สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 277

หลังจากที่เย่จั้นจากไปแล้ว อินชิงเสวียนก็รีบหยิบกระจกออกมาดู เมื่อครู่ตอนที่นางร้องไห้ ผงสีดำเหล่านั้นก็ถูกเช็ดออกไปเกือบหมดแล้ว

จึงรีบเข้าไปในมิติแล้วหยิบผงสีดำออกมา และทาอีกครั้ง

เมื่อออกมา ก็สังเกตเห็นว่าใบหน้าของเย่‍จิ่ง‍อวี้ขาวซีดขึ้นเล็กน้อย

อินชิงเสวียนสัมผัสมือของเขา ก็รู้สึกว่านิ้วมือนั้นเย็นเฉียบ ไม่มีความอุ่นเลย

อินชิงเสวียนรีบหยิบผ้าห่มอีกผืนมาห่มให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ แต่ก็เห็นบนหน้าผากของเย่‍จิ่ง‍อวี้มีเหงื่อมากขึ้นเรื่อยๆ นางก็ไม่วายตื่นตระหนก

ทำไมถึงดูแย่ลงอีกล่ะ

อินชิงเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินไปที่ประตู กำลังจะไปตามหมอหลวง

แต่เมื่อได้ยินเสียงโกลาหลข้างนอก นางก็กดเสียงให้ทุ้มต่ำลงทันที แล้วถามว่า “วุ่นวายอะไร”

ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลี่เต๋อฝูก็จำอินชิงเสวียนไม่ได้ เมื่อเห็นว่านางอยู่กับเย่จั้นตลอด จึงคิดว่านางเป็นคนสนิทของเย่จั้น ดังนั้นเขาจึงตอบว่า “ฝูอี้อ๋อง บอกว่าเขาต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบาท”

อินชิงเสวียนมีความคิดแวบหนึ่งขึ้นในหัว

เขามาทำอะไร

หรือว่าเจ้าเด็กนี่ก็โลภบัลลังก์เช่นกัน

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น นางก็ได้ยินเย่จิ่งหลานพูดว่า “ข้ามียาอยู่ด้วย อาจสามารถช่วยฝ่าบาทได้”

จู่ๆ อินชิงเสวียนก็นึกจขึ้นได้ว่า ฝูอี้อ๋องคนนี้อาจเป็นคนที่ข้ามมิติมา ดังนั้นนางจึงบอกกับหลี่เต๋อฝูว่า “ให้ท่านอ๋องเข้ามาเถอะ”

“เอ่อ...”

หลี่เต๋อฝูลังเล

ทุกวันนี้สถานการณ์ในวังหลวงวุ่นวาย นอกจากจิ้งอ๋องแล้วก็ไว้ใจใครไม่ได้อีก โดยเฉพาะฝูอี้อ๋องผู้เหมือนไม่มีตัวตนอยู่ในวังหลัง

เย่จิ่งหลานยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “หลี่เต๋อฝู ข้าไม่มีทหารและไม่มีอำนาจ ไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายฝ่าบาทจริงๆ ถ้าฝ่าบาทยังอยู่ ก็สามารถคุ้มครองพวกเราสองแม่ลูกให้ปลอดภัยได้ หากฝ่าบาทไม่อยู่แล้ว ชีวิตในวันข้างหน้าของข้าก็ไม่ได้อยู่อย่างสบายหรอก”

หลี่เต๋อฝูจึงยอมเปิดประตูให้

“ขอบคุณมาก”

เย่จิ่งหลานกล่าวขอบคุณเขา และเดินเข้ามาจากด้านนอก

อินชิงเสวียนถามทันที “เจ้ามียาวิเศษอะไร”

เย่จิ่งหลานเงยหน้าขึ้นมองดูนางแวบหนึ่ง แล้วก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ แล้วกระซิบ “ที่แท้ก็เป็นเสด็จพี่สะใภ้นี่เอง ตอนนี้ทุกคนกำลังตามหาเจ้าอยู่ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะอยู่ในวัง”

แสงไฟในห้องสว่างไสว จึงไม่น่าแปลกใจที่มีคนมองวิชาแปลงโฉมห่วยๆ นี้ออกในทันที

สีหน้าของอินชิงเสวียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วก็กลับมาเป็นปกติ

นางพูดเบาๆ “ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ หากท่านอ๋องมียาดีๆ ข้าก็ยินดีจะทำการแลกเปลี่ยนกับเจ้า”

เย่จิ่งหลานส่ายศีรษะ ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ข้าไม่มียาวิเศษใดๆ”

“แล้วเจ้า...” อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นมองทันที

เย่จิ่งหลานประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “เสด็จพี่สะใภ้ใจเย็นๆ ก่อน ข้าสามารถช่วยชีวิตคนได้โดยไม่ต้องใช้ยา แต่ก่อนอื่น ข้าอยากจะยืนยันสิ่งหนึ่งก่อน”

“อะไรรึ”

ความอดทนของอินชิงเสวียนกำลังจะหมดลง

ทันใดนั้นเย่จิ่งหลานก็เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปยังอินชิงเสวียน

ถามขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “How are you? (คุณสบายดีไหม)”

อินชิงเสวียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบอย่างหยั่งเชิง “I am fine,thank you, and you ? (ฉันสบายดี ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ)”

เย่จิ่งหลานเม้มริมฝีปากยิ้มๆ “ข้าทายไม่ผิดจริงๆ”

อินชิงเสวียนก็ทั้งประหลาดใจและดีใจเช่นกัน นางมองดูเขาแล้วพูดว่า “ทั้งขลุ่ยดินเผาและลูกฟุตบอลเป็นของเจ้าใช่หรือไม่ เจ้าก็มาจากที่นั่นเหมือนกัน?”

เย่จิ่งหลานกะพริบตา แล้วถามกลับว่า “แล้วกระจก น้ำหอม รวมถึงผ้าอนามัยพวกนั้นก็เป็นของเสด็จพี่สะใภ้ด้วยกระมัง”

แม้ว่าทั้งคู่จะสนทนากันด้วยคำถาม แต่พวกเขาก็ยืนยันตัวตนของกันและกันได้แล้ว

เพียงแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะรำลึกถึงอดีต

อินชิงเสวียนปรับจิตใจให้สงบทันที ถามอย่างเร่งด่วน “เจ้าจะช่วยเย่‍จิ่ง‍อวี้อย่างไร”

เย่จิ่งหลานยกมือขึ้นโบก ทันใดนั้น มิติรักษาที่ทันสมัยมากก็ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า มีโคมไฟไร้เงาแขวนอยู่บนเพดาน เห็นได้ชัดว่าเป็นห้องผ่าตัดที่มีเครื่องมือครบครันและมีมีดผ่าตัดเรียงเป็นแถวอยู่ด้านข้าง

เย่จิ่งหลานเงยใบหน้าเหมือนเด็กขึ้นมา

“พวกเราเป็นคนที่มีที่มาเหมือนกัน แต่เจ้ากลับสงสัยข้างั้นหรือ”

อินชิงเสวียนจ้องมองเขาแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ข้าก็จนปัญญาจริงๆ ถ้าเป็นเวลาปกติ ข้าคงยินดีที่จะได้เห็นความสำเร็จ แต่เย่‍จิ่ง‍อวี้เป็นฮ่องเต้ ดังนั้นข้าจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ”

เย่จิ่งหลานพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เช่นนั้นเจ้าก็เอามีดมาจ่อที่คอของข้า หากข้ามีแผนร้ายคิดไม่ซื่อ เจ้าก็สามารถฆ่าข้าได้ทันที”

“แต่ข้าไม่รู้เรื่องการรักษา”

เย่จิ่งหลานกางมือออก

“แล้วเจ้าจะทำอย่างไร ถ้าขืนช้าไปกว่านี้ คนก็จะตายจริงๆ ถ้าข้าเดาไม่ผิด ออกซิเจนในเลือดและความดันโลหิตของเขากำลังลดลง ไม่ว่าเขาจะตายหรือไม่ก็ตาม สำหรับข้าก็ไม่มีอะไรที่เสียหาย”

เมื่อเห็นเม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนศีรษะของเย่‍จิ่ง‍อวี้เป็นชั้นๆ อินชิงเสวียนจึงไม่มีทางเลือกจริงๆ ด้วยทักษะทางการแพทย์ในปัจจุบันของนาง การที่จะรักเขานั้นเป็นไปไม่ได้เลย

หลังจากชั่งใจอยู่นาน ในที่สุดก็กัดฟันพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ทำการผ่าตัดเถอะ คนที่ข้ามมิติคงไม่หลอกคนข้ามมิติด้วยกันเอง ไม่เช่นนั้นเจ้าก็จะไม่มีแม่แล้ว”

เย่จิ่งหลานเหลือบมองนางแล้วพูดว่า “ไร้เดียงสานัก แต่ข้าก็มีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่งเหมือนกัน”

อินชิงเสวียนพูดอย่างกังวล “เจ้ารีบบอกเร็ว”

เย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้น

“ตอนนี้ข้ายังคิดไม่ออก แต่เงื่อนไขนี้มีไว้สำหรับเจ้า และที่ข้าช่วยเขาก็เพราะเห็นแก่เจ้าเท่านั้น”

หลังจากพูดจบเขาก็พาเย่‍จิ่ง‍อวี้เข้าไปในมิติ แล้วโบกมือให้อินชิงเสวียน

“ถอดเสื้อผ้าของเขาออก”

อินชิงเสวียนทดลองดู แล้วก็พบว่านางสามารถเข้าไปในมิติของเย่จิ่งหลานได้เช่นกัน ดังนั้นนางจึงรีบถอดเสื้อคลุมของเย่‍จิ่ง‍อวี้ออก

เย่จิ่งหลานหยิบเข็มสำหรับแทงต่อสายน้ำเกลือออกมา แล้วแทงไปที่หลังมือของเย่‍จิ่ง‍อวี้ ด้วยเทคนิคที่เชี่ยวชาญมาก

อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ก่อนข้ามมิติมาเจ้าเคยเป็นหมอรึ”

เย่จิ่งหลานตอบอืมเบาๆ และหยิบมีดผ่าตัดออกมา

เขายกมุมปากขึ้นด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็กรีดเข้าไปที่บริเวณหัวใจของเย่‍จิ่ง‍อวี้อย่างแม่นยำและมั่นคง...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์