สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 429

อินชิงเสวียนชะงักฝีเท้าลง นางไม่ค่อยเข้าใจมิติการรักษา และไม่รู้ว่าเขามีวิธีในการอัพเกรดอย่างไร แต่ว่า นางอยากถามเพื่อให้แน่ใจความคิดของเย่จิ่งหลาน

“ท่านอ๋องคงไม่ทำเรื่องที่กบฏต่อต้าโจวใช่หรือไม่?”

เย่จิ่งหลานแบมือออกอย่างทำอะไรไม่ได้

“ท่านคิดว่าร่างกายเล็กจ้อยร่อยของข้าจะทำอะไรได้? ข้าก็แค่อยากออกไปหาที่อยู่ และตรวจรักษาอาการให้ผู้อื่น หากเขอโรคที่มีความยากและซับซ้อน ไม่แน่ว่าอาจสะสมประสบการณ์เพิ่มได้ ก็แค่นี้เอง”

ฟังน้ำเสียงที่ไร้เดียงสาและผ่อนคลายของเขา อินชิงเสวียนก็ไม่เห็นความคิดอื่นใดในสายตาเขาอีกแล้ว

ระหว่างบทสนทนา ทั้งสองก็มาถึงสำนักหมอหลวงแล้ว

หมอหลวงเหลียงไม่ได้ปิดตานอนมาตลอดคืน และเขายังถือเข็มทองไว้ในมือ เพื่อหาใิธีที่อาจใช้รักษาเย่จั้นได้

เมื่อเห็นดวงตาสองข้างที่แดงก่ำของหมอหลวงเหลียง อินชิงเสวียนก็อดสงสารไม่ได้

“หมอหลวงเหลียงพักสักครู่ก่อนเถอะ ให้ฝูอี้อ๋องตรวจดูจิ้งอ๋องดีกว่า”

หมอหลวงเหลียงรีบลุกขึ้นทำความเคารพทั้งสองคน สายตาของเขาเผยความยินดีปรีดาออกมา

วันนั้นจอมพลเฒ่ากวนบาดเจ็บสาหัส และเขาก็ไร้ซึ่งหนทางในการรักษา แต่กลับถูกท่านอ๋องน้อยเป็นผู้ช่วยชีวิตเอาไว้ ตอนนี้เขามาถึงแล้ว ไม่แน่ว่าจิ้งอ๋องอาจมีหวังแล้วจริงๆ

เขารีบโค้งหัวลงและพูดว่า “กระหม่อมขออยู่รับใช้ที่นี่ เพื่อเป็นผู้ช่วยของฝูอี้อ๋อง”

เย่จิ่งหลานพูดอย่างไม่เกรงใจว่า “ไม่เป็นไร หวงกุ้ยเฟยอยู่ที่นี่ก็เพียงพอแล้ว”

“คือว่า...”

หมอหลวงเหลียงยังไม่อยากไป เขาประหลาดใจในวิธีการรักษาของเย่จิ่งหลานมาโดยตลอด

อินชิงเสวียนพูดด้วยความอ่อนโยนว่า “หมอหลวงเหลียงก็เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว ตอนนี้ไปพักผ่อนเสียก่อนจะดีกว่า ไม่แน่ว่าอีกประเดี๋ยวอาจต้องการให้หมอหลวงช่วยสิ่งใดอีก อย่าได้เสียเวลาในการฟื้นฟูร่างกายเลย”

หมอหลวงเหลียงทั้งง่วงและเหนื่อยจริงๆ จึงโค้งคำนับและทูลลา

อินชิงเสวียนปิดประตู และพูดกับเย่จิ่งหลานว่า “ลงมือได้เลย”

เย่จิ่งหลานพยักหน้า ใบหน้าเล็กๆ จริงจังขึ้นมาในทันที

เขาโบกมือเพื่อเปิดห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ นำเย่จั้นขึ้นเตียงผ่าตัด จากนั้นก็หยิบอุปกรณ์ต่างๆ ออกมา และทำการตรวจให้เขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

จากนั้นครึ่งชั่วโมง เย่จิ่งอวี้ก็ขมวดคิ้วแน่น

“น่าแปลก”

“ทำไมหรือ?”

เย่จิ่งหลานส่ายหน้า

“อวัยวะทั่วร่างกายของเขาปกติดีทุกอย่าง ค่าเลือดและการทำงานทุกอย่างล้วนปกติดี เหตุใดจึงหมดสติได้?”

เมื่อเห็นว่าเขาตรวจไม่พบโรค อินชิงเสวียนก็อดร้อนใจไม่ได้

“หมอหลวงเหลียงบอกว่าหัวใจของเย่จั้นได้นับความเสียหาย หัวใจของเขาก็ไม่มีปัญหาใช่ไหม?”

เย่จิ่งหลานพูดอย่างเด็ดขาดว่า “ไม่มี โครงสร้างหัวใจของเขาดีมาก และไม่มีโรคที่เกิดจากสารอินทรีย์ใดเลย”

อินชิงเสวียนเก็บผลการตรวจที่หล่นพื้นขึ้นมาดู เมื่อลองตรวจดูทีละอย่าง ก็พบว่าค่าดัชนีทุกอย่างของเย่จั้นต่างเป็นปกติดีมาก แต่ตอนนี้เขายังคงไม่ได้สติ จึงรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อเกินไป

หากเทียกับแพทย์แผนจีนแล้ว อินชิงเสวียนเชื่อมั่นการรักษาที่มีอุปกรณ์ครบครันของเย่จิ่งหลานมากกว่า

ในระหว่างที่ครุ่นคิด จู่ๆ เย่จิ่งหลานก็ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ

อินชิงเสวียนรีบมองเขาทันที เย่จิ่งหลานได้ขยายภาพของอุปกรณ์ให้ใหญ่ขึ้นหลายเท่า และเห็นสิ่งที่โปร่งใสในหัวใจของเย่จั้น ดูเหมือนเป็นสิ่งที่มีชีวิต และยังคงขยับตัวอยู่ช้าๆ

“นี่คืออะไร? เป็นอวัยวะงั้นหรือ?”

“ไม่ใช่ น่าจะเป็นสิ่งแปลกปลอม”

เมื่อได้ยินอินชิงเสวียนบอกว่าเย่จั้นบาดเจ็บที่หัวใจ เย่จิ่งหลานจึงทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้เย่จั้นอีกครั้ง จู่ๆ ก็พบสิ่งนี้เข้าในทันที

หากเขาไม่สังเกตดูเป็นอย่างดี คงเป็นเรื่องยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า

“สิ่งแปลกปลอมงั้นหรือ? หรือว่าสิ่งที่ทำร้ายเย่จั้นก็คือสิ่งนี้?”

เย่จิ่งหลานไม่ตอบ เขามองดูครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “แม้จะไม่ใช่ แต่เกี่ยวกับมันแน่นอน”

เมื่อเห็นใบหน้าที่สวยสดงดงามนี้ จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็ความรู้สึกแปลกและไม่คุ้นเคย

เขาเอื้อมมือไปพยุงเย่จิ่งหลานขึ้น หมุนตัวและพูดว่า “นับตั้งแต่วินาทีนี้ ห้ามใครเข้าในสำนักหมอหลวงเด็ดขาด สถานที่แห่งนี้มีหวงกุ้ยเฟยเป็นผู้รับผิดชอบ หากผู้ใดฝ่าฝืน มีโทษประหารหัวทันที!”

หมอหลวงทุกคนต่างคุกเข่าลงที่พื้น และพูดพร้อมกันว่า “กระหม่อมขอน้อมรับพระบัญชา”

“เช่นนั้นหม่อมฉันเข้าไปก่อนนะเพคะ”

เมื่อปิดประตูลงแล้ว อินชิงเสวียนก็เปลี่ยนชุดปลอดเชื้อทันที

เย่จิ่งหลานก็หยิบมีดผ่าตัดขึ้นมา ใบหน้าของเขาเริ่มตึงเครียดทันที

ทันทีที่ใบมีดกรีดลงไป เลือดสดก็พุ่งออกมา อินชิงเสวียนหยุดหายใจในทันที โรคกลัวเลือดแทบทำให้นางเป็นลมหมดสติ

“ไม่ใช่เลือดของท่านเสียหน่อย กลัวอะไรกัน”

เย่จิ่งหลานพูด แต่มือของเขายังทำงานอยู่ เขาหยิบคีมห้ามเลือดและหนีบในบริเวณที่บาดเจ็บ ซึ่งทำให้เลือดไหลช้าลงทันที

อินชิงเสวียนไม่ใช่มืออาชีพ นางจึงไม่รู้ว่าสิ่งที่เย่จิ่งหลานคีบคือเส้นเลือดหรือว่าเนื้อหนัง ทำได้เพียงควบคุมสติให้ดี และคอยหยิบเครื่องมือผ่าตัดยื่นให้เขา

ฝีมือของเย่จิ่งหลานค่อนข้างคล่องแคล่ว หลังจากนั้นสิบนาที ก็พบสิ่งของโปร่งใสนั้นแล้ว

มีขนาดใหญ่ประมาณเล็บมือ และดูเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิต ซึ่งสามารถมองเห็นมันเคลื่อนไหวไปในห้องหัวใจได้ด้วยตาเปล่า

“นี่มันคือตัวอะไรกันเนี่ย?”

เย่จิ่งหลานส่ายหน้า

“ไม่รู้ ข้าไม่เคยพบเจอโรคแบบนี้มาก่อน”

เขาหยิบคีมเล็กๆ ออกมาแล้วจับวัตถุโปร่งใสนั้น แต่ทว่าทันทีที่คีมสัมผัสกับวัตถุ มันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหันซึ่งทำให้ทั้งสองคนไม่ทันระวัง

วัตถุโปร่งใสสลายตัวอย่างรวดเร็ว มันกลายเป็นหยดน้ำจำนวนนับไม่ถ้วนแทรกซึมเข้าไปในกล้ามเนื้อหัวใจเย่จั้นอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น เย่จั้นที่อยู่ในอาการสาหัสก็ตัวสั่นอย่างรุนแรงและกระอักเลือดออกมาเต็มปาก...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์