“เสวียนเอ๋อร์ไม่ต้องกังวล ข้าจะเขียนจดหมายด่วนแปดร้อยลี้เดี๋ยวนี้”
“ต้องใช้เวลากี่วันถึงจะส่งจดหมายถึงด่านถงกู่เพคะ”
อินชิงเสวียนถามทันควัน
แม้ว่านางจะไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับอินจ้งโดยตรง แต่มนุษย์โลกล้วนมีความรู้สึก อินจ้งและลูกชายคิดเผื่อนางอยู่เสมอ อินชิงเสวียนจะมองไม่เห็นได้อย่างไร และจะไม่รู้สึกซาบซึ้งใจได้อย่างไร
เย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อย่างเร็วที่สุดก็หกหรือเจ็ดวัน”
“ยิ่งเร็วได้ยิ่งดี”
เย่จิ่งอวี้พยักหน้า แล้วเดินไปเขียนจดหมายลับที่โต๊ะ เมื่อปิดผนึกซองแล้วก็ยื่นให้ผู้ส่งสาร
หลังจากที่ผู้ส่งสารจากไป อินชิงเสวียนก็ยังคงไม่สบายใจ
เย่จิ่งอวี้จับมือของนาง ออกแรงบีบเล็กน้อย
“ไม่ต้องห่วง บิดาเจ้าเป็นคนดีสวรรค์คุ้มครอง เคราะห์ร้ายต้องกลายเป็นดีได้แน่”
อินชิงเสวียนถอนหายใจอย่างจนใจ
“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”
เย่จิ่งอวี้ไม่อยากเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของนาง ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อ
“วันนี้ไปสำนักศึกษาหลวงเป็นอย่างไรบ้าง มีใครทำให้เจ้าลำบากใจบ้างหรือไม่”
อินชิงเสวียนคลี่ยิ้มละไม
“ไม่มีเพคะ แค่มีความรู้บางอย่างที่ต้องการให้ใต้เท้าทั้งหลายเชื่อ แต่คงต้องใช้เวลาสักระยะ”
“เสวียนเอ๋อร์รู้สึกเหนื่อยหรือไม่”
“ไม่เพคะ มีอะไรให้ทำก็สนุกดี”
ทันทีที่อินชิงเสวียนพูดจบ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นข้างนอก
“ฝ่าบาท จิ้งอ๋องขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
อินชิงเสวียนรีบผลักเย่จิ่งอวี้ออกไปอย่างรวดเร็ว และไปยืนอยู่ข้างๆ
เมื่อเห็นนางปฏิบัติตัวด้วยความเคารพและสุภาพ เย่จิ่งอวี้ก็ส่ายศีรษะเล็กน้อย มองด้วยสายตาอ่อนใจ
“ให้เสด็จอาเข้ามาเถอะ”
มีเสียงเอี๊ยดเบาๆ และเย่จั้นในชุดสีขาวก็เดินชุดปลิวเข้ามาจากด้านนอก
เมื่อเห็นอินชิงเสวียนอยู่ในห้อง เย่จั้นก็รู้สึกเก้ๆ กังๆ วางตัวไม่ถูก เพราะดูเหมือนว่าตัวเองจะมาผิดเวลา
อินชิงเสวียนรั้งเย่จั้นไว้ และถามว่า “ท่านอ๋องรู้จักคนที่มีนามว่าจูอวี้เหยียนหรือไม่”
เย่จั้นส่ายศีรษะอย่างงุนงง
“ไม่เคยได้ยินมาก่อน”
อินชิงเสวียนถามอีกครั้ง “ตระกูลอินเคยมีความแค้นกับคนตระกูลจูบ้างหรือไม่”
เย่จิ่งอวี้และเย่จั้นมองหน้ากัน
ขนาดอินชิงเสวียนยังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลอินเลย แล้วพวกเขาจะรู้ได้อย่างไร
“เรื่องนี้ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน”
อินชิงเสวียนร้องอ๋อคำหนึ่ง ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรแล้ว”
เมื่อเห็นอารมณ์หดหู่ของอินชิงเสวียน อารมณ์ของเย่จิ่งอวี้ก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “บางทีเสวียนเอ๋อร์ลองไปถามจอมพลเฒ่ากวนดูก็ได้ เขาเป็นที่ปรึกษาของท่านพ่อเจ้า บางทีเขาอาจจะรู้เบาะแสบางอย่าง”
อินชิงเสวียนยิ้มร่าในทันที ดึงแขนเสื้อของเย่จิ่งอวี้แล้วพูดว่า “งั้นหม่อมฉันอยากไปตอนนี้เลยเพคะ”
เมื่อเห็นสีหน้ามีความหวังของนาง เย่จิ่งอวี้ก็พูดได้เพียงว่า “ข้าอนุญาต จำไว้ ถามได้คำตอบแล้วก็รีบกลับ”
เย่จั้นกล่าวต่อว่า “ข้าก็ว่างอยู่พอดี เช่นนั้นก็จะไปเป็นเพื่อนพระสนม!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...