สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 28

อินชิงเสวียนเหลือบมองประตูวัง ข้างบนเขียนว่าหอฉงฮวา

เดิมทีเธอรู้สึกผิดต่อสนมนางนี้เล็กน้อย ถึงอย่างไรก็เป็นเพราะตนที่ทำให้นางต้องว้าวุ่น แต่เมื่อดูท่าทางโกรธกริ้วของนางในตอนนี้นั้น อินชิงเสวียนก็รู้สึกว่าความกังวลของเธอนั้นไม่จำเป็นเลย

แต่ทว่าอีกฝ่ายก็เป็นถึงสนม ถึงอย่างไรก็ต้องแสดงออกเสียหน่อย

เธอรีบยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น พูดด้วยน้ำเสียงอันดังว่า “คารวะพระสนม"

ซูฉ่ายเวยก้มหน้ามองอินชิงเสวียนถือของอยู่ในอ้อมแขนก็พูดขึ้น "เจ้าถืออะไรอยู่ในมือ ไปขโมยมาจากไหน?"

อยู่ดี ๆ ก็บอกว่าเธอขโมย อินชิงเสวียนรู้สึกไม่ชอบใจ

เธอก้มศีรษะลงและแสดงความนอบน้อมต่อซูฉ่ายเวย

“กระหม่อมไม่ได้ขโมย นี่เป็นสิ่งของที่ต้องมอบให้ฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ"

ซูฉ่ายเวยกวาดสายตาประเมินอยู่ชั่วครู่ สายตาก็ไปจับจ้องที่ใบหูของอินชิงเสวียน

“เจ้าทาสรับใช้สามหาว เจ้ากล้าพูดไร้สาระ ฮ่องเต้บรรทมไปแล้ว เหตุใดถึงยังจะมารับของจากเจ้า เอาออกมาให้ข้าดูเดี๋ยวนี้ว่าเจ้าไปขโมยมาจากที่ไหนกันแน่"

อินชิงเสวียนถูกหยิกจนเจ็บ จึงรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที

ยังไม่ได้เลื่อนยศมีบรรดาศักดิ์เสียหน่อย ทำไมต้องกลัวแค่หญิงงามคนหนึ่งด้วย

จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นยืน และต่อยเข้าที่ท้องของนางหนึ่งหมัด

ซูฉ่ายเวยคาดไม่ถึงว่าขันทีจะกล้าลงมือกับตน ถูกชกเข้าหนึ่งทีก็นั่งร้องโอดโอยอยู่บนพื้น

เซียงหลานที่อยู่ข้าง ๆ ตกตะลึง แล้วตบเข้าที่หน้าของอินชิงเสวียนหนึ่งฉาด

ถูกซูฉ่ายเวยรังแกแบบนี้ เธอรู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก

แม้ว่าอินชิงเสวียนจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่ยอมให้คนอื่นรังแกได้ง่าย ๆ

เธอหลบหลีกฝ่ามือของเซียงหลาน จากนั้นเตะเข้าไปที่หัวเข่าของนาง

เซียงหลานกรีดร้องแล้วล้มลงกับพื้น

อินชิงเสวียนลุกขึ้นยืน และเตะทั้งสองคนเข้าอีกคนละหนึ่งที

ซูฉ่ายเวยถูกเตะเข้าก็โกรธจนตัวสั่น กุมศีรษะไว้และกรีดร้องลั่น

“ทหาร ทหาร เจ้าทาสสามหาวคนนี้กำลังจะก่อกบฏ"

ขันทีสามคนและสาวใช้สองคนที่อยู่ข้างในก็วิ่งออกมาทันที

"พระสนม พระสนม"

ซูฉ่ายเวยตะโกนด้วยความโกรธ "พวกเจ้ามาประคองข้าทำไม รีบไปจับทาสสามหาวคนนั้นไว้"

พวกเขาตระหนักขึ้นมาได้ รีบวิ่งไปจับอินชิงเสวียน

อินชิงเสวียนเห็นท่าไม่ดี จึงรีบวิ่งหนีไป

ขันทีเหล่านั้นเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว ในไม่ช้าก็สามารถจับตัวอินชิงเสวียนไว้ได้

"ปล่อยข้า"

ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง เธอก็ได้ยินเสียงเห่าดังขึ้นเห็นเงาสีขาวกระโจนมาจากระยะไกล งับเอากัดบั้นท้ายของขันทีคนหนึ่ง

ขันทีร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดและปล่อยอินชิงเสวียน

คนอื่นเมื่อเห็นไป๋เสวี่ยก็แสยะยิ้ม ต่างก็ปล่อยมือลง

ในเวลานี้ มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบและมีรองเท้าหลายสิบคู่ก็ปรากฏต่อหน้าอินชิงเสวียน

อินชิงเสวียนยังคงกอดเกี๊ยวแน่นไว้ในอ้อมแขน บ่งบอกถึงระดับความเห็นแก่กินของเธอได้เป็นอย่างดี

เสียงดังราวฟ้าคำรามดังขึ้นว่า "บังอาจ! ดึกดื่นไม่หลับไม่นอน มาเอะอะโวยวายอะไรกันอยู่ตรงนี้"

อินชิงเสวียนลุกขึ้นจากพื้น มองขึ้นไปก็เห็นเย่จิ่งอวี้ยืนอยู่ท่ามกลางบรรดาขันที

เธอร้องเรียกด้วยความดีใจ "พี่ทหาร"

เย่จิงหยูเลิกคิ้ว ที่แท้ทาสรับใช้คนนี้ยังไม่หายไปไหน

ใบหน้าที่แข็งกร้าวเป็นเวลาสองวันก็อ่อนลงทันที

"เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?"

ซูฉ่ายเวยเห็นฮ่องเต้ก็คลานเข้ามาหาทันที ดึงเสื้อคลุมของเย่จิ่งอวี้แล้วพูดขึ้นว่า "ฝ่าบาท พระองค์ต้องทรงให้ความเป็นธรรมกับหม่อมฉันนะเพคะ เจ้าขันทีไพร่คนนี้มันทุบตีหม่อมฉัน"

อินชิงเสวียนกลายเป็นหินทันที

อะไรนะ?

ขันทีหลายคนอุ้มซูฉ่ายเวยออกไปทันทีโดยไม่ต้องให้มีคำสั่งขึ้นครั้งที่สอง

อินชิงเสวียนก็อยากจะหนีไปเช่นกัน แต่เย่จิ่งอวี้จับคอเสื้อของเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

ไอค่อกแค่กหนึ่งทีและพูดขึ้นว่า "เอ่อ....ฝ่าบาท...กระหม่อมก็ควรกลับไปได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"

เย่จิ่งอวี้มองไปที่ต้นคอที่ขาวหมดจดของเธอ และพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบ ๆ ว่า

“ไม่ต้อง ตั้งแต่บัดนี้ไปเจ้าอยู่รับใช้ข้าที่ตำหนัก"

"คือว่า....นี่มัน....."

อินชิงเสวียนเหงื่อผุดทันที เธอสงสัยว่าเย่จิ่งอวี้อาจจะจำเจ้าของร่างเดิมได้ และจงใจกลั่นแกล้งเธอ

หลี่เต๋อฝูพูดอย่างข่มขู่ "นี่มันอะไรของเจ้า เป็นบุญล้นพ้นของเจ้าแล้วที่ฝ่าบาททรงโปรด"

เย่จิ่งอวี้ถลึงตาใส่ หลี่เต๋อฟู่หุบปากทันที ย่อคอแล้วถอยหลังไป

“ไม่ต้องอ้ำอึ้ง ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน กลับตำหนักไปกับข้า ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า"

เย่จิงหยูพูดจบก็เดินเอามือไพล่หลังจากไปทันที

วันนี้เขารู้สึกอารมณ์ไม่ดี จึงพาไป๋เสวี่ยไปเดินเล่น เมื่อมาถึงสระบัว จู่ ๆ ไป๋เสวี่ยก็วิ่งมาทางนี้อย่างบ้าคลั่ง เย่จิ่งอวี้จึงเดินตามมา คาดไม่ถึงว่าจะเจอกับทาสรับใช้คนนี้เข้า"

เมื่อถึงท่าทางของซูฉ่ายเวยที่ถูกเขาเล่นงาน เย่จิ่งอวี้ก็เชิดมุมปากขึ้น

กล้าลงมือกับสนม ช่างใจกล้าบ้าบิ่นดีจริง ๆ

เมื่อมองดูแผ่นหลังที่สูงสง่านั้น อินชิงเสวียนก็อดขนหัวลุกไม่ได้

ขันทีหลายคนล้อมรอบเธอไว้ตรงกลาง มองดูเธอด้วยสายตากระตือรือร้น โดยเฉพาะขันทีเฒ่าคนนั้นที่ดูเหมือนจะอยากจับเธอกิน ยิ่งทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกประหม่า

ไป๋เสวี่ยวิ่งตามมาติด ๆ เมื่อได้กินเกี๊ยวก็เหยียดอุ้งเท้าใหญ่ออกมาทำท่าทีประจบประแจง

นึกถึงที่มันช่วยชีวิตตนไว้ อินชิงเสวียนก็เปิดห่อกระดาษออกและหยิบเกี๊ยวออกมา

กลิ่นเนื้อลอยเข้าจมูก และทุกคนต่างพากันทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่น อินชิงเสวียนหยิบเกี๊ยวออกมาแล้วยื่นให้ไป๋เสวี่ย

ไป๋เสวี่ยคาบออกไปกินที่พื้น

อินชิงเสวียนหยิบอีกอันออกมา แต่กลับมีมือหนึ่งมาดึงห่อกระดาษออกไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์