ณ ห้องหนังสือ
เย่จิ่งอวี้เพิ่งเลิกประชุม เมื่อมาถึงก็เห็นอินชิงเสวียนยืนอยู่หน้าประตู
“เสวียนเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
เขารีบก้าวเท้าลงจากรถม้าพระที่นั่งมังกร และถามด้วยความห่วงใย “มาหาข้าด้วยเรื่องใดกัน?”
“มีเรื่องเล็กน้อยเพคะ แต่ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตหรือไม่”
“เรื่องใดกันถึงจริงจังขนาดนี้?”
เย่จิ่งอวี้ก้มหน้ามองนาง ลูกปัดแขวนบนมาลามงกุฎของเขาทำให้เกิดเงาเล็กๆ บนใบหน้าของเขา ดวงตาคมของเขาก็ยิ่งลึกลงไปอีก
อินชิงเสวียนพูดว่า “เกี่ยวกับเรื่องของจิ้งอ๋องเพคะ”
เย่จิ่งอวี้ทำสีหน้าและแววตาดีใจ “หรือว่าจิ้งอ๋องฟื้นแล้ว?”
อินชิงเสวียนส่ายหน้า “ยังเพคะ”
เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย และถามขึ้นว่า “หรือว่า... เสวียนเอ๋อร์มีวิธี?”
อินชิงเสวียนเม้มปากบางอดชมพูของนางเล็กน้อย เงยหน้าและพูดว่า “หม่อมฉันก็ไม่รู้ว่าสิ่งนี้นับเป็นวิธีหรือไม่ แต่คุ้มค่าที่จะลองเพคะ ฝ่าบาทคงทราบดีว่าฝูอี้อ๋องมีวิชาการแพทย์ที่ปราดเปรื่อง หม่อมฉันไปหาฝูอี้อ๋องมาแล้ว แต่เขาเสนอเงื่อนไขมาหนึ่งข้อเพคะ”
“เงื่อนไขของเขา คือการออกจากวังเพื่อเปิดจวนใช่หรือไม่?”
“เพคะ”
เย่จิ่งอวี้สีหน้าเข้มเล็กน้อย
“เขาช่างกล้าจริงนะ กล้ายื่นข้อเสนอกับข้า”
อินชิงเสวียนรีบพูดว่า “ฝ่าบาทเย็นพระทัยก่อนเพคะ”
ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งหลานก็เป็นคนบ้านเดียวของนางในยุคนี้ อินชิงเสวียนไม่ต้องการให้เขามีปัญหา
“ท่านอ๋องอายุยังน้อย แต่มีความคิดก้าวไกล อาจเป็นเพราะอาศัยอยู่ในวังจนเบื่อหน่ายแล้ว จึงอยากออกไปดูโลกภายนอก ฝ่าบาทตกรางวัลให้เขาเป็นบ้านหนึ่งหลัง และบอกว่าวันเกิดของเขาเป็นวันชงกับฝ่าบาท ขอเพียงท่านอ๋องออกจากวัง พระองค์จึงจะสามารถเลี่ยงจากอันตรายได้”
วาทศาสตร์ของโหรหลวงไม่ต้องคิดเยอะ เพียงใช้สมองเล็กน้อยก็สร้างเรื่องโกหกได้เป็นกอง เพียงแต่เย่จิ่งอวี้ไม่พอใจกับเจ้าเด็กคนนี้ ช่างกล้ามายื่นข้อเสนอกับเชื้อพระวงศ์
“เขาต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่?”
เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วถาม
อินชิงเสวียนรินชาให้เย่จิ่งอวี้หนึ่งแก้ว พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ไม่มีแล้วเพคะ เขาแค่ต้องการออกจากวัง”
“เช่นนั้นเขาสามารถรักษาเสด็จอาจนหายใช่หรือไม่?”
เรื่องนี้อินชิงเสวียนก็ไม่กล้ารับปาก
“หม่อมฉันไม่แน่ใจเพคะ แต่ว่าบาดแผลของฝ่าบาทและจอมพลเฒ่ากวนล้วนมีฝูอี้อ๋องเป็นผู้ทำการรักษา”
เย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เช่นนั้นก็ให้เขาลองรักษาดูก่อน ข้าจะเขียนราชโองการเดี๋ยวนี้ วันพรุ่งนี้ประกาศต่อขุนนางทั้งฝ่ายบู๊และบุ๋นทั่วทั้งราชสำนัก ให้เขาออกจากวังได้”
หากสามารถรักษาเย่จั้นให้หายได้ เขายอมปล่อยผ่านทุกเรื่องได้
อินชิงเสวียนพูดด้วยแววตาตื้นตัน “ขอบพระทัยฝ่าบาท”
เย่จิ่งอวี้เลิกดวงตาเรียวยาวขึ้น และถามด้วยสีหน้าสอบสวนเอาความ “ดูเหมือนว่าเสวียนเอ๋อร์จะเอาใจใส่ฝูอี้อ๋องเป็นอย่างมาก การที่เจ้ารู้จักกับเขา มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอื่นด้วยหรือไม่?”
อินชิงเสวียนตกใจ และรีบตอบว่า “ความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรกันเพคะ หม่อมฉันและฝูอี้อ๋องรู้จักกันเพราะลูกบอกเพียงลูกเดียว”
อินชิงเสวียนเล่าเรื่องคร่าวๆ ที่ทั้งสองรู้จักกันให้เขาฟัง
เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและพูดว่า “เป็นเช่นนี้นี่เอง เขาได้บอกหรือไม่ว่าวิชาการแพทย์ของเขาร่ำเรียนมาจากที่ใด?”
อินชิงเสวียนกระแอมไอเสียงแห้ง “ไม่ได้บอกเพคะ นี่ก็เป็นความลับของเขาเช่นกันเพคะ เขาไม่มีทางบอกหม่อมฉันแน่นอน”
“เอาเถอะ เช่นนั้นเสวียนเอ๋อร์ช่วยเอาราชโองการฉบับนี้ไปจัดการแทนข้าด้วย ข้าจะส่งคนไปรายงานโหรหลวง”
นางสวยกว่าผู้หญิงที่ทำศัลยกรรมในยุคสมัยปัจจุบันเสียอีก รูปร่างของนางผอมเพรียว ไม่อ้วนหรือผอมไป น่าเสียดายที่ร่างของเขายังเด็กอยู่มาก ไม่เช่นนั้นเขาต้องแก่งแย่งชิงดีกับเย่จิ่งอวี้เป็นแน่
รอให้ร่างนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่เสียก่อน อย่างน้อยก็ต้องรอห้าหกปีหลังจากนี้ ถึงตอนนั้นหญิงงามที่สวยสดเพียงใด ต่างก็แก่ชราไปตามกาลเวลา
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่จิ่งหลานส่ายหน้าด้วยความรู้สึกปลง
ระยะเวลาที่งดงามของหญิงสาวช่างสั้นยิ่งนัก มิหนำซ้ำอินชิงเสวียนยังให้กำเนิดลูกแล้วด้วย มีคำกล่าวว่าผู้หญิงที่ผ่านการคลอดลูกจะแก่เร็วกว่าปกติ เย่จิ่งหลานไม่อาจทำใจเห็นดอกไม้งามดอกนี้ ต้องเหี่ยวเฉาและโรยรารวดเร็วเช่นนี้
ในระหว่างที่ใจลอย ก็ได้ยินอินชิงเสวียนพูดขึ้นว่า
“ได้ฟังบทเพลงนี้ ทำให้รู้สึกอบอุ่นและโศกเศร้าจริงๆ”
นางกระตุกมุมปากเล็กน้อย และยื่นราชโองการให้กับเย่จิ่งหลาน
“สิ่งที่ท่านอ๋องต้องการจะเป็นความจริงในวันพรุ่งนี้ ไม่ทราบว่าตอนนี้สะดวกไปที่สำนักหมอหลวงกับข้าหรือไม่?”
เย่จิ่งหลานเปิดอ่านพระราชโองการ พยักหน้าและพูดว่า “สมกับเป็นหญิงที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานที่สุดในตอนนี้จริงๆ มีความสามารถมากทีเดียวนะ อย่าลืมล่ะ เจ้ายังติดค้างข้าอีกสองเรื่อง หากข้าต้องการความช่วยเหลือ เจ้าไม่อาจปฏิเสธได้”
“แน่นอน จิ้งอ๋องตกอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน อย่ามัวโอ้เอ้”
เย่จิ่งหลานพยักหน้า และพูดขึ้นด้วยความเสียดสีเล็กน้อย “ผู้หญิงอย่างพวกเจ้าช่างเป็นสัตว์ที่มีอารมณ์อ่อนไหวจริงๆ เรื่องง่ายดายแค่นี้ก็เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวพัน เริ่มเป็นกังวลกับประเทศนี้เสียแล้ว”
อินชิงเสวียนพูดเหน็บแนมกลับไปว่า “พวกเราก็พอกัน ผู้ชายก็เป็นสัตว์ที่คิดแต่เรื่องใต้สะดือ ไม่มีใครดีไปกว่าใครหรอก อีกทั้งพวกเราล้วนแต่กินข้าวของต้าโจว หรือว่ากินข้าวยังไม่ทันอิ่ม ก็คิดจะตำหนิแม่ครัวเสียแล้ว?”
เย่จิ่งหลานไม่ได้คิดเช่นนั้น หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังกินข้าวของต้าโจวอยู่หรือ ได้ยินว่าท่านเป็นคนมอบเมล็ดพันธุ์ หากไม่มีเมล็ดพันธุ์ข้าวและข้าวสาลีเหล่านี้ เกรงว่าผู้ลี้ภัยในต้าโจวคงไม่มั่นคงได้ในช่วงเวลาอันสั้นเช่นนี้”
“ท่านอ๋องรู้เรื่องเยอะทีเดียว”
“ก็ช่วยไม่ได้นะ แม้ว่าจะถูกขังไว้ในส่วนลึกของวัง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องคอยสืบเรื่องด้านนอกบ้าง ดังคำกล่าวที่ว่ารู้เขารู้เรา กันไว้ดีกว่าแก้”
อินชิงเสวียนเหลือบมอง และถามขึ้นด้วยความแปลกใจ “ท่านอยากออกจากวังมากขนาดนี้ เป็นเพราะอะไรกันแน่?”
เย่จิ่งหลานยิ้มหรี่ตาแล้วพูดว่า “ในวังมีข้อจำกัดมากมาย ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับข้าเลย แม้ว่าพวกเราต่างก็มีนิ้วทองคำ แต่โดยพื้นฐานแล้วมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ข้าอยากอัพเกรด ข้าจำเป็นต้องแลกด้วยการทำงานหนัก เจ้าพอใจในคำตอบแล้วหรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...