สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 373

เย่‍จิ่ง‍อวี้หันกลับมา เลิกคิ้วขึ้นถามว่า “อันผิงอ๋อง? ตายแล้ว?”

หลี่เต๋อฝูจีบไม้จีบมือชี้ไปข้างนอก

“แม่ทัพซุน ซุนมู่ถงบอกมาพ่ะย่ะค่ะ บอกว่าเขาสิ้นพระชนม์ที่ถนนเทียน แม่ทัพซุนกำลังรอเข้าเฝ้าฝ่าบาทอยู่ด้านนอกตำหนัก”

เย่‍จิ่ง‍อวี้หยิบถ้วยชาขึ้นมา ค่อยๆ จิบอย่างไม่รีบร้อน

“ให้เขาเข้ามา”

กวนเมิ่งถิงกระสับกระส่ายนั่งไม่ติด

เรื่องของอา‍ซือ‍หลานอาจเป็นเรื่องปลอมได้ แต่ซุนมู่ถงอยู่ฝ่ายเดียวกับอันผิงอ๋อง จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเล่น

เมื่อนึกถึงฝ่าบาทที่เชิญเขามาเล่นหมากรุก เขาก็เข้าใจแล้วว่านี่ไม่ใช่การเดินหมาก แต่เป็นคำเตือน

ฝ่าบาทเตือนตัวเองว่า มีเขาเพียงคนเดียวที่กุมการเดินหมากเอาไว้!

และนอกจากองครักษ์เงาของฝ่าบาทแล้ว จะมีใครอีกที่สามารถสังหารอันผิงอ๋องอย่างโจ่งแจ้งได้

เมื่อนึกถึงตรงนี้ กวนเมิ่งถิงก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

ซุนมู่ถงล้มลุกคลุกคลานเข้ามาจากด้านนอก ใบหน้าที่ดำคล้ำอยู่แล้ว บัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม

“ฝ่าบาท อันผิงอ๋องถูกลอบสังหารพ่ะย่ะค่ะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ที่นั่งบนเก้าอี้ไม้แดง ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ข้าได้ยินแล้ว ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“กระหม่อมก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แค่ได้ยินเสียงโกลาหลด้านนอกสนามฝึก พอออกมาท่านอ๋องก็นอนจมกองเลือดแล้ว”

ใบหน้าของซุนมู่ถงซีดเซียว ในใจกังวลและตื่นตระหนก เหงื่อกาฬไหลท่วมตัวไปหมด

“ขยะ!”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ตะบึงอย่างโกรธจัด ตบฝ่ามือลงบนโต๊ะ

“พวกท่านไร้ประโยชน์ถึงเพียงนี้เชียวรึ แม้แต่ท่านอ๋องก็ไม่สามารถปกป้องได้”

ถ้วยชาบนโต๊ะถูกกระแทกจนตกลงพื้น น้ำชาร้อนๆ กระฉอก กระเด็นโดนใบหน้าของซุนมู่ถงเต็มๆ

ซุนมู่ถงแยกเขี้ยว แต่ไม่กล้าหลบ ได้แต่ก้มศีรษะลงเล็กน้อย

เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดอย่างเย็นชา “ข้าให้ท่านไปที่เขตเมืองหวยหนานกับอันผิงอ๋อง ท่านควรต้องรับผิดชอบในการอารักขาท่านอ๋อง ไม่นึกว่าท่านกลับละเลยหน้าที่ เป็นเหตุให้ท่านอ๋องถูกลอบสังหาร แม่ทัพซุน ท่านสมควรได้รับโทษใด”

กวนเมิ่งถิงที่อยู่ข้างๆ ก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว รู้สึกอยู่เสมอว่าฝ่าบาทกำลังตั้งคำถามกระทบตัวเขาเอง

ถ้าเขาส่งคนมาลอบสังหารอินจ้งในตอนนี้ มิเท่ากับรนหาที่ตายอย่างนั้นหรือ

เรื่องนี้จะต้องเลื่อนเวลาให้ช้าไปก่อน จนกว่าจะพบตัวอาซือหลานแล้วค่อยคิดอีกที

ในเวลาเดียวกัน องครักษ์เงาของวังหลวงก็มาถึงช่องผาแคบแล้ว

ทุกคนผูกเชือกต่อกันเป็นเส้นยาว แล้วมาถึงเชิงหน้าผาที่มีควันหมอกหนา

หลังจากการค้นหาหลายครั้ง ก็พบคราบเลือดหลายจุด และคราบเลือดสุดท้ายก็ขยายออกไปจนถึงแอ่งน้ำลึก

มีชีวิตอยู่ต้องเห็นคน ตายต้องเห็นศพ

องครักษ์เงาหลายคนที่มีทักษะทางน้ำดีเยี่ยมก็ลงไปในแม่น้ำทันที หลังจากค้นหาพักใหญ่ๆ พวกเขาก็ยังไม่พบตัวอา‍ซือ‍หลาน พวกเขาจึงอดคิดหนักไม่ได้

ห่างจากที่นี่ไม่ถึงร้อยลี้ คนกลุ่มหนึ่งกำลังรีบบึ่งไปยังเมืองหลวง

ผู้นำเป็นชายอายุห้าสิบปลายๆ รูปร่างหน้าตาไม่ได้ดูชรา แต่เส้นผมขาวโพลนทั้งศีรษะ จากมือที่เห็นเส้นเลือดเด่นชัด จะบอกได้ไม่ยากเลยว่าเขาเป็นผู้ที่ฝึกฝนวรยุทธ์ตลอด

ข้างหลังเขาตามมาด้วยชายคนหนึ่งในวัยยี่สิบปี ชายคนนี้มีใบหน้าหล่อเหลา นัยน์ตาดอกท้อฉายแววยิ้มแย้มอยู่เป็นนิจ ประพิมพ์ประพายค่อนข้างคล้ายกับอินชิงเสวียนอยู่หลายส่วน

ข้างหลังพวกเขามีรถม้าคันหนึ่ง ซึ่งมีสตรีอายุสามสิบปีกับเด็กสาวอายุราวๆ สิบสี่สิบห้าปีนั่งอยู่ ทั้งสองกอดกันแน่น สีหน้ายินดี

เมื่อเห็นทิวทัศน์ที่คุ้นเคย ชายชราก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น หลังจากรอมานานกว่าหนึ่งปี ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาได้

เขาพูดกับคนขับทันที “วิ่งให้เร็วขึ้นอีก”

ชายหนุ่มที่ตามอยู่ด้านหลังของเขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านพ่อไม่ต้องรีบร้อน ถ้าไปเร็วกว่านี้ รถม้าอาจจะพังได้ ทำให้แม่รองกับน้องหญิงตกรถม้าคงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แม้ว่าท่านพ่อจะอยากเจอน้องหญิงใหญ่มาก ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้น”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์