สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 288

แล้วอินชิงเสวียนก็กลับมาที่ตำหนักเฉิงเทียน

“เจ้าพูดอะไรกับนาง”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ถามด้วยความสนใจขณะพิงหมอนนุ่มๆ

อินชิงเสวียนกรุตุกมุมปากขึ้นยิ้ม แววตาเจ้าเล่ห์

“ฝ่าบาทอยากลองเดาดูหรือไม่”

เมื่อเห็นท่าทางในตอนนี้ของอินชิงเสวียน เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็รู้สึกถึงความรู้สึกตอนที่ได้พบบนางเป็นครั้งแรก

ในเวลานั้น นางฉลาดปลิ้นปล้อนมาก ราวกับจิ้งจอกน้อยเจ้าแผนการ นางที่บังเอิญวิ่งเข้าไปชนหัวใจของเขา

เมื่อนึกถึงอดีต เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็หัวเราะเบาๆ

“จะให้ข้าเดาอย่างไร”

“ฝ่าบาทจะพูดอะไรก็ได้ ถึงทายผิดก็ไม่เป็นไร”

ตอนนี้ความเข้าใจผิดทั้งหมดได้ถูกเปิดเผยแล้ว อินชิงเสวียนจึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น นิสัยที่แท้จริงของนางก็ถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ

เย่‍จิ่ง‍อวี้กลับชอบนางในลักษณะนี้ ในวังมีสตรีมีอยู่ในกฎเกณฑ์เหมือนเกินมากเกินไป และมีแต่คำเยินยอแบบเดียวกัน ซึ่งทำให้เขารู้สึกเบื่อ

เมื่อมองดูตาที่โค้งคู่นั้น เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “หรือเจ้าไปบอกนาง ว่าข้าเป็นของเจ้า หากไม่ได้รับอนุญาตก็ห้ามเข้าใกล้กระนั้นหรือ”

อินชิงเสวียนหัวเราะคิกคัก

“เรื่องนั้นหม่อมฉันคงไม่กล้า หม่อมฉันแค่อยากขอบคุณนางที่ดูแลฝ่าบาทเมื่อสองวันที่ผ่านมานี้”

“เจ้าไม่อิจฉารึ” เย่‍จิ่ง‍อวี้มองนางแล้วถามขึ้น

“แน่นอนว่าอิจฉาเพคะ แต่ท่านเป็นฮ่องเต้ หม่อมฉันจะทำอะไรได้ล่ะ”

อินชิงเสวียนถอนหายใจเบาๆ

นางแน่ใจแล้วว่าตัวเองก็ชอบเย่‍จิ่ง‍อวี้เหมือนกัน แต่นางต้องคอยย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ ว่าความรักเช่นนี้ไม่สามารถจริงจังเกินไปได้

ในฐานะฮ่องเต้ เย่‍จิ่ง‍อวี้ถูกลิขิตให้ไม่สามารถยึดมั่นในรักเดียวได้ อินชิงเสวียนไม่อยากเล่นเกมแย่งผู้ชายประเภทนี้ ซึ่งทั้งน่าเบื่อและเปลืองสมอง

ที่นางกลับมาคราวนี้ ประการแรกก็เพื่อล้างมลทินให้ตัวเอง ประการที่สองก็เพื่อช่วยให้เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงได้เป็นรัชทายาท

เมื่อนางประสบความสำเร็จเท่านั้น จึงจะมีคุณสมบัติในตัดสินอนาคตของตัวเองได้

หลังจากเข้าวังมานานกว่าสี่เดือน ความคิดของอินชิงเสวียนได้เปลี่ยนไปหลายครั้ง ทุกครั้งล้วนไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ แต่กลับถูกผลักให้เดินไปข้างหน้า...

“เหตุใดจึงถอนหายใจ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้จับมือของอินชิงเสวียน ให้นางมานั่งข้างตัวเอง

“ตราบใดที่เจ้าต้องการ ข้าก็สัญญากับเจ้าได้”

เมื่อมองดูเรียวตาหงส์คู่นั้น อินชิงเสวียนก็เคลิบเคลิ้มไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฝ่าบาทคือฝ่าบาทของบ้านเมือง ยังเป็นฝ่าบาทของสนมนางในทั้งหมดในวังหลัง หม่อมฉันจะครอบครองเพียงผู้เดียวได้อย่างไร”

“เจ้าพูดจากใจจริงหรือไม่”

เย่‍จิ่ง‍อวี้มองนางด้วยสายตาเป็นเชิงสัพยอก

เห็นได้ชัดว่ารอยยิ้มนั้นแข็งทื่อเล็กน้อย และเห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาจากใจจริง

อยากลองถามว่ามีสตรีคนใดบ้างที่ยินดีที่จะแบ่งปันคนรักกับผู้อื่น

หากคิดในทางกลับกัน ถ้ามีบุรุษรายล้อมอินชิงเสวียนมากมาย เย่‍จิ่ง‍อวี้จะต้องเป็นบ้าแน่นอน

อินชิงเสวียนยักไหล่ “ฝ่าบาทจะถือว่าเป็นคำที่มาจากใจจริงก็ได้เพคะ”

เมื่อเห็นท่าทางน่ารักของนาง เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาลูบสันจมูกของอินชิงเสวียน

“ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง แต่บางสิ่งไม่ได้เป็นสิ่งที่ข้าต้องการ ทุกราชวงศ์ล้วนต้องเป็นเช่นนี้ แม้ว่าข้าอยากจะเปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน”

อินชิงเสวียนยิ้มอย่างว่าง่าย “เมื่อมีถ้อยคำนี้จากฝ่าบาท หม่อมฉันก็พอใจแล้ว”

แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะดูถูกตัวเองอยู่ในใจ แม้ว่านางจะยอมรับว่าตัวเองชอบเย่‍จิ่ง‍อวี้ แต่ความชอบนี้คงจะปะปนกับผลประโยชน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นี่คือความโศกเศร้าในวัง แม้แต่คนข้างๆ ก็ไม่สามารถอยู่เคียงข้างได้อย่างสุดหัวใจ

ถ้านางและเย่‍จิ่ง‍อวี้เกิดมาในครอบครัวธรรมดา พวกเขาจะต้องมีความให้แก่รักอย่างเต็มเปี่ยมแน่นอน

เมื่อคิดได้ดังนี้ อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มอย่างขมขื่น

และแล้วเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็หยุดพูดตามที่บอก หลังจากนั้นไม่นาน อินชิงเสวียนก็ได้ยินเสียงหายใจที่สม่ำเสมอ นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทอดถอนใจ

เดิมทีคิดว่าต้องใช้ความพยายามในการพูดอย่างมาก เย่‍จิ่ง‍อวี้ถึงจะยอมเชื่อตัวเอง แต่ไม่คิดว่าเขาจะเชื่อได้ง่ายขนาดนี้

บางทีในตอนนี้เย่‍จิ่ง‍อวี้อาจชอบนางจริงๆ ก็ได้ ส่วนเรื่องในอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้น ใครก็ไม่สามารถบอกได้ชัดเจน

อินชิงเสวียนตัดสินใจที่จะไม่คิดเหลวไหลอีกแล้ว ก่อนหน้านี้นางเคยคิดวางแผนไว้เสียดิบดี แต่กลับก็ถูกรบกวนด้วยสิ่งต่างๆ ฉะนั้นควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า

หลังจากตั้งสติได้แล้ว นางก็ผ่อนคลายทั้งกายและใจ หลับรวดเดียวไปจนถึงตอนสายของอีกวัน

พอลืมตาก็สว่างแล้ว พอมองออกไปรอบๆ ก็ไม่เห็นมีใคร จึงอดไม่ได้ที่จะตกใจ รีบเปิดม่านขึ้น

แต่กลับเห็นเย่‍จิ่ง‍อวี้นั่งอยู่ที่โต๊ะ ในมือถือชุดแก้วที่ตัวเองมอบให้ กำลังดื่มชาอยู่

“ฝ่าบาท เหตุใดจึงทรงลุกขึ้น ตอนนี้เพิ่งผ่านมาได้สามวันเท่านั้น พระองค์ควรนอนพักผ่อนบนเตียงแต่โดยดี”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วเดินไปที่เตียง

พูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ข้าดีขึ้นมากแล้ว เมื่อวานเสวียน‍เอ๋อร์หลับสบายดีหรือไม่”

อินชิงเสวียนพยักหน้าอย่างเขินอาย

“ดี หลับสายดีเพคะ ไม่มีแม้แต่ความฝัน”

เพียงแต่ตื่นสายนิดหน่อย เมื่อมองดูดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ข้างนอก อย่างน้อยก็เป็นเวลาเกือบเก้าโมงแล้ว

“เช่นนั้นก็ดี ข้าเห็นเจ้าหลับสบาย เกรงว่าตื่นแล้วจะรบกวนเจ้า จึงลุกขึ้นมาเดินเล่น”

อินชิงเสวียนสวมรองเท้าหุ้มส้นของนางอย่างรวดเร็ว และจัดเตียงให้เรียบร้อย

“ฝ่าบาทขึ้นไปนอนจะดีกว่า”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ยิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า “ไม่จำเป็น ข้าให้คนเตรียมเกี้ยวพระที่นั่งแล้ว ประเดี๋ยวจะไปหาจ้าวเอ๋อร์พร้อมกับเจ้า ข้าก็ไม่ได้เจอเขามาหลายวันแล้ว คิดถึงเขามากเช่นกัน”

ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ อินชิงเสวียนจะทนเห็นเขาทรมานได้อย่างไร ตอนที่นั่งบนเกี้ยวก็ต้องโยกเยกอีก ซึ่งทำให้บาดแผลปริขาดได้ง่าย

จึงรีบไปประคองเย่‍จิ่ง‍อวี้ ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “ไม่ต้องแล้ว ฝ่าบาทให้หลี่กงกงไปถ่ายทอดคำสั่ง ให้อวิ๋นฉ่ายและยายหลี่พาจ้าวเอ๋อร์มาที่นี่ก็ได้เพคะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์