สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 380

ด่านถงกู่

การโจมตีที่ทำให้ประหลาดใจจนตั้งตัวไม่ติดในช่วงดึก ทำให้ได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่

โหวเหนือและคนอื่นๆ รู้สึกโล่งอกทันที ทั้งสั่งให้ฆ่าแกะเพื่อเฉลิมฉลอง

ที่โต๊ะสุรา มีแม่ทัพคนหนึ่งลูบคางแล้วพูดว่า “ถึงของสิ่งนี้จะร้ายกาจ แต่ก็มีจำนวนไม่มาก มีทั้งหมดห้าสิบห่อ เมื่อวานเราใช้ไปมากกว่ายี่สิบห่อ ยังต้องรบกวนท่านโหวเขียนจดหมายถึงฝ่าบาท ส่งคนมาเพิ่ม เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด”

โหวเหนือหยิบจอกสุราขึ้นมาจิบแล้วพูดว่า “ในเมื่อส่งมาเท่านี้ เช่นนั้นก็พิสูจน์ได้ว่าสิ่งนี้มีค่ามาก หากขอมากขึ้น ฝ่าบาทจะย่อมเสียดายอยู่แล้ว ตอนนี้ส่งจดหมายรายงานฉุกเฉินไปบ่อยๆ ฝ่าบาทจะต้องรำคาญแล้ว อย่าไปทำให้เขารู้สึกไม่ดีจะดีกว่า”

พอทุกคนใคร่ครวญ พวกเขาทั้งหมดก็รู้สึกว่าคงเป็นเช่นนั้น

นับตั้งแต่ฝ่าบาทขึ้นครองบัลลังก์ อินจ้งถูกเนรเทศ เจียงวูก็กำเริบเสิบสาน ฝ่าบาททนทุกข์เรื่องเจียงวูมาเป็นเวลานาน เขาคงต้องการเอาชนะในการต่อสู้มากกว่าใครๆ ตอนนี้ที่เขาสามารถให้ของสิ่งนี้ได้ ก็เกรงว่าแทบหมดกำลังแล้ว

โดยที่หารู้ไม่ว่า ดินปืนนี้ไม่ได้เอาไว้ใช้แบบนี้เลย

กลยุทธ์ของอินชิงเสวียนคือ การใช้ดินปืนเพื่อโจมตีทางจิตใจให้แตกพ่ายก่อน จากนั้นจึงใช้กำลังทหารเข้าทำลาย หากใช้วิธีนี้ ดินปืนห้าสิบห่อก็เพียงพอสำหรับพวกเขาในการยึดเจียงวู และยึดคูเมืองที่เสียไปให้ได้กลับคืนมา

ใครจะคิดว่าคนโง่พวกนี้จะใช้กลยุทธ์รอซ้ำยามเปลี้ย โจมตีพวกเขาทั้งหมดด้วยดินปืน

โหวเหนือกล่าวเสริมว่า “ตอนนี้ดินปืนเหลือไม่มากแล้ว ดังนั้นควรใช้ด้วยความระมัดระวัง”

สวีเหลียงและจังเถี่ยที่ฝึกฝนค่ายกลโล่กำแพงกับอินชิงเสวียนในวันนั้น ปัจจุบันก็ได้เป็นหัวหมู่แล้ว จึงมีสิทธิ์ร่วมโต๊ะประชุมด้วย

พวกเขาทั้งสองมาที่นี่เพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอน ต้องการสร้างแบบแผนที่ดีในกองทัพ อย่างไรก็ตาม แม่ทัพเหล่านี้ขี้ขลาดเกินไป โดนโจมตีเพียงสองหนก็ทนไม่ได้ ต้องรีบปิดกำแพงเพื่อรักษาเมือง

หลังจากได้ยินคำพูดของโหวเหนือเหนือ สวีเหลียงทนไม่ไหวจึงพูดว่า “อันที่จริงอาจไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ดินปืนตลอด ฝ่าบาทย่อมหวังอย่างแน่นอนว่าเราจะใช้ดินปืนเป็นตัวเสริม ใช้กำลังทหารเป็นกำลังหลัก ข้าน้อยคิดว่าเราควรใช้ค่ายกลโล่กำแพงอีกครั้ง”

แม่ทัพปากแหลมแก้มเหมือนลิงพูดขึ้นว่า “โล่ยักษ์นั้นหนักมาก ทำได้เพียงต้านรับแต่โจมตีไม่ได้ จะมีประโยชน์อะไร”

จังเถี่ยกล่าวว่า “มีพลหอกซ่อนอยู่ในค่ายกล เดิมทีเป็นรูปแบบการโจมตีและการป้องกัน แม่ทัพไม่ควรปฏิเสธค่ายกลโล่กำแพงเพียงเพราะความพ่ายแพ้เพียงครั้งเดียว”

คนผู้นั้นถ่มน้ำลายแล้วพูดว่า “สิ่งที่ขันทีพัฒนาจะมีประโยชน์อะไรเล่า ก็เหมือนกับสิ่งที่เขาคิดคนนั่นแหละ ได้ตแหดหัวอยู่ในกระดอง”

คนผู้นี้ได้ยินมานานแล้วว่ากลยุทธ์นี้ถูกคิดค้นโดยขันที จึงไม่สนใจเป็นธรรมดา

สวีเหลียงและจังเถี่ยต่างทำหน้าบิดเบี้ยว พวกเขาเดินทางมาเร็ว จึงไม่รู้ว่าเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงที่สอนพวกเขา ตอนนี้ได้กลายเป็นเหยาเฟยแล้ว แต่ถึงกระนั้นเคารพนับถือกงกงน้อยผู้นี้ที่หาอาหารให้พวกเขากินดื่มอย่างดี มองพวกเขาเป็นมนุษย์เช่นกัน

ใบหน้าของสวีเหลียงมืดลง พูดว่า “ในเมื่อฝ่าบาทยอมรับเสี่ยวเสวียนจื่อกงกง ก็หมายความว่าค่ายกลนี้สามารถใช้ได้ ทำไมแม่ทัพหลิวถึงทำตัวไม่สุภาพขนาดนี้”

ชายแซ่หลิวเหลือบมองเขาแล้วพูดอย่างเหยียดหยาม “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นโจรมาก่อนที่จะเข้าร่วมกองทัพ นี่ก็เหมือนกับคำที่ว่า กุ้งปลาหาพวก เต่าโง่หาราชาคนโง่กว่า”

“เจ้า...”

สวีเหลียงลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ จังเถี่ยก็รีบเอื้อมมือไปจับเขาไว้

“แม่ทัพทุกท่านอย่าโกรธเคืองเลย พี่ชายข้าคนนี้คงดีใจมาก ดื่มมากเกินไป ข้าน้อยจะพาเขาออกไปเดี๋ยวนี้”

จังเถี่ยพยุงสวีเหลียงและบังคับพาเขาออกไป

ทว่าโหวเหนือรู้จักตัวตนของอินชิงเสวียน แต่เขากลับไม่เปิดเผย

เมื่ออายุมากขึ้นก็ได้กลายเป็นคนหัวใสแล้ว เขาหวังให้ทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกัน ส่วนตัวเองจะได้แย่งชิงผลงาน ซึ่งสาเหตุที่โจมตีไม่ชนะเจียงวูมาโดยตลอด ก็เป็นเพราะแม่ทัพพิทัพษ์เมืองเหล่านี้ดูถูกสวีเหลียงและจังเถี่ย

ภายนอกพวกเขาเคารพตนเอง แต่ภายในกลับปฏิเสธ

ช่วงนี้โหวเหนือทำตัวปรองดองกับทั้งสองฝ่าย ไม่อยากล่วงเกินใคร เพียงเพื่อรอโอกาส โอกาสดีๆ ที่จะได้ขโมยผลงาน!

เมื่อคิดได้ดังนี้เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “แม่ทัพทุกท่านไม่จำเป็นต้องไปทะเลาะกับขุนพลยศต่ำสองคนนั้น พวกเขามาจากภูมิหลังที่ต่ำต้อย จะไปรู้กลยุทธ์ทางทหารได้อย่างไร พวกเรามาดื่มกันเถอะ”

หลังจากที่คนเหล่านี้เมาแล้ว โหวเหนือก็ไปปลอบสวีเหลียงกับจังเถี่ย

“พวกเจ้ามีตำแหน่งทหารต่ำกว่า จึงต้องอดทน ข้าจะหาทางให้พวกเขาออกนำทัพนั้น เมื่อถึงเวลานั้น พวกเจ้าก็สามารถสร้างค่ายกลโล่กำแพงจากด้านหลัง ก็จะได้ผลลัพธ์เพิ่มขึ้นเท่าตัว”

สวีเหลียงกับจังเถี่ยคนน้อยกว่าย่อมมีสิทธิ์มีเสียงน้อยกว่า ไม่สามารถหยุดพวกเขาได้เลย ในพริบตา มีห่อดินปืนเหลืออยู่เพียงไม่กี่สิบห่อเท่านั้น

สวีเหลียงเจ็บปวดอย่างมาก เขานอนแผ่หลาบนห่อดินปืนเสียดื้อๆ

“แม่ทัพทุกท่านโปรดหยุดสิ้นเปลืองเช่นนี้เสียที หากไม่มีดินปืน เราก็อาจจะปกป้องเมืองไม่ได้ด้วยซ้ำ”

จังเถี่ยก็ช่วยปิดตะกร้าที่บรรจุถุงห่อระเบิด พูดอย่างกังวลว่า “ตอนนี้สิ้นเปลืองไปมากแล้ว ถึงเวลาส่งกองทหารออกไป มีเพียงการจับกองทหารของเจียงวูเท่านั้นถึงจะเพิ่มขวัญกำลังใจได้”

โหวเหนือเห็นว่าถึงเวลาสมควรแล้ว เขาจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อทำให้ทุกอย่างราบรื่นอีกครั้ง

“ที่ขุนพลทั้งสองพูดนั้นก็มีเหตุผล พวกเราควรส่งทหารไปฆ่าพวกเขาได้แล้ว จะทำให้ศัตรูหวาดกลัวอย่างแน่นอน”

โหวเหนือก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ชายแดนเช่นกัน สิ่งที่เขาพูดจึงมีน้ำหนักอยู่บ้าง

ชายแซ่หลิวจึงพูดอย่างไม่เต็มใจ “ก็ได้ รีบไปเป่าแตรเขาสัตว์เดี๋ยวนี้ ออกโจมตี!”

ทุกคนลงจากกำแพงเมืองจัดกองทหาร สวีเหลียงก็อดไม่ได้ที่จะสาปแช่ง “เจ้าหน้าที่สุนัขเหล่านี้ หากฝ่าบาทมอบตราประทับของแม่ทัพให้ข้า พวกเขาจะถูกตัดหัวอย่างแน่นอน”

“ให้ตายเถอะ มีแต่พวกขี้ขึ้นสมอง”

จังเถี่ยก็ถ่มน้ำลายเช่นกัน แล้วพูดว่า “พี่ใหญ่สวีพูดถูก มีแต่ข้ากับเจ้าสองคนมีสิทธิ์มีเสียงน้อยไป จึงควรระวังไว้ดีกว่า”

ในเวลาเดียวกัน บนเนินเขาฝั่งตรงข้าม หญิงงามสง่าสวมเสื้อคลุมสีแดงเพลิงยืนอยู่บนที่สูงกำลังทอดสายตามองออกไป เมื่อได้ยินเสียงแตรเขาสัตว์ ก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากสีแดงสดขึ้น

เจ้าพวกขี้เมาหยำเปพวกนี้ สมควรที่จะดื่มน้ำล้างเท้าของนางเท่านั้น

นางชูสองนิ้ว และสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังนางก็ยกธงคำสั่งของนางทันที

แล้วเสียงตะโกนว่าฆ่าดังจากด้านหลัง

เมื่อทหารออกจากเมืองก็พบว่าถูกหลอก ทหารศัตรูที่เข้ามาใกล้เมืองล้วนแต่เป็นหุ่นฟางเท่านั้น!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์