สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 276

เมื่อเห็นว่าในมือพวกเขาถือถุงดำอยู่ และดูเหมือนจะมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ข้างใน อินชิงเสวียนรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี

นางรีบวิ่งเข้าไปในห้องโถงด้านในทันที แล้วเรียกเย่จั้นขึ้น

เย่จั้นเป็นคนนอนไวตื่นไวอยู่แล้ว เขาตื่นตั้งแต่ตอนที่อินชิงเสวียนออกจากห้องโถงด้านในแล้ว

เมื่อเห็นนางเข้ามา เขาก็เงยหน้าขึ้นทันที

“เกิดอะไรขึ้น”

อินชิงเสวียนชี้ไปที่โทรศัพท์มือถือ แล้วพูดด้วยความกระวนกระวายใจ “ท่านอ๋อง มีคนไปที่ตำหนักจินหวู อาจเป็นอันตรายต่อจ้าวเอ๋อร์ ท่านอ๋องโปรดไปช่วยเขาโดยเร็วด้วยเถิด”

เมื่อมองดูร่างทั้งสองบนโทรศัพท์ เย่จั้นก็สะดุ้ง และลุกขึ้นยืนทันที

“นี่คือสิ่งของชั่วร้ายอะไร”

“ไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย สิ่งนี้เรียกว่าโทรศัพท์มือถือ สามารถเห็นภาพอีกฟากหนึ่งได้ ถ้าท่านอ๋องชอบ ข้าจะมอบให้ท่านอ๋องอันหนึ่ง ภาพที่อยู่ตรงนี้คือตำหนักจินหวู พวกเขากำลังขึ้นไปบนหลังคา คงมีแผนชั่วร้ายอยู่แน่ๆ ขอท่านอ๋องรีบไปช่วยลูกชายของข้าด้วยเถิด”

อินชิงเสวียนกระวนกระวายใจจนนิ้วสั่น

ในเวลานี้ เงาสีขาวได้แวบเข้ามาในจอ แล้วจึงเห็นไป๋เสวี่ยเห่าไปที่หลังคา

พอเห็นไป๋เสวี่ย เย่จั้นจึงเริ่มเชื่อขึ้นมา

เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนดูกระวนกระวายใจเช่นนี้ เขาก็พูดว่า “เจ้าเฝ้าตำหนักเฉิงเทียนไว้ให้ดี ข้าจะไปดูเดี๋ยวนี้”

พูดยังไม่ทันขาดคำ เขาก็ใช้วิชาตัวเบาเหาะออกจากตำหนักเฉิงเทียนแล้ว

คนสองคนบนหลังคาคงกลัวว่าจะถูกสุนัขพบตัวเข้า จึงคลานไปที่ชายคา ซึ่งชุดพรางตัวสีดำสนิทได้กลืนหายไปในยามราตรี

จากนั้น ทหารรักษาพระองค์สองคนก็ปรากฏตัวบนหน้าจอ

พวกเขาทั้งสองมองไปที่หลังคา เมื่อไม่เห็นอะไรจึงเดินถอยกลับ

ไป๋เสวี่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล หลังจากพยายามกระโดดขึ้นไปบนหลังคาหลายครั้ง แต่ก็ไร้ผล มันยืนเห่าอยู่กลางลาน

อวิ๋นฉ่ายถูกปลุกให้ตื่นเพราะเสียงเห่าของสุนัข จึงกระซิบบอกกับไป๋เสวี่ย “นายท่านไป๋เสวี่ย เจ้าอย่าเห่าอีกเลย องค์ชายน้อยเพิ่งหลับไปเอง ถ้าเกิดเขาตื่นขึ้น เขาจะดึงหูเจ้าเอาอีกนะ”

ไป๋เสวี่ยเอียงคอคิดครู่หนึ่ง แล้วเห่าขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง ทันใดนั้นเสียงร้องไห้ของเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงก็ดังมาจากห้อง จากนั้นไป๋เสวี่ยก็ปิดปาก แล้วส่งเสียงครางหงิงๆ และเดินวนไปมาในลาน

ผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีเสียงความเคลื่อนไหว ไป๋เสวี่ยเงี่ยหูฟังอยู่สักพัก แล้วจึงกลับไปนอน

คนสองคนบนหลังคาถอนหายใจด้วยความโล่งอก ค่อยๆ ปีนขึ้นไป ดึงกระเบื้องหลังคาออกมาชิ้นหนึ่งอย่างระมัดระวัง คว้าคองูสามเหลี่ยมขึ้นมาจากถุงผ้าสีดำ แล้วโยนมันลงไปตามช่องว่าง

อินชิงเสวียนเห็นเช่นนั้นก็หายใจเฮือก แล้วรีบเปิดเสียงตะโกนออกไป “ยายหลี่รีบตื่นเร็ว มีงู”

ยายหลี่ที่กำลังตบหลังกล่อมเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงอยู่ เมื่อจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของอินชิงเสวียนจึงสะดุ้งด้วยความตกใจ

“พระสนม ท่านอยู่ที่ไหน”

อินชิงเสวียนมองผ่านหน้าจอ ก็บังเอิญเห็นงูตกลงที่พื้น กำลังยกคอมองไปยังเตียง นางเห็นเช่นนั้นก็ตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง

รีบพูดด้วยความร้อนใจ “อย่าขยับ มีงูพิษอยู่บนพื้น เจ้ารีบหาผ้าห่มมา แล้วค่อยๆ ห่อตัวเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงไว้”

ยังไม่ทันที่นางจะพูดจบ ก็มีงูตัวหนึ่งตกลงมาบนตักของยายหลี่

ความรู้สึกเย็นเฉียบทำให้ยายหลี่กลัวจนกรีดร้องออกมา งูตัวนั้นแยกเขี้ยวทันที และฉกกัดเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงที่อยู่ในอ้อมแขนของยายหลี่

“กรี๊ด!”

อินชิงเสวียนกรีดร้องตาม แทบอยากจะกระโดดเข้าไปในหน้าจอเพื่อไปป้องกันตัวของเสี่ยว‍หนาน‍เฟิง

ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ มีดสั้นเล่มหนึ่งลอยลิ่วมาจากหน้าต่าง มันแทงทะลุตัวงูในช่วงเวลาคับขันพอดิบพอดี

ร่างในชุดขาวพุ่งเข้ามาทางหน้าต่าง คว้าคองูที่พื้นได้ และออกแรงบีบงูให้ตายด้วยการเคลื่อนไหวอย่างแรงเพียงครั้งเดียว

“ทหาร ขึ้นไปตรวจสอบบนหลังคา”

เสียงตะโกนอันทุ้มลึกดังออกมาจากริมฝีปากบางนั้น

ซึ่งกระแสเสียงทุ้มต่ำที่เจือความอ่อนโยนอยู่หลายส่วนนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากจิ้งอ๋อง เย่จั้น

ในที่สุดอินชิงเสวียนก็โล่ง แต่นางยังคงมีความกลัวอยู่บ้าง

“ถูกต้อง แต่ตอนนี้ใช้งานไม่ได้ ยังต้องการของอีกสิ่งหนึ่งมาช่วยเสริม ถ้าท่านอ๋องกลับเมืองซุ่ยหานในวันหน้า ข้าสามารถสอนวิธีใช้ให้ท่านได้”

อินชิงเสวียนช่วยเขาเปิดหน้าจอ และเมื่อมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่ข้างใน เย่จั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากรู้อยากเห็น

อินชิงเสวียนกล่าวเสริมอีกว่า “ตอนนี้ใช้ได้แค่กล้องถ่ายภาพ และเล่นเกมเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น หากท่านอ๋องอยากศึกษา วันหลังข้าจะค่อยๆ สอนท่านเอง”

“ดีมาก”

เย่จั้นดึงโทรศัพท์ไปทันที และทันใดนั้นแสงแฟลชก็ส่องสว่างใส่อินชิงเสวียน เย่จั้นตกตะลึง เกือบจะโยนโทรศัพท์ทิ้งไป

อินชิงเสวียนรีบละล่ำละลักพูดว่า “อาจจะกดไปโดนกล้องก็ได้ ไม่เป็นไร”

เย่จั้นอยากถามว่ากล้องคืออะไร แต่รู้สึกว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ทหารองครักษ์ช้าไปก้าวหนึ่ง ตามสองคนนั้นไม่ทัน ข้าได้สั่งให้พวกเขาเฝ้าอย่างเข้มงวด ห้ามไม่ให้ใครเข้าข้างในแล้ว ดูท่าว่าฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บสาหัสยังไม่ฟื้น คนในวังก็เริ่มนั่งไม่ติดแล้ว”

ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังจะพูด หลี่เต๋อฝูก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอก

“ท่านอ๋อง ขุนนางทุกคนได้เข้าวังมาแล้ว กำลังมาที่ตำหนักเฉิงเทียนพ่ะย่ะค่ะ”

เย่จั้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ให้พวกเขารออยู่ในห้องหนังสือ อีกประเดี๋ยวข้าจะตามไป”

เพื่อเลี่ยงไม่ให้หลี่เต๋อฝูจำได้ อินชิงเสวียนก็ได้หันหลังกลับ แล้วดวงตาของนางก็มองจับไปยังใบหน้าของเย่‍จิ่ง‍อวี้อีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าดวงตาของเขายังคงปิดสนิทอยู่ มีเหงื่อผุดซึมบนหน้าผากเล็กน้อย นางก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาอีก

ขจัดพิษไปได้แล้วนี่ ทำไมเขายังไม่ฟื้นอีก

หากเขายังคงสลบไสลอยู่เช่นนี้ อาจเกิดเรื่องขึ้นในราชสำนักแน่นอน

ควรทำอย่างไรดีนะ ถึงจะช่วยเขาได้

ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเย่จั้นพูดว่า “ข้าจะไปที่ห้องหนังสือสักประเดี๋ยว เจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ก็พอ”

เขาเดินไปก้าวหนึ่ง แล้วพูดว่า “สิ่งที่อยู่บนใบหน้าของเจ้าเกือบจะหลุดออกไปแล้ว ทาเพิ่มอีกหน่อยเถอะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์