สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 411

ขันทีน้อยหลายคนได้ลากตัวสวีจือย่วนออกมาด้านนอกประตู ด้านในบ้านก็มีเสียงฝ่ามือตบฉาดดังขึ้นชัดเจนทันที

สวีจือย่วนกัดริมฝีปากแน่น จากนั้นเมื่อรู้สึกว่าไม่อาจทนไหว จึงร้องโหยหวนออกมาเสียงดัง

หานปิงถูกตบตีเสียจนร้องออกมาด้วยความทนไม่ได้ ตะเบ็งลูกคอตะโกนเพื่อหวังในใจว่าฝ่าบาทจะได้ยินเสียงร้องของพวกนางสองคน ทว่าเย่จิ่งอวี้เมาจนไม่รับรู้สิ่งใดอีกแล้ว และกำลังไปเฝ้าพระอินทร์อยู่

เมื่อได้ยินเสียงร้องโหยหวนเหมือนหมู อินชิงเสวียนก็เข้าใจความคิดของทั้งสองในทันที จึงพูดกับเสี่ยวอานจื่อว่า “ไป เอารองเท้าสองข้างอุดปากพวกนางไว้”

“พ่ะย่ะค่ะ”

เสี่ยวอานจื่อถอดรองเท้า และยัดใส่ในปากของทั้งสองด้วยความเต็มใจ

ความรู้สึกโล่งสบายหูอย่างฉับพลัน กลับทำให้อินชิงเสวียนยิ่งไม่พอใจ

เมื่อเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของอินชิงเสวียน หลี่เต๋อฝูจึงพูดอธิบายในทันทีว่า “หวงกุ้ยเฟยใจเย็นก่อน เรื่องนี้ไม่อาจตำหนิฝ่าบาทได้ ฝ่าบาททรงคิดถึงพระสนมจึงได้ดื่มไปหลายแก้ว และเป็นเพราะพระสนมสวีสวมชุดกระโปรงเหมือนกับพระสนม ฝ่าบาทจึงเข้าใจผิดว่านางคือพระสนมพ่ะย่ะค่ะ”

อินชิงเสวียนจึงนึกขึ้นได้ว่าสวีจือย่วนก็สวมกระโปรงพับกลีบสีชมพู แม้แต่มวยผมก็ยังทำทรงที่คล้ายกับตัวเองมาก

เมื่อก่อนนางคงตาบอดไปแล้วจริงๆ ยอมไปหาเรื่องลู่จิ้งเสียนเพื่อคนที่มีท่าทางหงิมๆ แต่มักมีแผนการที่คนอื่นไม่รู้หรือตามไม่ทัน

แต่ทว่าลู่จิ้งเสียนก็ไม่ใช่คนดีอะไร ไม่ใช่เรื่องผิดที่ต้องตบตีนาง

หากไม่ใช่เพราะอยากบอกเย่จิ่งอวี้ว่าท่านพ่อและพี่ชายอยากออกรบที่เจียงวู อินชิงเสวียนก็คงไม่กลับมาในชั่วข้ามคืน เมื่อนึกภาพสวีจือย่วนนอนอยู่บนเรือนร่างของเย่จิ่งอวี้ อินชิงเสวียนก็แทบสำรอกออกมา

“ใครก็ได้ ไปยกถังไม้มาสิ”

“พระสนมต้องการที่จะ...”

หลี่เต๋อฝูทำสีหน้างุนงง

อินชิงเสวียนพูดเสียงเรียบว่า “ฝ่าบาทของพวกเจ้าสกปรกแล้ว ข้าจะล้างตัวให้เขา”

หลี่เต๋อฝูยิ้มแห้งๆ โบกมือและพูดว่า “ไปเอาถังไม้มา”

ตอนแรกอินชิงเสวียนอยากให้น้ำเย็นล้างตัวเย่จิ่งอวี้ สุดท้ายก็อดใจไม่ได้ จึงให้เขาใช้น้ำพุวิญญาณ

ขันทีน้อยหลายคนนำตัวเย่จิ่งอวี้ที่สวมกางเกงชั้นในยกเข้าไปในถังไม้ จากนั้นไม่นาน สีแดงเป็นเลือดฝาดบนใบหน้าของเย่จิ่งอวี้ก็หายไปทันที และเขาก็ค่อยๆ ได้สติขึ้นมา

เมื่อลืมตาขึ้น จึงพบว่าอินชิงเสวียนนั่งอยู่ข้างโต๊ะ เขาดีใจในทันใด

“เสวียนเอ๋อร์ เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!”

เย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นจากน้ำ สีผิวกลับเป็นสีขาวผ่องดังเดิม

อินชิงเสวียนกวาดสายตามองและพูดในใจว่า เห็นทีว่าน้ำพุวิญญาณยังสามารถช่วยแก้อาการเมาค้างได้ด้วย ประสิทธิภาพมากมายจริงๆ

แต่ปากยังพูดเสียงฮึดฮัด “หากข้าไม่กลับมาจะได้เห็นเรื่องดีๆ แบบนี้งั้นหรือ”

เมื่อเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของนาง เย่จิ่งอวี้ทำสีหน้าฉงนเล็กน้อย พร้อมกับหันไปมองหลี่เต๋อฝู

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

เมื่อนึกถึงเจ้าเด็กรับใช้อย่างหานปิงพูดจาถากถางดูถูกตัวเอง หลี่เต๋อฝูก็ไม่ไว้หน้า

ค้อมตัวและพูดว่า “เมื่อครู่พระสนมสวีมาที่นี่ และสวมชุดเสื้อผ้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับหวงกุ้ยเฟย ฝ่าบาทจำนางผิดคือว่าเป็นหวงกุ้ยเฟย พระสนมสวีจึงไหลไปตามน้ำ และยืนกรานจะอยู่ปรนนิบัติที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วคม เขาไม่ได้ดื่มเก่งมากนัก วันนี้เขาเพียงต้องการคลายความเศร้าหมอง ไม่คิดว่าสวีจือย่วนจะกล้าดีถึงขนาดนี้

“ข้าและนาง... เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?”

อินชิงเสวียนพูดอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “เป็นเพราะหม่อมฉันกลับมาไม่เป็นเวลาเองเพคะ รบกวนเวลาดีๆ ของฝ่าบาทเสียแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดขัดแย้งที่รุนแรงเช่นนี้ หลี่เต๋อฝูรีบส่งสัญญาณให้เสี่ยวอานจื่อ เพื่อถอยออกไปด้านนอกตำหนัก

เย่จิ่งอวี้ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย จึงพูดเสียงอ่อนว่า “เสวียนเอ๋อร์อย่าโกรธไปเลยนะ ข้าจำอะไรไม่ได้จริงๆ”

เขาก้าวขาที่เรียวยาวเหยียบลงบนคราบน้ำ และเดินทีละก้าวไปยังด้านหน้าของอินชิงเสวียน ดวงตาคู่ดำที่ลึกซึ้งซ่อนความรู้สึกผิดไว้ข้างใน

อินชิงเสวียนทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ เงยหน้าขึ้นถามว่า “ฝ่าบาทชื่นชอบสวีจือย่วนมากน้อยเพียงใดเพคะ?”

มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย นับว่าเย่จิ่งอวี้มีจิตสำนึกที่ดี

“เสวียนเอ๋อร์จะปรึกษาเรื่องใดกับข้า?”

เย่จิ่งอวี้สวมเสื้อคลุมตัวนอกแล้วเดินเข้าไปด้านในตำหนัก

เสื้อคลุมสีขาวเหมือนหิมะเปิดออก ประกอบกับก้าวที่มั่นคงและทรงพลัง นั้น ราวกับนายแบบที่กำลังเดินอยู่บนเวทีทำให้ผู้คนไม่สามารถละสายตาออกไปได้เลย

เมื่อมองรูปร่างที่สูงเรียว อินชิงเสวียนก็สติหลุดเล็กน้อย

นางกระแอมไอเสียงแห้ง และละสายตาออกไป

พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง “วันนี้ท่านพ่อของข้าไปที่ห้องหนังสือเพื่อหารือเรื่องต่างๆ และได้เห็นจดหมายลับเร่งด่วนของเจียงวู เพราะว่าฝ่าบาทไม่ได้ประกาศข่าวดีอันใดในการประชุมราชกิจเช้า จึงเดาว่าเจียงวูอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น และได้เตรียมพาพี่รองไปออกรบที่เจียงวู เพื่อกอบกู้พื้นที่ที่สูญเสียไปให้กับต้าโจว”

อินชิงเสวียนไม่มีทางบอกว่าอินจ้งแอบอ่านจดหมายลับ นั่นถือเป็นโทษหนัก

การพูดคาดเดาเช่นนี้ ถือว่าสมเหตุสมผลที่สุด

“อีกทั้งข้าได้เล่าเรื่องของพี่ใหญ่ให้ท่านพ่อฟังแล้ว คิดไว้ว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องไปให้ได้”

เย่จิ่งอวี้รู้สึกอบอุ่นหัวใจ เขาไม่คิดว่าอินจ้งจะกล้าขอรบด้วยตัวเอง นี่ถือเป็นฝนที่ตกลงมาได้ทันท่วงที

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป

“ท่านพ่อของเจ้าคาดเดาได้ถูกต้อง เจียงวูแพ้สงครามอีกครั้งจริงๆ เหตุผลที่ข้าดื่มมากเช่นนี้ ก็เพราะไม่รู้ว่าควรจะเปิดปากพูดอย่างไร ข้าเคยสัญญากับเจ้าว่าจะให้ท่านพ่อและท่านพี่อยู่ที่เมืองหลวงกับเจ้า ตอนนี้ข้าได้กลืนน้ำลายตัวเอง ข้าจึงรู้สึกผิดต่อเจ้ามาก”

อินชิงเสวียนขมวดคิ้วงาม พูดด้วยสีหน้าไร้ที่หมดคำบรรยาย “มีดินปืนและค่ายกลโล่กำแพงขนาดใหญ่ พวกเขายังไม่สามารถชนะสงครามได้อีก ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง”

“กองทัพหาง่าย นายพลที่ดีหาได้ยากยิ่งนัก”

เย่จิ่งอวี้สะบัดชุดคลุมและนั่งลงบนเตียง น้ำเสียงเยือกเย็นเล็กน้อย

“นายพลเหล่านี้เป็นพวกบ่อนทำลายสมรู้ร่วมคิดกัน ละเลยความรับผิดชอบร่วมกัน ไม่มีผู้ใดยอมออกแรงช่วยชาติอย่างจริงใจ หากท่านพ่อของเจ้ายินดีที่จะออกรบ ข้าจะมอบเหรียญพระราชทานทองคำให้กับเขา อนุญาตให้ตัดศีรษะก่อนทูลขอความเห็นจากฮ่องเต้ ครั้งนี้จะต้องชนะเจียงวู!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์