ณ สำนักหมอหลวง
เย่จั้นฟื้นคืนสติเต็มที่แล้ว อินชิงเสวียนได้ปรุงน้ำแกงที่ใส่น้ำพุวิญญาณให้เขาเป็นพิเศษ ถือเป็นการชดเชยความผิดพลาดของตัวเอง
น้ำแกงมีรสกลมกล่อมถูกปากมาก เย่จั้นจึงกินได้มาก ซดน้ำแกงไปชามใหญ่ และกินเนื้อไก่ด้วย
หลี่เต๋อฝูป้อนอาหารด้วยตัวเอง แต่เมื่อเห็นว่าเย่จั้นหยุดกิน เขาก็เก็บชามออกไป
เย่จั้นไม่สามารถลุกขึ้นได้ จึงพยักหน้าให้อินชิงเสวียนแทน
“ขอบคุณหวงกุ้ยเฟย”
อินชิงเสวียนผลิยิ้มบางๆ
“ท่านอ๋องเกรงใจไปแล้ว”
ที่นั่งอยู่ข้างเตียงคือเย่จิ่งอวี้ที่สวมเสื้อคลุมสีฟ้าคราม
ปกกว้างปักลายเมฆามงคลสีเข้ม สีสะอาดตา ขับเน้นให้ผิวขาวดูราวกับหยก ยิ่งหล่อเหลายิ่งขึ้น
“ดูสีหน้าของเสด็จอา เหมือนจะดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก”
เย่จิ่งอวี้กล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“ดีขึ้นมากจริงๆ ต้องขอบคุณหมอหลวงเหลียงด้วย ถ้าเขาไม่มาช่วย กระหม่อมคงจากฮ่องเต้ไปแล้ว”
เย่จั้นไม่รู้ว่าใครเป็นคนช่วยชีวิตเขา และคิดว่าเป็นหมอหลวงเหลียงที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ทำการผ่าตัดเพื่อกำจัดกู่ออกจากเขา
เย่จิ่งอวี้ส่ายศีรษะ
“ผู้ที่ช่วยชีวิตเสด็จอาไม่ใช่หมอหลวงเหลียง แต่เป็นเสวียนเอ๋อร์”
“โอ้?”
เย่จั้นหันไปหาอินชิงเสวียน
ทุกครั้งที่เขามองใบหน้าที่คล้ายกับอินหลี ก็จะรู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างไม่อาจบรรยายได้
ในไม่ช้า เย่จั้นก็ถอนสายตาออกไป
“หรือว่าที่หวงกุ้ยเฟยก็มีทักษะทางการแพทย์เช่นกัน”
“มิใช่ เป็นเสวียนเอ๋อร์ที่ใช้พิณการเวกทำข้อตกลงแลกเปลี่ยน ให้คนของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธ์ช่วยเสด็จอา”
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่จิ่งอวี้ ดวงตาของเย่จั้นก็เปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ
“หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหน”
เย่จั้นพักหายใจครู่หนึ่ง และพูดว่า “ไม่ใช่ กู่พิษของกระหม่อมเป็นฝีมือของอาซือหลาน ที่กระหม่อมต้องตามหาหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ก็เพราะธุระเรื่องอื่น เรื่องนี้จะมัวชักช้าอยู่ไม่ได้”
เย่จิ่งอวี้หรี่ตาถามว่า “อาซือหลานรู้วิธีใช้กู่พิษด้วย หรือว่าเขายังไม่ตายจริงๆ?”
“กระหม่อมก็ไม่ทราบ แต่เขาพูดถึงกู่กินหัวใจจริงๆ ตอนนั้นยังคิดว่าเขาพูดข่มขวัญเท่านั้น ไม่นึกว่าจะเป็นจริง”
เย่จั้นผ่อนลมหายใจช้าๆ แล้วพูดว่า “กระหม่อมทำให้เขาตกหน้าผาแล้ว ถ้าไม่มีเหตุไม่คาดฝัน เขาก็น่าจะตายแล้ว”
เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนต่างมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างก็ไม่มีใครพูดว่าไม่พบศพของอาซือหลาน
เย่จั้นพูดอย่างเหนื่อยอ่อน “กระหม่อมขอร้องให้ฝ่าบาทช่วยตรวจสอบหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ด้วย!”
เมื่อเห็นว่าเขายังคงยืนกราน เย่จิ่งอวี้ก็พยักหน้าและพูดว่า “เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเรื่องของเสด็จอา ก็เป็นเรื่องของข้าเช่นกัน ข้าจะส่งคนไปสืบหาหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เดี๋ยวนี้”
เย่จั้นซาบซึ้งใจ
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
“เสด็จอาไม่จำเป็นต้องสุภาพกับข้า นี่ก็ดึกมากแล้ว เสด็จอารีบพักผ่อนเถิด”
เย่จิ่งอวี้ยืนขึ้น แล้วขยิบตาให้อินชิงเสวียน
หลังจากออกจากสำนักหมอหลวง อินชิงเสวียนเหลือบมองข้างๆ แล้วถามว่า “ฝ่าบาทตั้งใจจะไปตามหาหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จริงๆ หรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...