เมื่อมองดูร่างของลูกชายที่ค่อยๆ พร่าเลือนหายไปจากคลองสายตา อันไท่ผินก็ควบคุมตัวเองไม่ได้และร้องไห้ออกมา
ไม่ว่าวิญญาณที่อยู่ในร่างของเย่จิ่งหลานจะเป็นใคร แต่ร่างกายนี้ก็คือลูกชายของอันไท่ผิน
ลองนึกภาพว่าหากวันหนึ่งตัวเองถูกบังคับให้แยกจากเสี่ยวหนานเฟิง อินชิงเสวียนก็คงจะรู้สึกไม่ดีเช่นกัน
นางเดินเข้าไปช้าๆ จับมือของอันไท่ผิน
“อันไท่ผินไม่จำเป็นต้องเสียใจไป ฝูอี้อ๋องเพียงออกจากวัง ไม่ได้ทำความผิดร้ายแรงแต่อย่างใด หากเขาอยากจะกลับมา ก็สามารถกลับมาเยี่ยมท่านได้ตลอดเวลา”
อันไท่ผินสะอื้น เงยหน้าพูดทั้งน้ำตาว่า “หลานเอ๋อร์อายุไม่ถึงสิบขวบด้วยซ้ำ เขาจะดูแลจวนได้อย่างไร หากพวกบ่าวไพร่รังแกเขาจะทำเช่นไร หวงกุ้ยเฟยช่วยขอความเมตตาจากฝ่าบาทได้หรือไม่ แม้ต้องให้เขาอยู่ต่ออีกสองปีก็ยังดี”
อินชิงเสวียนรู้สึกหมดหนทาง ไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นลูกชายของท่านที่ขอร้องเช่นนี้เอง จึงได้แต่พยักหน้าพูดว่า “ไท่ผินโปรดวางใจ ข้าจะหาโอกาสพูดคุยเรื่องนี้กับฝ่าบาทเอง”
อันไท่ผินโค้งคำนับแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นต้องขอบใจหวงกุ้ยเหยมากแล้ว”
อินชิงเสวียนรีบช่วยประคองนางลุกขึ้น
แม้ว่าอันไท่ผินจะมีตำแหน่งอยู่ในขั้นผิน แต่ในลำดับขั้นก็นับว่าเป็นผู้อาวุโสของเย่จิ่งอวี้ นางจะรับการคำนับจากนางได้อย่างไร
“อันไท่ผินไม่ต้องเกรงใจ เช่นนั้นข้าต้องขอตัวกลับก่อนแล้ว”
อินชิงเสวียนปลอบใจนางอีกหลายคำ แล้วพาเสี่ยวหนานเฟิงกลับตำหนัก
เพื่อนร่วมยุคสมัยของนางนี่ก็ใจร้ายจริงๆ ตัวเองมีเจตนาดีจะมาส่งเขา แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะพูดอะไร แทบอยากจะวิ่งออกจากวังด้วยซ้ำ
อาจเป็นเพราะอยู่ในวังแล้วเขาไม่สามารถอัพเกรดระบบได้จริงๆ อินชิงเสวียนทำได้เพียงปลอบใจตัวเองด้วยวิธีนี้เท่านั้น
นางกับเย่จิ่งหลานรู้จักกันไม่นาน ความสัมพันธ์เดียวที่นางมีคือความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมยุคสมัย ตอนนี้เมื่อมีคนรู้จักเพียงคนเดียวออกจากวังแล้ว อินชิงเสวียนรู้สึกว่าจิตใจว่างเปล่า
เมื่อมาถึงประตูตำหนักจินหวู แต่กลับไม่ได้คิดจะเข้าไป
จากนั้นพูดกับอวิ๋นฉ่ายว่า “วันนี้อากาศดี ไปเดินเล่นที่สวนอวิ๋นเซียงกันเถอะ ไม่เห็นเมล็ดพืชเหล่านั้นมานานแล้ว”
อวิ๋นฉ่ายตอบรับเบาๆ แล้วเอื้อมมือไปรับรถเข็นเด็ก
อินจ้งประกบมือคำนับ พูดด้วยเสียงดังกังวานปารระฆังใหญ่ “โหวเหนือ สบายดีหรือไม่”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ โหวเหนือก็เผยยิ้มมีความสุข
“เป็นแม่ทัพอินจริงๆ เร็ว รีบเปิดประตูเมืองเร็วเข้า”
แม่ทัพพิทักษ์เมืองคนอื่นๆ กลับจมอยู่ในความคิดของตัวเอง
จริงอยู่ที่อินจ้งเก่งกาจในการรบ แต่ถ้าเขาชนะการต่อสู้ครั้งนี้จริงๆ จะยังมีที่ให้ตัวเองอยู่งั้นหรือ
โหวเหนือยังสามารถกลับไปเป็นท่านโหวของเขาต่อไปได้ แต่พวกเขายังคงต้องเฝ้าประตูอยู่ที่นี่อย่างลำบากต่อไป
พวกเขาจึงหันมามองหน้ากันอย่างอดไม่ได้
คนเหล่านี้อยู่ที่ด่านถงกู่ตลอดทั้งปี แค่มองตากันก็รู้แล้วว่าต่างฝ่ายต่างมีความลับอะไรซ่อนอยู่
เมื่อเห็นทหารลงไปเปิดประตูเมือง ก็เกิดม่านเงามาบังดวงตาของคนเหล่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...