สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 375

อินชิงเสวียนอุ้มลูกชายขึ้นมา แล้วตอบอย่างจริงครึ่งไม่จริงครึ่งว่า “ข้ามีของวิเศษที่สามารถเก็บสิ่งของ และสามารถเอาออกมาได้เพียงแค่คิด”

ต่งจื่ออวี๋อ้าปากด้วยความประหลาดใจ

“นั่นเป็นของวิเศษเทพไม่ใช่หรอกหรือ”

“เรื่องนี้เจ้าห้ามไปบอกใครนะ”

หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบก็หยิบน้ำพุวิญญาณออกมาอีกถุงหนึ่ง

“ถือว่านี่เป็นค่าปิดปาก”

ต่งจื่ออวี๋รับมาด้วยความตื่นเต้น

“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส”

ระยะนี้ทักษะวรยุทธ์ของเขาก้าวหน้าขึ้นมาก หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงหมดสติเพราะเพลงหยกรัตติกาลของอาจารย์อาไปแล้ว ตอนนี้ที่เขาสามารถต้านทานได้ทั้งหมดได้ก็เพราะอินชิงเสวียน

“ด้วยความยินดี”

อินชิงเสวียนนั่งอุ้มลูกบนเก้าอี้ไม้ไผ่ และทันใดนั้นก็นึกถึงกระพรวนทองพวงนั้น

บังเอิญว่าผู้อาวุโสผมขาวไม่อยู่เรือนพอดี จึงสามารถถามต่งจื่ออวี๋เพิ่มเติมได้

“กระพรวนทองของเจ้านอกการส่งสัญญาณแล้ว ยังส่งผลอย่างอื่นอีกหรือไม่”

ต่งจื่ออวี๋กำลังดื่มน้ำจากน้ำพุวิญญาณ เมื่อได้ยินเขาก็เกือบสำลัก เขารีบวางถุงน้ำลงแล้วพูดว่า “ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ได้ยินจากอาจารย์อาของข้าว่ากระพรวนทองนี้แต่เดิมมีสามพวง ซึ่งก่อตัวขึ้นตามการกำเนิดของสามพรสวรรค์แห่งโองการฟ้าดิน กระพรวนทองแต่ละอันจะสลักด้วยหกติงหกเจี่ย ว่ากันว่ากระพรวนทองสิบอันจะประกอบกันเป็นหนึ่งพวง แต่ต่อมาได้หายไปพวงหนึ่ง”

ต่งจื่ออวี๋ยิ้มอย่างซื่อๆ พูดว่า “บางทีอาจารย์อาจคิดว่าอีกสองพวงที่เหลือไม่มีประโยชน์ จึงให้ข้ามาพวงหนึ่ง”

อินชิงเสวียนหวนคิดอย่างถี่ถ้วน แล้วก็พบว่ากระพรวนเล็กๆ นั้นไม่ได้เป็นผิวเกลี้ยงราบเรียบ แต่นางไม่ได้สนใจกับสิ่งที่สลักไว้บนนั้น

เมื่อได้ยินสิ่งที่ต่งจื่ออวี๋พูดเช่นนี้ นางยิ่งรู้สึกว่าสิ่งนี้มีค่ายิ่งกว่านั้น ยิ่งกว่านั้นอาจารย์ของเขาเป็นคนมอบกระพรวนให้ คงเป็นไปไม่ได้ที่เพราะว่ากระพรวนทองหายไปพวงหนึ่งแล้วจะมอบให้ง่ายๆ เช่นนั้น จึงสรุปได้ว่าเจ้าเด็กนั่นเป็นคนโง่ที่มีวาสนาของคนโง่

ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเย่จั้นจากไปแล้ว เขาจะต้องนำกระพรวนทองดตัวไปด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

“กระพรวนนั้น...เจ้าไม่ต้องการแล้วจริงๆ หรือ”

ต่งจื่ออวี๋ตบผาง แล้วพูดว่า “สุภาพบุรุษพูดแล้วไม่คืนคำ ในเมื่อผู้เยาว์บอกว่าจะมอบให้กับผู้อาวุโส ย่อมไม่ทวงคืนอยู่แล้ว”

อินชิงเสวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่นางยังคงรู้สึกผิดต่อต่งจื่ออวี๋ ถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งของล้ำค่า ตัวเองแลกเปลี่ยนแค่ด้วยน้ำ ช่างน่าละอายใจจริงๆ

แล้วจึงถามว่า “อาจารย์อาของเจ้าบอกว่าจะกลับมาเมื่อไหร่”

ต่งจื่ออวี๋มองดูท้องฟ้า

“น่าจะเป็นต้อนตะวันตกดินกระมัง”

อินชิงเสวียนรีบพูดทันที “เช่นนั้นข้าจะให้น้ำทิพย์กับเจ้าเพิ่ม เจ้านำไปอาบแช่เถอะ ข้าเห็นว่ามีถังอยู่ในเรือนเล็กทางทิศตะวันตก เหมาะกับเจ้าพอดี แต่เจ้าต้องรีบหน่อย อย่าให้อาจารย์อารู้เข้าล่ะ”

แม้ว่าชายผมขาวอาจไม่ใช่คนเลว แต่อินชิงเสวียนคงยังรู้สึกว่าน้อยเรื่องดีกว่ามากเรื่อง ที่นางเอาน้ำให้ต่งจื่ออวี๋ เพราะไม่อยากให้เขาเสียเปรียบจริงๆ หากเขากลับไปหาอาจารย์ในสำนักแล้วไม่สามารถอธิบายได้ เขาจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน

ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้นก็มาถึงเรือนเล็กทางทิศตะวันตกแล้ว พอขยับตัว น้ำทิพย์ก็ไหลออกมาจากความว่างเปล่า น้ำก็เต็มถังในทันที

“บางทีมันอาจช่วยเจ้าชำระวิญญาณล้างไขกระดูกได้ เจ้ารีบเข้าไปแช่ตัวเถอะ”

ต่งจื่ออวี๋ลืมความประหลาดใจไปแล้ว เมื่อได้ยินว่าน้ำนี้สามารถชำระวิญญาณล้างไขกระดูกได้ เขาก็จัดแจงถอดเสื้อผ้าออกทันที

อินชิงเสวียนตกใจ นางนี่โง่จริงๆ แล้วนางก็รีบอุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงวิ่งออกไปทันที

ต่งจื่ออวี๋แทบรอไม่ไหวที่จะกระโดดลงไปในน้ำ เขารู้สึกว่าอุณหภูมิของน้ำกำลังพอดี เขาอดไม่ได้ที่จะกระโดดลงแช่น้ำอย่างมีความสุข

เขาอยู่บนภูเขาตลอด มีจิตใจที่เรียบง่าย คราวนี้ความไร้เดียงสาแบบเด็กๆ กำลังพลุ่งพล่าน เขาเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน

เมื่อได้ยินเสียงน้ำ เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงก็เริ่มกระวนกระวาย ยื่นมือเล็กๆ ชี้ไปในทิศทางนั้น

ซูหมิงหลานก็มีสีหน้าตื่นตระหนกเช่นกัน นางกอดลูกสาวไว้แน่นและพยายามพูดปลอบใจ “ไม่ต้องกลัวนะ พ่อของเจ้า พี่รอง อาต่งจะปกป้องพวกเราเอง”

อินจื่อลั่วจับแขนเสื้อของซูหมิงหลานไว้แน่น กัดมุมปากอย่างแรง ด้วยเกรงว่าการร้องไห้ของนางจะทำให้พี่รองและท่านพ่อเป็นห่วง

แต่อดถามไม่ได้ว่า “บอกว่าพี่สามได้รับการแต่งตั้งยศเป็นสนมขั้นเฟยแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ ทำไมฝ่าบาทยังต้องการฆ่าพวกเราอีก”

ซูหมิงหลานกระซิบ “แม่ก็ไม่รู้ อาจมีเหตุร้ายบางอย่างเกิดขึ้นในเมืองหลวง ตอนนี้เจ้าอย่าเพิ่งพูดอะไรเลย”

นอกรถ สองพ่อลูกตระกูลอินได้ประมือกับศัตรูแล้ว ได้ยินเสียงการปะทะกันของอาวุธเสียงดัง

ง้าวของอินจ้งทำให้มีพละพลังอย่างมาก ใครก็ตามที่ต่อสู้กับเขาจะต้องตกใจจนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด

อาวุธที่อินปู้อวี่ใช้คือกระบี่ยาว ทันทีที่คมกระบี่สะบัด ก็ได้ตัดแขนชายคนหนึ่งออกด้วยการฟาดเพียงครั้งเดียว ถามอย่างโกรธจัดว่า “ในเมื่อให้พวกข้ากลับเมืองหลวงแล้ว เหตุใดถึงมาแอบลอบสังหารในระหว่างทางเช่นนี้”

ชายที่มีหนวดเคราหัวเราะเยาะ “นั่นเป็นเพียงการทำให้ชาวโลกได้เห็น พวกเจ้าคิดว่าฝ่าบาทจะยอมให้พวกเจ้ากลับมาจริงๆ งั้นรึ ยังไม่ยอมรับความตายแต่โดยดีอีก เพื่อเป็นการตอบแทนความเมตตาของฝ่าบาทอย่างไรล่ะ”

อินปู้อวี่อดไม่ได้ที่จะสาปแช่ง “ฮ่องเต้โฉด ทุกคนในราชวงศ์ไม่มีคนดีเลยจริงๆ อยากให้พวกเรายอมให้จับโดยละม่อมงั้นรึ ฝันไปเถอะ!”

เขายกกระบี่ขึ้นอย่างรวดเร็วปานอสุนีบาต แทงไปที่คอของคู่ต่อสู้ จากนั้นจึงเหาะขึ้นและเตะคนหนึ่งคนออกไป

เขาตะโกนบอกอินจ้ง “ท่านพ่อ ในเมื่อฝ่าบาทใจร้ายขนาดนี้ ทำไมเราจะต้องกลับไปด้วยล่ะ”

อินจ้งพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เรายังไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างไร บ่นไปก็เปล่าประโยชน์ จัดการกับคนเหล่านี้ก่อนค่อยว่ากันเถอะ”

หางเสียงยังไม่ทันสิ้น ลูกธนูก็พุ่งแหวกอากาศออกมาจากป่า และมุ่งหน้าตรงไปหาอินปู้อวี่

อินจ้งตกใจ ผลักลูกชายออกไปทันที และลูกธนูนั้นก็กระทบเกราะไหล่ของเขา เสื้อคลุมหยาบถูกย้อมเป็นสีแดงทันที ง้าวหนักในมือกระแทกลงกับพื้นทันที

อินปู้อวี่อุทานลั่น “ท่านพ่อ!”

อินจ้งใช้เท้าตวัดง้าวขึ้นมา กัดฟันพูดว่า “ไม่ต้องสนใจข้า กำจัดศัตรูเร็ว!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์