อินจ้งเป็นผู้บัญชาการทหารที่แท้จริง ไม่เหมือนทหารที่กลัวความตายเหล่านั้น ที่แค่กล่าวถึงการสู้รบก็อ้างเหตุปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า และพูดจู้จี้จุกจิกไม่เลิก
เย่จิ่งอวี้มีความประทับใจที่ดีต่ออินจ้งตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นรัชทายาทแล้ว
หลังจากที่อินชิงเสวียนแต่งเข้าจวนรัชทายาท อินจ้งก็ไม่เคยมีแผนใดๆ กับเขา ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าอินจ้งเป็นคนตรงไปตรงมา
หากไม่มีเรื่องจดหมายลับในการร่วมมือกับศัตรู เขาคงไม่เนรเทศตระกูลอินทั้งครอบครัว
โชคดีที่ความจริงทุกอย่างปรากฏชัด เช้านี้อินจ้งและลูกชายก็กลับมาประชุมเช้าอีกครั้ง เมื่อมีพวกเขาสองพ่อลูกอยู่ เหล่าตาเฒ่าเน่าเฟะในอดีตก็เงียบลงมาก
เมื่อคิดได้ดังนี้ มุมปากของเย่จิ่งอวี้ก็โค้งงอเป็นรอยยิ้มลึกล้ำขึ้นอีก
ทั้งหมดเดินพลางคุยกันพลางไปตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงตำหนักจินหวู
เย่จิ่งอวี้และอินจ้งขึ้นไปสนทนากันที่ศาลาหิน ส่วนอินปู้อวี่หยอกเย้าเสี่ยวหนานเฟิงอยู่ข้างล่าง
ไป๋เสวี่ยเหมือนจะรู้ว่าสองคนนี้เป็นญาติของอินชิงเสวียน มันนอนอาบแดดอย่างเกียจคร้านอยู่ใต้ชายคา
ด้านอินชิงเสวียนก็พาอวิ๋นฉ่ายและนางกำนัลไปทำเกี๊ยวสำหรับพวกเขาทุกคน ทั้งยังทำขนมเปี๊ยะ และหุงข้าวขาวไว้ด้วย
เป็นโอกาสอันดีหาได้ยากที่พ่อและพี่ชายจะมาหาได้ จะทำอาหารอย่างลวกๆ ไม่ได้ อาหารเย็น อาหารร้อน อาหารที่มีเนื้อสัตว์ อาหารมังสวิรัติ ล้วนมีครบทุกอย่างจนเต็มโต๊ะ
ขณะรับประทานอาหารก็มีเสียงเครื่องประดับดังกระทบกันดังมาจากด้านนอก
องค์หญิงเย่ไห่ถังเดินเข้ามา ย่นจมูกจิ้มลิ้มพูดว่า “หอมจัง กลิ่นขนมเปี๊ยะนี่”
อินชิงเสวียนรีบไปทักทายนาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิงมาได้ทันเวลาพอดี ข้ากำลังส่งคนนำไปให้เจ้าแน่ะ”
เย่ไห่ถังหยิบกล่องไม้เล็กๆ จากมือของอวิ๋นเฟิง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่าเสด็จพี่สะใภ้ได้รับแต่งตั้งยศเป็นหวงกุ้ยเฟย ข้าก็เลยมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดี นี่เป็นของขวัญเล็กน้อย หวังว่าจะชอบ”
“ขอบคุณองค์หญิง”
อินชิงเสวียนรับไว้ จับมือนางแล้วพูดว่า “หายากที่เจ้ายังคิดถึงข้า รีบเข้ามาเร็ว เสด็จพี่ของเจ้าก็อยู่ที่นี่พอดี”
ทั้งสองเข้าไปในเรือน บังเอิญเจออินปู้อวี่ที่อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงเดินออกมาจากห้อง
เย่ไห่ถังตกใจ “เอ่อ นี่คือ...”
อินชิงเสวียนเม้มปาก แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องกลัว นี่คือพี่ชายข้าอินปู้อวี่ พี่รอง มาเฝ้าองค์หญิงไห่ถังเร็ว”
เมื่อได้ยินว่าผู้ที่มาคือองค์หญิง อินปู้อวี่ก็ตกประหม่า รีบส่งเสี่ยวหนานเฟิงไปให้อวิ๋นฉ่าย ยกเสื้อคลุมขึ้นและแสดงความเคารพ
เย่ไห่ถังตกใจ ผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
สองพ่อลูกอดไม่ได้ที่จะแปลกใจเมื่อมองไปที่โต๊ะอาหารที่ส่วนใหญ่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน สมแล้วที่อยู่ในวัง ล้วนเป็นอาหารที่มีฝีมือละเอียดและงดงามจริงๆ
เย่ไห่ถังกลืนน้ำลายไปหลายอึกแล้ว ทั้งโต๊ะนี้มีแต่อาหารอร่อยๆ ทั้งนั้น
เย่จิ่งอวี้ชี้ไปที่เกี๊ยวแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “นี่คือแป้งสาลีที่ทำจากเมล็ดข้าวสาลีที่เสวียนเอ๋อร์บริจาคให้ สิ่งนี้มีไส้อยู่ข้างใน เรียกว่าเกี๊ยว อร่อยกว่าลูกเดือยมาก ท่านขุนนางทั้งสองลองดูสิ”
เขาคีบขึ้นมาก่อนชิ้นหนึ่ง จากนั้นทั้งสองคนถึงกล้าขยับตะเกียบ
มีกลิ่นเนื้ออบอวลอยู่ในปาก อินจ้งพยักหน้าซ้ำๆ อย่างอดใจไม่ไหว แต่ในใจก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน
ชิงเสวียนไปเอาเมล็ดพืชนี้มาจากที่ใด ปกติตอนอยู่เรือนก็เห็นนางเอาแต่คนดีดพิณบรรเลงดนตรี ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่านางรู้จักผู้ที่ค้าขายเมล็ดพืชนี้
พอคิดว่าลูกสาวต้องใช้สมองอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือพวกเขาพ่อลูกให้เดินทางกลับเมืองหลวง ก็ต้องรู้สึกเศร้าอีกครั้ง
ไม่ได้พบเจอกันหนึ่งปี ที่ลูกสาวเปลี่ยนไปแบบนี้ก็เพราะสถานการณ์บังคับ เพื่อความสุขในอนาคตของนาง เขาต้องออกแรงทั้งหมดเท่าที่มี
เย่ไห่ถังก็เอื้อมมือไปคีบเกี๊ยวเช่นกัน แต่คีบชนกันกับอินปู้อวี่ นางหน้าแดงทันที รีบวางตะเกียบกลับอย่างรวดเร็ว
อินชิงเสวียนหัวเราะคิกคัก เย่ไห่ถังประท้วงด้วยเสียงแผ่วต่ำทันที “เสด็จพี่สะใภ้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...