สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 259

หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดลำลองแล้ว อินชิงเสวียนก็เริ่มลังเลอีก

จะออกจากวังก็ต้องมีเหตุผล แต่ตอนนี้นางไม่สามารถคิดหาเหตุผลที่เหมาะสมได้จริงๆ

จะบอกว่าไม่ได้พบหน้าเย่‍จิ่ง‍อวี้เพียงครู่เดียว รู้สึกเหมือนไม่ได้พบกันเนิ่นดั่งผ่านไปสามฤดูใบไม้ร่วง จึงอดไม่ได้ที่จะมาหาเขา ก็คงไม่ได้

ขืนพูดออกไปเช่นนั้นคงน่าสะอิดสะเอียนอย่างยิ่ง พวกเขาทั้งสองคนก็ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น

ถ้าบอกว่าไปเยี่ยมเย่จั้น นั่นก็ยิ่งดูเหลวไหลไปกันใหญ่

ภรรยาของหลานชายไปพบเสด็จอาตอนกลางดึก จะให้เย่‍จิ่ง‍อวี้คิดอย่างไร

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง อินชิงเสวียนก็ถอดชุดเงียบๆ

กว่านางได้รับความไว้วางใจจากเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ยากเย็นแสนเข็ญ เพื่อให้พลิกคดีของตระกูลอิน จะต้องอดใจไว้ อย่าทำลายแผนใหญ่

แต่กลับเห็นเสี่ยวอานจื่อเดินเข้ามาจากประตู

“พระสนม นายหญิงสวีกำลังรออยู่ด้านนอกตำหนัก บอกว่ามีเรื่องจะพูดกับพระสนมพ่ะย่ะค่ะ”

“ทำไมไม่ให้นางเข้ามาล่ะ”

เสี่ยวอานจื่อกล่าวว่า “ฝ่าบาทได้ออกคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้อื่นเข้ามา”

เมื่อนั้นอินชิงเสวียนจึงนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่ตัวเองฝากฝังให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ช่วยดูแลเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงให้ดี นางจึงยืนขึ้นและพูดว่า “รู้แล้ว ข้าจะออกไปดูว่านางมีเรื่องอะไร”

เมื่อข้ามาถึงประตูตำหนัก ก็เห็นสวีจือย่วนในชุดกระโปรงเรียบๆ

“ได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้พระสนมออกจากวัง ได้เผชิญหน้ากับนักฆ่า พระสนมเป็นอะไรหรือไม่”

สวีจือย่วนมองสำรวจนางขากบนลงล่าง น้ำเสียงเจือความกังวลอย่างสุดซึ้ง

อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร ข้าดวงแข็งจะตาย”

“งั้นก็ดีแล้ว”

สวีจือย่วนจับมือของอินชิงเสวียน แล้วพูดว่า “หากพระสนมยังไม่ง่วง ก็เชิญไปนั่งเล่นที่หอสุ่ยอวิ้นสักครู่เถอะ ข้าคิดถึงเจ้า อยากคุยกับเจ้าหน่อย”

อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นมองสวีจือย่วน ส่งคำถามด้วยแววตา

สวีจือย่วนเข้าใจ จึงพยักหน้าเบาๆ

อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

“ได้ งั้นเราก็รีบไปกันเถอะ”

ทั้งสองเร่งรุดไปทันที เพียงไม่กี่อึดใจก็มาถึงหอสุ่ยอวิ้น

สวีจือย่วนบอกกับหานปิงว่า “ข้ามีเรื่องในใจจะคุยกับพระสนม เจ้ากับเสี่ยวอานจื่อรออยู่ข้างนอกเถอะ”

ทั้งสองตอบพร้อมกัน “พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ”

แล้วอินชิงเสวียนก็ตามสวีจือย่วนเข้าไปในห้อง

ข้างฉากกั้นลมในห้องโถง มีชายร่างสูงกำยำที่สวมชุดพรางตัว

เขาไพล่มือไว้ด้านหลัง ราวกับว่าเขากำลังชื่นชมภาพวาดทิวทัศน์บนฉากกั้นลม เมื่อดิ้นเสียงฝีเท้าก็หันกลับมาทันที

ซึ่งก็คืออินสิงอวิ๋น!

อินชิงเสวียนอ้าปากค้าง อยากตะโกนเรียกพี่ใหญ่ แต่สุดท้ายนางก็ไม่ส่งเสียงใดๆ

อินสิงอวิ๋นประกบมือคารวะไปยังสวีจือย่วน

“คุณหนูสวีโปรดให้เราสองพี่น้องได้คุยกันตามลำพัง ข้ามีเรื่องสำคัญต้องถาม”

สวีจือย่วนเหลือบมองเขาด้วยแววตาอ่อนโยน

นางพูดเสียงอ่อนหวาน “ได้ ข้าจะเฝ้าอยู่ที่โถงด้านนอกให้พวกเจ้า”

“พี่ใหญ่ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอะไร”

อินสิงอวิ๋นจับไหล่ของนาง แล้วพูดด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ “ข้าหวังว่าเจ้าจะได้รู้ ว่าในใต้หล้านี้ไม่ได้มีเพียงบุรุษแซ่เย่แค่สองคนเท่านั้น ยังมีบุรุษผู้อื่นที่ดีต่อเจ้าเช่นกัน”

อินชิงเสวียนระงับความโกรธในใจ นางตัดสินใจที่จะพูดกับอินสิงอวิ๋นดีๆ

จากนั้นก็พูดอย่างใจเย็น “แน่นอน ว่ายังมีท่าน ยังมีพี่รองและท่านพ่อด้วย”

นางหยุดชั่วครู่แล้วพูดต่อว่า “ที่ข้าอยู่ในวังไม่ใช่เพราะความรักชายหญิง ข้าเพียงหวังว่าจะล้างชื่อกบฏออกจากตระกูลอินให้ได้ ถ้าขืนท่านยังกระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุอยู่เช่นนี้ ตระกูลอินก็จะกลายเป็นกบฏจริงๆ หรือว่าท่านอยากเห็นชื่อเสียงที่ท่านพ่อสั่งสมมาหลายปีต้องถูกทำลายเพราะท่านจริงๆ หรือ”

อินสิงอวิ๋นแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “ทั้งหมดเป็นเพราะเย่‍จิ่ง‍อวี้บีบบังคับ เพื่อตระกูลอินแล้ว ข้าไม่มีทางเลือก”

อินชิงเสวียนพูดอย่างเฉียบขาด “ที่ท่านทำอยู่ตอนนี้ก็เพื่อตระกูลอินงั้นหรือ แต่ท่านกำลังทำร้ายตระกูลอิน หยุดเถอะ พี่ใหญ่ เย่‍จิ่ง‍อวี้ได้ไปที่จวนจิ้งอ๋องแล้ว และจะต้องวางตาข่ายดักนักฆ่าอย่างแน่นอน หรือท่านอยากเห็นทุกคนในตระกูลอินต้องตายเพราะท่านงั้นหรือ”

“ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายเด็ดขาด เจ้ามากับข้าเดี๋ยวนี้”

อินสิงอวิ๋นจับข้อมือของอินชิงเสวียน แต่อินชิงเสวียนกลับสะบัดหลุด

นางพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ข้าจะไม่ไปกับท่าน ข้ายิ่งไม่ยอมให้ความพยายามของข้าสูญเปล่ากลางทาง ถ้าหากพี่ใหญ่ต้องการดึงดันจริงๆ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ควรพบกันอีก จากนี้ไป ท่านและข้าเดินทางใครทางมัน จะเป็นหรือตายก็แล้วแต่โชคชะตา”

ทันใดนั้นดวงตาของอินสิงอวิ๋นก็เปลี่ยนไป เขาจ้องมองไปที่ใบหน้าเล็กๆ ของอินชิงเสวียนที่เริ่มแดงเพราะความเดือดดาล

“เจ้า...เลือดเย็นถึงเพียงนั้นเลยหรือ”

อินชิงเสวียนเผชิญสายตากับอินสิงอวิ๋นโดยไม่หลบเลี่ยง พูดเน้นทีละคำว่า “ที่พี่ใหญ่กระทำเช่นนี้ ยิ่งทำให้ตระกูลอินตกอยู่ในอันตราย ระหว่างท่านกับข้าใครกันแน่ที่เลือดเย็น”

แสงในดวงตาของอินสิงอวิ๋นเป็นประกายวูบไหว

ทันใดนั้นเขาก็เอื้อมมือออกไปกอดอินชิงเสวียน

แนบอิงเรือนผมของนางแล้วพูดว่า “ชิงเสวียน ข้ากำลังช่วยตระกูลอินอยู่ เจ้าต้องเชื่อข้า ไปกับข้า ข้าจะทำให้เจ้ากับท่านพ่อและน้องร้องได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในไม่ช้า”

อินชิงเสวียนกำลังจะผลักเขาออกไป แต่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หลังคอ และหมดสติไปในทันที...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์