สีหน้าของทุกคนซีดเผือด นี่คือโอรสสวรรค์องค์ปัจจุบัน ถ้าเกิดเป็นอะไรไป คนที่เหลือก็ไม่ต้องมีใครมีชีวิตรอดอีกแล้ว
ฉินเทียนกับหลี่ชีตกใจจนตัวสั่นสะท้าน มองดูเย่จิ่งอวี้โดยที่ไม่กล้าขยับตัว
เย่จั้นผลักทั้งสองคนออกไป แล้วอุ้มเย่จิ่งอวี้ขึ้นรถม้า
เขาสั่งอย่างเร่งรีบ “เข้าวังทันที! ส่วนพวกเจ้าไปที่สำนักหมอหลวงก่อน บอกเรื่องนี้ให้หมอหลวงเหลียงทราบ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ฉินเทียนกับหลี่ฉีกระโดดขึ้นหลังม้า ทันทีที่แตะท้องม้าพวกเขาก็วิ่งหน้าตั้งไปยังวังหลวงอย่างสุดชีวิต
เย่จั้นกอดเย่จิ่งอวี้ไว้ในอ้อมแขน แขนเสื้อสีขาวเหมือนหิมะก็ถูกย้อมเป็นสีแดงทันที
ระเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป รถม้าก็มาถึงประตูวังหลวง เหล่าทหารองครักษ์กำลังจะเข้ามาขวาง แต่ถูกทหารหน่วยเปลวเพลงสีชาดเตะไปอีกด้าน
“ฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บสาหัส ใครกล้าขวาง ฆ่าไม่เว้น!”
ทหารหน่วยเปลวเพลงสีชาดตะโกนไปตลอดทาง คุ้มกันรถม้าจนกระทั่งไปถึงวังหลัง
หมอหลวงเหลียงที่กำลังปรุงยาอยู่ เมื่อได้ยินว่าฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บ สิ่งที่อยู่ในมือก็ร่วงลงพื้นด้วยความตกใจ
“ฝ่าบาท...ฝ่าบาทอยู่ที่ใด”
ฉินเทียนดึงเขาขึ้นไปบนหลังม้า
“ตามข้าไปที่ตำหนักเฉิงเทียน”
ณ ตำหนักเฉิงเทียน
เย่จิ่งอวี้นอนอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวด้วยใบหน้าซีดเซียว เลือดยังคงไหลออกมาจากหน้าอกของเขา
เมื่อเห็นเลือดไหลออกมาเป็นระลอก เย่จั้นก็สูญเสียความอ่อนโยนในยามปกติไป
เขาตะโกนด้วยความโกรธ “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเจ้าต้องรักษาฝ่าบาทให้ได้ ถ้าเกิดฝ่าบาทเป็นอะไรไป ข้าจะตัดหัวพวกเจ้าก่อน”
หมอหลวงกว่ายี่สิบคนคุกเข่าลงบนพื้น ไม่กล้าปริปาก ยาจินชวงที่ใส่แผลเพื่อหยุดเลือดกลับถูกเลือดที่ทะลักออกมาชะล้างไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งอวี้เริ่มหายใจแผ่วลง หมอหลวงเหลียงก็หน้าซีดด้วยความกลัว เขาคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะกับพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ท่านอ๋อง มีดสั้นได้แทงไปกระทบส่วนสำคัญของฝ่าบาท กระหม่อมจนปัญญาแล้ว กระหม่อมพยายามช่วยอย่างสุดกำลังแล้ว แต่ก็สามารถยื้อชีวิตฝ่าบาทไว้นานสุดได้แค่สองวัน ท่านอ๋องได้โปรดติดประกาศตามหาหมอมารักษาด้วยเถิด ไม่เช่นนั้น เกรงว่าฝ่าบาทอาจจะ....”
“ไร้ประโยชน์!”
เย่จั้นโกรธมากจนเขาเตะหมอหลวงเหลียงออกไป จากนั้นก็อุ้มเขาขึ้น
พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ว่าอย่างไร ฝ่าบาทก็ตายไม่ได้ ไม่เช่นนั้น ข้าจะสังหารพวกเจ้าทั้งตระกูล!”
ทันทีที่เขาพูดจบ ทหารหน่วยเปลวเพลงสีชาดก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอก และกระซิบบอกเย่จั้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าท่าทางของเย่จั้นก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาพูดกับทหารหน่วยเปลวเพลงสีชาดที่อยู่ข้างๆ ว่า “รีบรวบรวมคน เฝ้าที่นี่ไว้ให้ดี ใครก็ตามที่กล้าเข้ามาในตำหนักโดยไม่ได้รับอนุญาต ฆ่าได้ทันที! “
หลังจากที่เย่จั้นพูดจบ เขาก็รีบเดินออกจากตำหนักเฉิงเทียนไป
ในเวลานี้ อินชิงเสวียนถูกทหารหน่วยเปลวเพลงสีชาดคนหนึ่งตรึงอยู่กับพื้นด้วยสีหน้าสับสน
เดิมทีนางต้องการกลับวังหลวงทันที แต่เมื่อนึกได้ว่าตัวเองไม่ได้นำป้ายทองประจำพระองค์มาด้วย นางจึงคิดที่จะมาปรึกษาเย่จั้นที่จวนอ๋องก่อน ให้เขาช่วยไปบอกแทนตัวเอง ไม่นึกว่าตัวเองจะถูกคุมตัว ทันทีที่เข้าประตูมา
ใบหน้าของอินชิงเสวียนแนบอยู่บนพื้น ด้วยสีหน้าอ่อนใจ
“จวนจิ้งอ๋องของพวกเจ้าต้อนรับแขกเช่นนี้หรือ”
คนที่กดร่างนางไว้พูดอย่างเย็นชา “หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว เมื่อท่านอ๋องกลับมา ค่อยตัดสินใจ”
ไหล่ของอินชิงเสวียนเจ็บจากการถูกกดทับ ในใจเริ่มหงุดหงิด
พูดด้วยความโกรธ “พวกเจ้าช่างบังอาจจริงๆ ข้าคือพระสนมเหยาเฟยของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำกับข้าแบบนี้ ไม่กลัวฝ่าบาทจะลงโทษรึ”
ชายคนนั้นพูดอย่างขุ่นเคือง “คนที่จะถูกจับก็คือเจ้า เจ้าแทงฝ่าบาท ตอนนี้ยังกล้ามาติดกับดักเองอีก เจ้าควรถูกลงโทษสำหรับความผิดของเจ้า! “
อินชิงเสวียนหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“เจ้าพูดอะไร”
ชายคนนั้นบีบไหล่ของอินชิงเสวียนอย่างแรง
“เจ้ายังจะเสแสร้งอยู่อีก เมื่อกี้เจ้าใช้มีดสั้นแทงที่อกของฝ่าบาท บัดนี้ท่านอ๋องได้ส่งฝ่าบาทไปรักษาที่วังหลวงแล้ว”
อินชิงเสวียนตกตะลึง “เจ้าพูดจริงหรือ”
เย่จั้นไม่พูดอะไร จ้องมองอินชิงเสวียนด้วยสายตาเย็นชาคู่นั้น
เมื่อนึกถึงเพลงกระบี่อันช่ำชองของอินชิงเสวียนในตอนนั้น การต่อสู้อย่างอุตลุดบนเนินดินในวันนั้น รวมถึงท่าทางแปลกๆ ของไป๋เสวี่ยที่มีต่อนาง และการตีหน้าเซ่อของนางตอนที่มาจวนอ๋อง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นไหวในใจ
แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่นางเพิ่งพูดไป ก็รู้สึกว่าอินชิงเสวียนวางแผนลอบสังหารเย่จิ่งอวี้ก็มีความเป็นไปได้
เขาแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา พูดว่า “จนถึงตอนนี้ เจ้ายังคิดจะเถียงข้างๆ คูๆ อีก”
อินชิงเสวียนเหงื่อออกทันที
“ข้าไม่ได้เถียงข้างๆ คูๆ ทั้งหมดนี้เป็นแผนของเจียงวู พวกเขาจับข้าไว้ ใช้ใบหน้าของข้าทำหน้ากากไว้แปลงโฉม มาเพื่อลอบสังหารพวกท่าน ไม่เพียงแต่ท่านอ๋องและฝ่าบาทเท่านั้น แต่จอมพลกวนก็อาจตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน ท่านอ๋อง ท่านต้องเชื่อข้า!”
เย่จั้นพูดอย่างเย็นชา “เจ้าจะให้ข้าเชื่อเจ้าได้อย่างไร พ่อของเจ้าเป็นแม่ทัพของราชสำนัก ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าซ่อนฝีมือวรยุทธ์ของเจ้า ที่เจ้าแอบปลอมตัวออกจากวังเย็นก็เพื่อวันนี้”
อินชิงเสวียนพยายามเงยหน้าขึ้น พูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าออกจากวังเย็นมาเกือบสี่เดือนแล้ว หากข้าต้องการฆ่าเย่จิ่งอวี้ก็มีโอกาสมากมาย ยังต้องรอจนถึงวันนี้งั้นหรือ”
เสียงของเย่จั้นเยือกเย็นลงเล็กน้อย
“บางทีนี่อาจเป็นแผนการของเจ้าทั้งหมด รอให้ฝ่าบาทตกหลุมรักเจ้า จะได้ไม่ระมัดระวังตัวจากเจ้า”
เมื่อเห็นว่าพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ อินชิงเสวียนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
นางเป็นห่วงเย่จิ่งอวี้มาก
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นพ่อแท้ๆ ของลูก
นอกเหนือจากเหตุผลนี้แล้ว นางยังมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้อยู่ในใจด้วย
อินชิงเสวียนไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ตอนนี้คำอธิบายใดๆ ก็ดูจืดจาง ดังนั้นจึงทำได้แค่บุกรุกเข้าไปในวังเท่านั้น
นางแลกเปลี่ยนพลังแห่งมิติทันที ใช้กำลังอย่างกะทันหัน ทหารหน่วยเปลวเพลงสีชาดที่กดนางอยู่ก็ถูกกระแทกออกไป
อินชิงเสวียนใช้มือข้างหนึ่งยันพื้น แล้วยืนขึ้นอย่างช้าๆ เส้นผมดำขลับของนางปลิวไสวเพราะผลจากพลังแห่งมิติ แล้วพลังอันแข็งแกร่งของนางบังคับให้เย่จั้นต้องถอยหนึ่งก้าว
นางมองเย่จั้นอย่างไม่แยแส พูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว “ล่วงเกินแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม วันนี้ ข้าจะต้องเข้าวังให้ได้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...