โหวเหนือได้ก้าวลงจากหอคอยบนกำแพงเมือง และต้อนรับอินจ้งเข้ามาในเมือง
กล่าวด้วยถ้อยคำอันเต็มไปด้วยความอบอุ่น
“แม่ทัพอินมาถึงที่นี่ได้ นับเป็นโชคดีของด่านถงกู่จริงๆ พวกข้านับคืนนับวันคอยเฝ้ารออยู่ตลอด ในที่สุดแม่ทัพอินก็มาแล้ว”
อินจ้งหัวเราะเบาๆ ประกบมือคำนับพูดว่า “โหวเหนือกล่าวเกินไปแล้ว ได้ยินมาว่าเจียงวูรุกโจมตีเร่งด่วน ที่โหวเหนือสามารถปกป้องด่านถงกู่ไว้ได้ ทำให้อินจ้งเคารพเลื่อมใสไม่น้อย”
โหวเหนือหัวเราะแห้งๆ
“แม่ทัพอินกล่าวยกย่องเกินไปแล้ว ด่านในตอนนี้เต็มไปด้วยช่องโหว่มากมาย เราใช้ทุกวิถีทางที่พอจะทำได้แล้ว ถ้าไม่มีการส่งคนมาจากเมืองหลวง เกรงว่าด่านถงกู่ก็อาจจะไม่สามารถป้องกันได้”
ทันทีที่เขาพูดจบ ก็ได้ยินเสียงกลองสงครามดังมาแต่ไกล
มุมปากของโหวเหนือกระตุก
“เอาอีกแล้ว นี่ก็หนึ่งเดือนแล้วที่ชาวเจียงวูส่งกองกำลังออกมาทั้งวันทั้งคืน ทำให้จิตใจของเหล่าทหารระส่ำระสาย ทั้งโดนหลอกให้ยิงธนูไปจนหมด ตอนนี้ดินปืนถูกใช้ไปหมดแล้ว จัดการกับโจรหยาบเหล่านี้ได้ยากยิ่ง”
อินจ้งขมวดคิ้วเล็กน้อย ในด่านไม่มีแม้แต่ลูกธนูเช่นนั้นหรือ
“พวกเราขึ้นไปดูสถานการณ์บนหอคอยก่อนค่อยว่ากัน”
อินจ้งออกจากกระโจมพัก เดินก้าวอาดๆ ขึ้นไปบนหอคอย ขนาบข้างด้วยกวนเซี่ยวและอินปู้อวี่ที่ตามติดอย่างใกล้ชิด
มีเสียงร้องดังกระหึ่ม ฝุ่นผงลอยคละคลุ้ง
“เจียงวูมีทหารและม้าเท่าไหร่”
โหวเหนือพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “มีคนประมาณห้าหกหมื่นคน คนเหล่านี้ล้วนเป็นทหารม้า มีความองอาจห้าวหาญเป็นอย่างยิ่ง ทหารของเราไม่สามารถเผชิญหน้าพวกเขาได้เลย”
ใบหน้าของอินจ้งมืดลงเล็กน้อย
“ท่านโหวยกยอฝ่ายศัตรู ทำลายศักดิ์ศรีของตัวเองได้อย่างไร”
โหวเหนือกล่าวด้วยท่าทางสิ้นหวัง “นี่ไม่ได้ยกยอพวกเขาเลย ข้าเคยต่อสู้กับพวกเขาหลายครั้ง คนป่าเถื่อนเหล่านี้ดุร้ายจริงๆ”
ในขณะที่เขากำลังพูด มีเสียงตะโกนอย่างพร้อมเพียงกันมาแต่ไกล ทหารม้าของเจียงวูก็บุกเข้ามาราวกับสัตว์ป่าคำราม ทำให้คนหวาดกลัวจนชาวาบไปทั้งศีรษะ
เมื่อไม่กี่ปีก่อนอินจ้งก็เคยต่อสู้กับชาวเจียงวู คุ้นเคยกับเสียงตะโกนเป็นอย่างดี อินปู้อวี่ก็มองลงไปยังเบื้องล่างด้วยสีหน้าสงบ
นี่เป็นครั้งแรกที่กวนเซี่ยวได้ประสบพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ชาวเจียงวูจำนวนมากไม่สวมเสื้อ ทาทางบึกบึนราวกับวัว เมื่อมองดูร่างกายที่มีกล้ามเป็นมัดๆ เหล่านั้น กวนเซี่ยวก็หัวใจเต้นแรงอย่างอดไม่ได้ เกิดความรู้สึกขลาดกลัวขึ้นมา
เพียงพริบตาเดียว ทหารเจียงวูเหล่านี้ก็มาถึงประตูเมือง ผู้นำก็ตะโกนขึ้นมายังหอคอย “เจ้าพวกต้าโจวที่เป็นเต่าหดหัวในกระดองเอ๋ย ถ้ากล้าก็กลิ้งลงมา ต่อสู้กับข้าสักครั้ง อย่าทำตัวเป็นคนโง่ที่หลบอยู่หลังกระโปรงสตรี สตรีชาวเจียงวูเรายังเก่งกาจกว่าพวกเจ้าด้วยซ้ำ”
ทันใดนั้นอินปู้อวี่ก็แสดงสีหน้าเกรี้ยวกราด เอื้อมมือออกไปคว้าธนูข้างๆ แต่แล้วอินจ้งก็คว้าข้อมือของเขาไว้
เขาพูดอย่างใจเย็น “ไม่ต้องสนใจพวกเขา ออกคำสั่งข้าลงไป ให้นำลูกธนูที่กองทัพนำมาขึ้นมาที่กำแพงเมืองทันที หากคนเจียงวูกล้าโจมตีด่าน ให้ยิงพวกเขาด้วยลูกธนู”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันกลับมาตบไหล่โหวเหนือ
“เอาสุราดีๆ มาด้วย คืนนี้พวกเราดื่มกันให้เต็มที่”
โหวเหนือทำหน้างุนงง
ไม่ต้องส่งกองทหารไปโจมตีเจียงวูทันทีหรือ คนที่ล้อมกำแพงอยู่ข้างล่างยังคงก่นด่าอยู่เลย อินจ้งยังดื่มสุราได้ลงคองั้นหรือ
เมื่อเห็นทหารถือไหสุราเก่าๆ มาหลายไห โหวเหนือก็เลียริมฝีปากแผล็บ
ช่างเถอะ ถึงอย่างไรตอนนี้อินจ้งก็เป็นผู้นำทัพ ขนาดเขายังไม่ร้อนใจ เหตุใดตัวเองต้องใจร้อนด้วยเล่า
เมื่อครู่เหล่าแม่ทัพหลายคนที่กำลังเป็นกังวล เพราะกลัวว่าอินจ้งจะเก่งการรบเกินไป จนอาจทำให้พวกเขากลายเป็นคนไร้ประโยชน์ บัดนี้เมื่อเห็นว่าอินจ้งไม่คิดที่จะต้านทาน พวกเขาก็ผ่อนคลายลงมากในทันใด
คนที่ไม่เก่งจะถูกผู้อื่นดูหมื่น และคนที่เก่งกาจมากเกินไปจะทำให้ผู้อื่นริษยา มีเพียงให้คนผู้นี้เป็นเหมือนตัวเองเท่านั้น ทุกคนถึงจะวางใจได้
ในกระโจมทหาร ทันทีที่อินจ้งเปิดไหสุรา กลิ่นสุราก็โชยเข้าจมูก นี่เป็นสุราที่ลูกสาวของเขามอบให้เขา ของที่มาจากในวังย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
โดยที่หารู้ไม่ว่าอินชิงเสวียนได้แลกซื้อสุราเหล่านี้มาจากมิติ แม้ว่าแม่โขงจะเทียบแสงโสมไม่ติด แต่ก็มีรสชาติที่แตกต่างไม่ธรรมดา
หลายคนก็เป็นคอสุราเช่นกัน เมื่อได้กลิ่นนี้ ต่างก็คึกคักกันหมด
อินจ้งหยิบไหสุราขึ้นมา และเทให้ทุกคนคนละชามด้วยตัวเอง
กล่าวด้วยรอยยิ้มร่า “เหล่าแม่ทัพที่ปกป้องด่านต้องลำบากแล้ว อินจ้งขอคารวะแม่ทัพทุกคน หวังว่าในอนาคตเราจะร่วมแรงร่วมใจกันทำงาน เพื่อปกป้องด่านของต้าโจว และป้องกันไม่ให้คนชั่วข้ามมาได้”
“ได้ยินมาว่าพวกเจ้าเชี่ยวชาญในการใช้ค่ายกลโล่กำแพง ไม่ทราบว่าของสิ่งนี้ขนส่งได้ง่ายหรือไม่”
สวีเหลียงกล่าวด้วยความเคารพ “หากถือคนเดียวก็ขนย้ายได้ยาก พวกเราสิบคนถึงจะย้ายโล่หนึ่งอันได้ หากควบคุมเป็นห้าคนแทน ก็คงไม่ลำบากนัก”
จังเถี่ยรีบพูดว่า “แม่ทัพอินอยากจะดูพวกเราฝึกซ้อมหรือไม่ขอรับ”
“วันนี้ยังไม่ต้อง กองทัพเดินทางเหน็ดเหนื่อยมาไกล ให้พวกเขาพักสักคืนก่อน ในเมื่อค่ายกลนี้ได้รับการพัฒนาโดยบุตรีของข้า ข้าย่อมวางใจได้อยู่แล้ว”
อินจ้งยิ้มอย่างใจดี
จังเถี่ยและสวีเหลียงต่างก็ตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้
บุตรี?
นั่นเป็นพระสนมของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันไม่ใช่หรือ
แต่เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นขันทีน้อยผู้หนึ่ง ทั้งสองต่างก็ตกตะลึงกันไปชั่วขณะหนึ่ง
อินจ้งเห็นความสงสัยในใจพวกเขา จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเสวียนจื่อที่พวกเจ้าได้เจอ ก็คืออินชิงเสวียนบุตรีคนที่สามของข้า ตอนนี้นางได้คืนสู่ฐานะเดิมแล้ว และถูกแต่งตั้งยศเป็นกุ้ยเฟย”
อินจ้งได้ยินกวนฮั่นหลินพูดถึงเรื่องของอินชิงเสวียนมาบ้าง แต่เวลาอยู่ด้วยกันนั้นสั้นเกินไป จึงไม่มีเวลาที่จะสอบถามรายละเอียดหลายๆ อย่างมากนัก
ทั้งสองต่างก็ตื่นเต้นระคนยินดี ไม่ว่าอย่างไรด็คิดไม่ถึงว่าผู้ที่เป็นคนฝึกซ้อมให้พวกเขานั้น จะเป็นพระสนมของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
เรื่องเช่นนี้สามารถเอาไปอวดได้ตลอดชีวิต
เรื่องนี้ยังทำให้ระยะห่างระหว่างพวกเขากับอินจ้งแคบลงทันที
และนี่ก็เป็นผลลัพธ์ที่อินจ้งต้องการเช่นกัน
ต่อมา อินจ้งได้ถามถึงสถานการณ์ภายในค่ายทหาร ทั้งสองได้เล่าเรื่องที่รู้จนหมด และเล่าโดยละเอียด จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน ในที่สุดเหล่าผู้ที่ล้อมกำแพงเมืองอยู่ก็แยกย้ายกันไป
อินจ้งคลี่ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “วันนี้พอเท่านี้ก่อน พรุ่งนี้ยามเที่ยงคืน ติดตามข้าเข้าไปสังหารเจียงวู”
ทันใดนั้นทั้งสองคนก็ตื่นเต้น ตอบรับพร้อมกัน “น้อมรับคำสั่งท่านแม่ทัพ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...