวังเย็น
ก่อนจะออกไป อินชิงเสวียนก็เตรียมซาลาเปาไส้หมูร้อน ๆ ไว้ให้ทหารองค์รักษ์ นี่คือซาลาเปาที่เธอตั้งใจทำขึ้นมาเป็นพิเศษในคืนนี้ ยังร้อนควันฉุยอยู่เลย
ขณะที่คิดเรื่องนี้อยู่นั้น อินชิงเสวียนก็ยื่นซาลาเปาส่งให้พร้อมทั้งพูดขึ้นอย่างประจบสอพลอ "พี่ทหาร นี่ข้าตั้งใจทำมาให้ท่านเลยนา ยังร้อนอยู่เลย รีบชิมเร็วเข้าสิ"
เย่จิ่งอวี้กวาดตามองบนล่างไปยังซาลาเปาที่ถูกกัดไปครึ่งหนึ่ง แล้วพูดขึ้นอย่างประชดประชัน "นำของมาให้ผู้อื่น เจ้าต้องกินก่อนอย่างนั้นหรือ?"
“เอ่อ...ก็คือว่าข้ารอจนเบื่อน่ะ"
อินชิงเสวียนยัดซาลาเปาใส่มือให้เย่จิ่งอวี้ และถามขึ้นอีกครั้งว่า "สินค้าพวกนั้น...."
เมื่อเห็นท่าทางของทาสรับใช้ที่เห็นแก่เงินคนนี้ เย่จิ่งอวี้ก็ขมวดคิ้ว
ทันใดนั้นเขาก็เกิดความสงสัยว่าขันทีหนุ่มและคนที่วาดแบบแปลนคือคนคนเดียวกันหรือไม่
แต่อย่างไรเสียเขาก็ยังคงสอดมือเข้าไปหยิบธนบัตรออกมา
อินชิงเสวียนรับมันมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“พี่ทหาร ที่จริงข้ามีอีกเรื่องจะถามท่านน่ะ"
เย่จิ่งอวี้มองไปที่ซาลาเปาแล้วถามว่า "เรื่องอะไรหรือ?"
อินชิงเสวียนดึงแขนเสื้อของเขาแล้วนั่งบนแท่นหินข้าง ๆ
เธอพูดอย่างระมัดระวัง "คืออย่างนี้ ขันทีบางคนในวังของเราต่างก็คิดถึงบ้านกัน ข้าอยากรบกวนพี่ทหารพาพวกข้าออกไปนอกวังหน่อย"
เย่จิ่งอวี้กวาดตามองใบหน้าของอินชิงเสวียนหนึ่งรอบ ดวงตาลุ่มลึก
“ในเมื่อเข้าวังมาแล้ว ก็ควรจะทราบกฎเกณฑ์ในการเข้าวัง เว้นแต่จะเป็นฝ่ายจัดซื้อ บุคคลที่เหลือไม่มีใครสามารถออกจากวังได้ตามใจชอบ”
อินชิงเสวียนอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร "พี่ทหาร ท่านได้โปรดช่วยพวกเข้าด้วยเถอะนะ พวกข้าก็แค่คิดถึงบ้าน ไปครู่เดียวเดี๋ยวก็กลับ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ ช่วยพวกข้าหน่อยเถอะนะ"
เย่จิ่งอวี้โบกมือแล้วพูดอย่างเย็นชา "อย่าบังอาจเหิมเกริม แค่ออกไปคนเดียวก็ถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแล้ว แต่นี่กลับจะออกไปตั้งหลายคน เจ้าคิดว่าวังหลวงเป็นที่ที่เจ้านึกอยากจะเข้าก็เข้า นึกอยากจะออกก็ออกอย่างนั้นหรือ?"
อินชิงเสวียนช่างใจ หยิบธนบัตรสองใบออกมาจากแขนเสื้อ "พี่ทหาร ข้ารู้ว่าท่านมีความสามารถ ท่านก็ช่วยพวกเราสักครั้งเถอะนะ"
ทันทีที่อินชิงเสวียนพูดจบ เธอก็เห็นเงาสีขาวแวบผ่านไปต่อหน้า และสิ่งบางอย่างที่มีขนปุกปุยก็พุ่งเข้าหาเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...