สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 327

หอสวดมนต์

ในเวลานี้ ไทเฮากำลังสนทนาธรรมกับเสวียนเทียนไต้ซือ หลังจากฟังธรรมมาตลอดทั้งบ่าย นางก็ได้รับประโยชน์มากมาย

เมื่อคนเข้าสู่ช่วงวัยหนึ่ง มักต้องการทราบชะตากรรมของตนอยู่เสมอ

ไทเฮาก็ไม่มีข้อยกเว้น แม้ว่านางจะรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องเลื่อนลอยไม่มีหลักแหล่ง แต่นางก็ยังมีความหวังอยู่ในใจ

เมื่อเห็นว่าแม้ไต้ซือจะอายุไม่มากนัก แต่กลับมีความสง่าน่าเกรงขาม มีความรู้ในทางพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง จึงรู้สึกเชื่ออยู่มิวาย

นางหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่าฮ่องเต้ไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดา เหตุใดจึงไปเชิญไต้ซือมาจากวัดหลงอิ่นได้”

เสวียนเทียนสวดพระนามอมิตภะพุทธเจ้า แล้วกว่าว่า “นักบวชไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก ช่วงนี้อาตมาได้ยินเรื่องความโชคร้ายในราชสำนัก จึงมาตรวจดูที่นี่ แม้ว่าอาตมาจะเข้าสู่โลกทางธรรมแล้ว แต่ข้าวหรืออาหารที่ได้ฉันก็มาจากต้าโจว จึงต้องพยายามเพื่อต้าโจวบ้าง”

เขาหยุดชั่วครู่แล้วพูดว่า “วังแห่งนี้มีสิ่งอัปมงคลจริงๆ หากต้องการเปลี่ยนฮวงจุ้ย ควรกำจัดทีละอย่าง”

“โอ้? อัปมงคลที่ต้าซือพูดหมายถึง...”

“คือสิ่งที่คนทั่วไปเรียกว่าวิญญาณชั่วร้าย โดยเฉพาะทางด้านทิศบูรพา”

ไทเฮาขมวดคิ้ว ในแคว้นต้าโจวทิศตะวันออกคือทิศที่มีเกียรติที่สุด และตำหนักฉือหนิงของนางก็อยู่ทางทิศตะวันออก

ตอนที่มานางยังไม่เชื่อ แต่เมื่อนางได้ยินสิ่งที่เสวียนเทียนพูด นางก็รู้สึกกังวลอีกครั้ง

“ขอให้ไต้ซือทำพิธีขับไล่สิ่งอัปมงคลออกไปด้วย”

“ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังมีตำหนักตรงนั้นด้วย อาตมาก็ต้องการไปตรวจดูด้วย”

เมื่อมองตามนิ้วของเสวียนเทียน ไทเฮาก็มองเห็นตำหนักจินหวูทันที

นางวางถ้วยชาลง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ขอปิดบังไต้ซือ เจ้านายของตำหนักจินหวูเคยอาศัยอยู่ในวังเย็นเป็นเวลาหนึ่งปี พอนางออกมาก็ให้กำเนิดบุตรกะทันหัน ข้ามักจะรู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่ถูกต้อง เป็นสายโลหิตของฝ่าบาทหรือไม่ก็ยังไม่ทราบ”

“มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือ”

เสวียนเทียนถามด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจึงเหยียดนิ้วออกแล้วจับยามสามตา

“เด็กคนนั้นเป็นสัญญาณแห่งลางร้าย แหล่งที่มาของกลิ่นเหม็นก็น่าจะเป็นตำหนักจินหวูนั่นเอง”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไทเฮาก็ดูมีความสุข

ชุยไห่หยิบเงินออกมากองหนึ่งทันที แล้วมอบให้เสวียนเทียน

เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “นี่คือพระประสงค์ของไทเฮา ไต้ซือโปรดรับไว้ด้วย ต้ซือสมารถนำไปอารามหลงอิ่น เพื่อสร้างพระทองคำถวายพระพุทธองค์ได้”

เสวียนเทียนรับไว้อย่างเป็นธรรมชาติ เขายัดตั๋วเงินไว้ในแขนเสื้อ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบพระทัยไทเฮา หากไทเฮาปรารถนาสิ่งใด อาตมาจะทำให้ไทเฮาสมความปรารถนาแน่นอน”

เมื่อเห็นว่าหลวงจีนดูใช้การได้ ไทเฮาก็อดยิ้มเสียมิได้

พระภิกษุผู้มีชื่อเสียงทั้งหลายล้วนแต่หิวเงินทั้งนั้น

แต่นี่เป็นเรื่องดีเช่นกัน แม้ว่าจะไม่สามารถจัดการอินชิงเสวียนให้ตายได้ในคราวนี้ แต่ก็ต้องกำจัดเจ้าเด็กเปรตนั่นให้หายไป

“ไต้ซือกล่าวเช่นนี้ก็ดีแล้ว ไต้ซือไม่จำเป็นต้องสนใจความคิดของข้า ในเมื่อเจ้าคิดว่าตำหนักจินหวูไม่เหมาะสม ก็บอกฝ่าบาทได้เลย ข้าจะไม่รบกวนไต้ซือชำระล้างสิ่งอัปมงคล”

เมื่อเห็นไทเฮายืนขึ้น เสวียนเทียนก็ยืนขึ้นเช่นกัน

“หากไทเฮาสะดวก อาตมาจะขอไปตรวจดูตำหนักฉือหนิงก่อน”

ทันใดนั้นไทเฮาจำได้ว่า เขาบอกว่ามีสิ่งอัปมงคลอยู่ในตำหนักตัวเองด้วย จึงรีบกล่าวว่า “ข้าสะดวก เชิญไต้ซือทางนี้”

เสวียนเทียนโค้งคำนับ แล้วตามไทเฮาออกจากหอสวดมนต์

ซึ่งเย่‍จิ่ง‍อวี้และอินชิงเสวียนก็กลับวังมาพอดี เมื่อได้ยินเสียงของไทเฮาและเสวียนเทียนมาแต่ไกล

ทั้งสองซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ทันที

สักพัก นางกำนัลก็ถือโคมวังหลวงเข้ามา

ไทเฮากล่าวว่า “ถ้าท่านอาจารย์ขจัดความอัปมงคลในตำหนักได้จริง ข้าจะขอบคุณอย่างงาม”

“นี่คือสิ่งที่อาตมาควรทำ ไทเฮาไม่ต้องเกรงใจ”

ทั้งหใดพูดคุยกันไปจนถึงตำหนักฉือหนิง

หลังจากที่พวกเขาไปไกลแล้ว เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็เดินออกมาจากด้านหลังต้นไม้

เขามองทอดสายตาไปไกล แล้วถามด้วยรอยยิ้ม๕ณ฿.บึ้งว่า “คนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เสวียนเทียนไต้ซือ ข้าอนุญาตให้เจ้าเข้าวังเพื่อขจัดสิ่งอัปมงคล ปกป้องดวงชะตาบ้านเมืองของต้าโจว แต่ไต้ซือกลับมายังที่ประทับของไทเฮา ไม่คิดว่าไม่เหมาะสมหรอกรึ”

เสวียนเทียนลนลานลุกขึ้นทันที พนมมือแล้วพูดว่า “ฝ่าพระบาทโปรดระงับโทสะด้วย อาตมาเห็นว่าที่ประทับของไทเฮามีสิ่งอัปมงคล จึงมาที่นี่ ไทเฮามีตำแหน่งที่มีเกียรติที่สุดในวังหลัง อาตมาจึงมาทำพิธีให้ไทเฮาก่อน”

เย่‍จิ่ง‍อวี้แค่นเสียงหึอย่างเย็นชา “เจ้าพูดได้ดีนี่”

เสวียนเทียนโค้งคำนับและกล่าวว่า “อาตมาเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”

เรียวตาหงส์ของของเย่‍จิ่ง‍อวี้เย็นชาราวกับคมมีด กระแสเสียงเย็ยเฉียบประดุจน้ำแข็ง

“ข้าให้เวลาเจ้าแค่ห้าวันเท่านั้น ถ้าเจ้าทำไม่สำเร็จ ข้าจะส่งกองกำลังไปทำลายอารามหลงอิ่น หลี่เต๋อฝู ไปกันเถอะ”

เสวียนเทียนรีบกล่าวทันที “อาตมาน้อมส่งฝ่าบาท”

ร่างผึ่งผายกำยำของเย่‍จิ่ง‍อวี้หายกลืนไปกับความมืดยามราตรี

ไทเฮาแค่นเสียงหึ แล้วกล่าวว่า “นับวันฮ่องเต้ชักจะเหิมเกริมขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ถึงกับกล้าตวาดไต้ซือเช่นนี้ เห็นชัดว่าเขาไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา”

เสวียนเทียนกล่าวว่า “ไทเฮาโปรดระงับโทสะ บางทีอาตมาอาจมาช้าเกินไป ทำให้ฝ่าบาทขุ่นเคือง”

เขาถอนหายใจพูดว่า “สิ่งอัปมงคลจำเป็นต้องกำจัดออกจากตำหนักฉือหนิง อาตมาเกรงว่าคงต้องมาที่นี่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อสวดมนต์และปราบปรามวิญญาณชั่วร้าย”

ไทเฮากล่าวด้วยสีหน้ามืดมน “ไม่ต้องฟังเขา แค่เจ้ามาก็พอแล้ว แต่เมื่อไปถึงตำหนักจินหวู เจ้าต้องพยายามหนักขึ้น”

“อาตมาทราบแล้ว อาตมาขอทูลลา”

เสวียนเทียนสวดพระนามอมิตภะพุทธเจ้า ทูลลาไทเฮา แล้วกลับไปยังหอสวดมนต์

นัยน์ตาของเขามีฉายแววเย็นชาที่เหมือนกับเย่‍จิ่ง‍อวี้ทุกประการ

เมื่อมองไปที่สวนบุปผาหลวงไม่ไกล เขาก็ลูบศีรษะล้านเลี่ยนของตัวเองอย่างครุ่นคิด

เสียดาย ไม่รู้จะเส้นผมงอกออกมาเมื่อไหร่!

ทว่าทางด้านไทเฮากลับคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจ

เสวียนเทียนกับฮ่องเต้ไม่ใช่พรรคพวกเดียวกันจริงๆ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์