สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 27

เมื่อได้ยินดังนั้น ลู่จิ้งเสียนก็หน้าเปลี่ยนสีทันที

ดึกดื่นป่านนี้ ฝ่าบาทกลับเรียกหาซูฉ่ายเวย หรือว่าต้องการให้หญิงสารเลวนั้นมาเข้าเฝ้าหลับนอนด้วยอย่างนั้นหรือ?

หากนางได้มาเข้าเฝ้า เช่นนั้นแล้ววังหลังยังจะมีที่ว่างให้ตนได้อย่างไร

นางรีบเอามือกุมท้องแล้วส่งเสียงร้องโอดโอย

"ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันเจ็บเหลือเกินเพคะ"

ชุ่ยจู๋ร้องขึ้นทันที "ฝ่าบาททรงโปรดช่วยเหลือพระสนมด้วยเพคะ พระสนมอาการโรคหัวใจกำเริบอีกแล้วเพคะ"

เย่จิ่งอวี้ยืนนิ่ง แววตาถากถาง

พูดขึ้นเรียบ ๆ ว่า "ทหาร รีบพาสนมเสียนเฟยไปหาหมอหลวงเดี๋ยวนี้"

ลู่จิ้งเสียนเอามือกุมอก พูดน้ำเสียงสะอึกสะอื้น "ฝ่าบาท อยู่กับหม่อมฉันเถอะนะเพคะ"

เย่จิ่งอวี้คำรามเสียงเย็น "ข้าไม่ใช่หมอ อยู่กับเจ้าจะช่วยอะไรได้"

"ฝ่าบาท!"

ลู่จิ้งเสียนไม่ยอมแพ้ ส่งเสียงเรียกอีกครั้ง แต่ถูกขันทีหลายคนหามขึ้นมา ลู่จิ้งเสียนโมโหจนแทบกระอักเลือด ทั้งก่นด่าทั้งดีดดิ้น

"ไสหัวไป ไสหัวไปให้หมดเดี๋ยวนี้"

ในขณะเดียวกัน ขันทีที่ต้องไปรับซูฉ่ายเวยก็มาถึงหอฉงฮวา

ซูฉ่ายเวยกำลังหลับสบาย จู่ ๆ ก็ได้ยินว่าฮ่องเต้เรียกให้เข้าเฝ้าก็ตื่นเต้นดีใจจนตกลงจากเตียง

"เร็วเข้า รีบแต่งหน้าแต่งตัวให้ข้าเร็วเข้า...."

อินชิงเสวียนนอนไม่หลับในค่ำคืนนั้น ก็ผ่านไปอย่างโกลาหลเช่นนี้

หลี่เต๋อฝูคิดว่าฮ่องเต้เข้าพบซูฉ่ายเวยจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น แต่นึกไม่ถึงว่าวันรุ่งขึ้นกลับแย่ลง เขาปัดถาดอาหารทิ้งอย่างหงุดหงิด

ทุกคนต่างพากันตกใจคุกเข่าลงกับพื้นตัวสั่นเทา ไม่มีใครกล้าส่งเสียง

เป็นเวลานานกว่าที่เย่จิ่งอวี้จะมองเห็นคนที่คุกเข่าเหล่านั้น

น้ำเสียงเบาลงเล็กน้อย "พวกเจ้าออกไปเถอะ"

หลี่เต๋อฝูโบกมือ ทุกคนต่างพากันเดินออกจากตำหนักเฉิงเทียนไป

หลี่เต๋อฝูกลืนน้ำลายอึกใหญ่ บากหน้าเดินเข้าไปถามว่า "ฝ่าบาท พระองค์ทรงกริ้วด้วยเรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?"

เย่จิ่งอวี้นิ่งงันอยู่นาน จู่ ๆ ก็พูดขึ้นว่า "ไปตรวจดูสมุดบันทึกขันทีฝ่ายในให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าอยากรู้ว่าช่วงนี้มีใครออกจากวังบ้าง"

"พ่ะย่ะค่ะ"

หลี่เต๋อฝูมิอาจรอช้า ฮ่องเต้ทรงกริ้วถึงเพียงนี้ คงไม่พ้นเรื่องขันทีหนุ่มผู้นั้นเป็นแน่

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลี่เต๋อฝูก็ถือสมุดบันทึกกลับมาและเรียกให้ทุกคนที่ออกจากวังไปที่ตำหนักเฉิงเทียน

เย่จิ่งอวี้มองดูผ่าน ๆ ก็อดรู้สึกผิดหวังไม่ได้

"มีแค่นี้เองหรือ?"

หลี่เต๋อฝูเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ยิ้มแห้ง ๆ พลางกล่าวว่า "ใช่พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ทุกคนที่ออกไปได้ถูกลงชื่อไว้หมดแล้ว"

เย่จิ่งอวี้คำราม "ไปตรวจดูอีกครอบ หากมีใครกล้าลักลอบออกจากวังไป จะถูกประหารทันที"

"พ่ะย่ะค่ะ"

หลี่เต๋อฝูบอกให้ทุกคนออกจากตำหนักเฉิงเทียน

เย่จิ่งอวี้หรี่ตามองดูต้นท้อที่หน้าตำหนัก สายตาเหม่อลอย

เจ้าขันทีสมควรตายนี่จะติดปีกหนีไปได้อย่างนั้นเชียวหรือ?"

……

ณ วังเย็น

อินชิงเสวียนกำลังหอบหิ้วสิ่งของมากมายเดินออกไป

ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร ข้าวสาลี หรือองุ่นต่างก็สุกได้ที่ อินชิงเสวียนแลกทุกอย่างมาจากระบบ แล้วใส่ลงในกะละมังขนาดใหญ่

อวิ๋นฉ่ายไม่เคยเห็นข้าวสารมาก่อน ยิ่งไม่เคยเห็นผลองุ่น อดสงสัยขึ้นไม่ได้

"พระสนม ของพวกนี้มันคืออะไรหรือเพคะ?"

อินชิงเสวียนอธิบายอย่างใจเย็น "นี่คือข้าวสาร นี่คือองุ่น ส่วนนี่คือหัวหอมเอาไว้ใช้สำหรับปรุงรส"

อวิ๋นฉ่ายตื่นเต้น นางรู้จักหัวหอม แต่ไม่เคยได้ยินข้าวสารกับองุ่นมาก่อน

อินชิงเสวียนเด็ดองุ่นออกมาลูกหนึ่งแล้วส่งให้อวิ๋นฉ่ายลองลิ้มรส อวิ๋นฉ่ายยิ้มตาหยีขึ้นมาทันที

"พระสนม หวานจังเลยเพคะ"

มิน่าพระสนมจากในวังถึงไม่ได้ให้สิ่งของแก่เขาอีก หาคนอื่นได้แล้วอย่างนั้นหรือ?

เขาเดินตามไปไม่กี่ก้าว ก็เดินกลับมา

เมื่อเดินมาถึงจุดที่อินชิงเสวียนเดินออกมาก็หยุดดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปที่หลังต้นไม้ถอนหญ้าออกมากำหนึ่ง ในใจรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่อง ที่แท้กำแพงตรงนี้มีรู้อยู่นี่เอง

หวังเอ้อร์หวู่มองดูรูบนกำแพงและยิ้มอย่างมุ่งร้าย สนมที่วังเย็นนี้ดูแล้วคงไม่ใช่สนมที่ดีเท่าไหร่

และเมื่อยิ่งคิดว่าวังเย็นไม่มีคนอยู่ มุมปากของเขาก็ตวัดขึ้นมาอย่างประสงค์ร้าย

อินชิงเสวียนเดินเข้าตรอกชิงสืออย่างชำนาญทาง

เธอไม่แน่ใจว่าทหารองค์รักษ์คนนั้นจะอยู่หรือไม่ หากไม่มาก็ถือว่าเป็นของกินช่วยย่อยอาหารไปก็แล้วกัน เพราะอย่างไรแล้วเธอก็กินเกี๊ยวเข้าไปไม่น้อย

อินชิงเสวียนไม่มีภาระใด ๆ ในใจ เธอปลงตกแล้วในคืนที่นอนไม่หลับนั้น

กรุมโรมไม่ได้สร้างเสร็จได้ในวันเดียว ออกไปไม่ได้ก็หาเงินไปก่อน หากมีเงินมากพอก็จะต้องมีคนยอมช่วยเหลือเธอแน่นอน

เมื่อสัมผัสกับสายลมเย็น อินชิงเสวียนก็อารมณ์ดีไม่น้อย

กำลังเพลิดเพลินกับบรรยกาศ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนว่า "พวกบ่าวไพร่บังอาจเหิมเกริมนัก เห็นข้ากลับไม่คุกเข่าคารวะลงอย่างนั้นรึ"

อินชิงเสวียนจึงหันไปเห็นว่ามีคนสองคนยืนอยู่หน้าประตูวัง

คนหนึ่งสวมชุดผ้าไหมสีชมพู มุมปากมีรอยเลือด อีกคนเป็นหญิงสาวที่แต่งตัวอย่างคนในวัง

ซึ่งก็คือพระสนมซูฉ่ายเวยจากหอฉงฮวาและเซียงหลานสาวใช้ของนาง

วันนี้หลังกลับมาจากตำหนักเฉิงเทียน ซูฉ่ายเวยก็อารมณ์ไม่ดีอย่างมาก

ถูกฮ่องเต้ซักถามเกี่ยวกับขันทีอยู่ทั้งคืน พวกบ่าวรับใช้ยังคิดว่านางได้รับการโปรดปรานจากฮ่องเต้เสียอีก

ซูฉ่ายเวยไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป ยังไม่ทันจะได้เสวยสุข พอตกบ่ายลู่จิ้งเสียนก็พาคนมาตบตีนางเข้าอีก

ซูฉ่ายเวยโกรธมากจึงคิดจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องฮ่องเต้ แต่กลับถูกหลี่เต๋อฝูขัดขวางไว้ที่ด้านนอก โดยแจ้งว่าฮ่องเต้เข้าบรรทมแล้ว ซูฉ่ายเวยจึงต้องกลับมา

กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ เมื่อเห็นขันทีผู้น้อยคนหนึ่งหอบหิ้วสิ่งของเดินมาทางตน จึงหาเรื่องเพื่อระบายความโกรธ

อินชิงเสวียนหยุดยืนชะงักไปเล็กน้อย

ซูฉ่ายเวยกลับเดินเข้ามาหาอย่างดุร้าย

"บ่าวไพร่สารเลว ข้าพูดกับเจ้าไม่ได้ยินหรือไง?"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์