อินปู้อวี่บังเอิญออกมาเข้าห้องน้ำพอดี ทันใดนั้นเขาก็เห็นเงาดำไต่ทะยานขึ้นไปบนกำแพงเรือน จึงไล่ตามออกไปทันที
ร่างเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก และหายไปท่ามกลางแสงจันทร์โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน
อินปู้อวี่เห็นคนผู้นั้นหายไป จึงอดตกใจเสียมิได้
ใครกันแน่ที่สามารถเข้าออกจากจวนแม่ทัพได้ตามต้องการ
เขาหาที่ปลดทุกข์ก่อนสักครู่ แล้วรีบตามมาจนถึงกำแพงเมือง
“เจ้าเคยเห็นคนที่น่าสงสัยบ้างหรือไม่”
ทหารหลายนายที่เฝ้ารักษาเมืองรีบพูดว่า “เรียนแม่ทัพน้อย ไม่เห็นใครเลยขอรับ”
อินปู้อวี่พยักหน้า
“เฝ้าดูให้ดี ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าออกเมืองได้ตามต้องการ”
หลังจากพูดจบเขาก็รีบกลับจวน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกล่อเสือออกจากถ้ำ
ในเวลานี้ ร่างหนึ่งนั้นได้มาถึงด้านล่างกำแพงเมือง เขาดันก้อนหินก้อนใหญ่ออกไป ล้วงอะไรบางอย่างออกจากอกเสื้อ และวางไว้ในช่องว่าง
นอกกำแพงเมือง มีมือคู่หนึ่งคว้าจับอะไรบางอย่าง แล้วก็ใช้วรยุทธ์พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
การเคลื่อนไหวนี้รวดเร็วปานอสุนีบาต ทหารรักษาเมืองไม่สามารถสังเกตเห็น แล้วคนที่อยู่อีกฝั่งในเมืองก็ใช้วิชาตัวเบาเหลาะกลับไปที่จวนแม่ทัพ
อินปู้อวี่ยืนอยู่กลางลาน เมื่อเห็นใครบางคนเหาะเข้ามา เขาก็ซัดฝ่ามือเข้าใส่ทันที
คนผู้นั้นตอบสนองอย่างรวดเร็ว ซัดฝ่ามือสวนกลับมา พุ่งตรงเข้าใส่อินปู้อวี่
อินปู้อวี่หลบเลี่ยงได้อย่างว่องไว และในขณะนี้ ดวงจันทร์ก็โผล่พ้นเมฆดำ สะท้อนบนใบหน้าที่หล่อเหลาดวงนั้น
อินปู้อวี่ตกใจเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของคนผู้นี้
“พี่ใหญ่!”
อินสิงอวิ๋นก็หยุดลง เดินทื่อๆ กลับห้องของตัวเองทันที
อินปู้อวี่ตามเขาไปติดๆ อย่างตกใจ ทว่าอินสิงอวิ๋นได้ขึ้นไปนอนบนเตียงแล้ว
เมื่อเห็นท่าทางของเขา อินปู้อวี่ก็ประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆ รีบไปเคาะประตูห้องผู้เป็นพ่อทันที
อินจ้งสวมเสื้อคลุมทับพร้อมกับเดินออกจากห้อง
“เกิดอะไรขึ้น”
อินปู้อวี่ผลักเขาเข้าไปในห้อง แล้วกระซิบ “ท่านพ่อ พี่ใหญ่ข้าดูแปลกไป”
“เกิดอะไรขึ้น”
อินจ้งหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
แล้วอินปู้อวี่ก็เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ให้อินจ้งทราบ และทันใดนั้นก็นึกถึงสิ่งที่ทหารพูดในช่วงบ่ายว่ามีดินปืนหายไปหนึ่งห่อ
“ท่านพ่อ พี่ใหญ่คงไม่สมคบคิดกับเจียงวูหรอกกระมัง”
อินจ้งรีบพูดทันที “เป็นไปไม่ได้ พี่ใหญ่ของเจ้าไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน”
อินปู้อวี่ขมวดคิ้วและพูดว่า “แต่ถ้าไม่ใช่เขา แล้วดึกดื่นค่อนคืนเขาออกไปทำไม แถมยังลงมือกับข้า ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนพี่ใหญ่ข้า”
สีหน้าของอินจ้งก็เคร่งขรึมจริงจังขึ้นมา
“เราไปดูกันเถอะ”
ทั้งสองมาที่ห้องของอินสิงอวิ๋น และเขายังคงหลับอยู่ตามที่คาดไว้
อินจ้งถือเทียนไขเดินไปหาเขา แล้วบีบเนื้อที่กรามของเขา ซึ่งก็เห็นว่าเป็นเนื้อของเขาเองจริงๆ
เพียงแต่ผู้ฝึกวรยุทธ์คนหนึ่ง ไฉนจึงหลับสนิทขนาดนี้
เมื่อมองดูลูกชายที่กำลังหลับสนิทอยู่ อินจ้งขมวดคิ้วน้อยๆ
เขาโบกมือ กวักมือเรียกอินปู้อวี่ให้ออกไปพร้อมตัวเอง และกระซิบ “พี่ใหญ่ของเจ้าดูแปลกจริงๆ เจ้าไปบอกกวนเซี่ยวด้วย ให้เขาระวัง อย่าอยู่กับเขาตามลำพัง”
“ท่านพ่อ หรือว่าเขาไม่ใช่พี่ใหญ่ของข้า?”
อินจ้งส่ายศีรษะ
“บนใบหน้าของเขาไม่มีหน้ากากผิวหนังของมนุษย์ น่าจะเป็นตัวจริง แต่เพราะเหตุใด พ่ออธิบายเหตุผลไม่ได้ในขณะนี้”
อินปู้อวี่ตอบรับเบาๆ
“ข้ารู้แล้ว”
อินจ้งตบไหล่เขา
“รีบไปนอนเถอะ”
เมื่อกลับมาที่ห้องโถง อินจ้งกลับนอนไม่หลับเลย
“เขาไปที่ไหน จะเป็นอันตรายหรือไม่ เขาจะกลับมาจริงๆ หรือ”
เป่าเล่อเอ่อร์เงยหน้างามดวงน้อยที่เปื้อนหยาดน้ำตาดั่งดอกสาลี่ต้องหยาดฝน
เสียงของอาซือหลานเย็นชาลงเล็กน้อย เขาดึงแขนออก แล้วพูดอย่างเฉยเมย “ข้าบอกว่าจะกลับก็ต้องกลับ เจ้าออกไปก่อนเถอะ”
“เสด็จพี่...”
ใบหน้าของอาซือหลานมืดในขึ้น “ถอยไป”
สาวใช้รีบมาเอาตัวเป่าเล่อเอ่อร์ทันที
“องค์หญิง เรากลับกันเถอะ”
หลังจากที่เป่าเล่อเอ่อร์จากไปแล้ว อาซือหลานก็พูดกับจูอวี้เหยียน “รีบจัดการกับอินจ้งและลูกชายของเขา ตราบใดที่พวกเขาตาย พวกเราก็สามารถยึดเมืองลั่วสยากลับคืนมา และสามารถโจมตีด่านถงกู่ได้ในคราวเดียว”
จูอวี้เหยียนพูดอย่างพราวเสน่ห์ “ท่านอ๋องวางใจได้ วันนี้ในปีหน้าจะเป็นวันรำลึกถึงถึงวันตายของพวกเขาพ่อลูก”
อาซือหลานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“ส่วนผสมของดินปืนต้องศึกษาและผลิตโดยเร็วที่สุด ขอเพียงเราสามารถผลิตสิ่งนี้ได้ เรื่องจัดการต้าโจวก็จะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก เมื่อถึงเวลานั้น ใต้หล้าก็จะอยู่ในมือของเจ้ากับข้า”
จูอวี้เหยียนกล่าวว่า “เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ แต่ถึงอยากจะศึกษาและผลิตออกมา เกรงว่าจะต้องใช้เวลาพอสมควร ท่านอ๋องโปรดอย่าใจร้อน”
อาซือหลานพูดเนิบๆ “เจ้ารีบทำให้ได้เร็วๆ ข้าจะกลับไปพักผ่อนแล้ว”
ขณะมองตามแผ่นหลังของอาซือหลาน จูอวี้เหยียนก็ยกมุมปากขึ้น
สิ่งนี้ต้องพัฒนาจริงๆ แต่จะให้เขาหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของนางแล้ว...
ในเวลาเดียวกัน อินชิงเสวียนก็สั่นกระพรวนทอง
ประมาณสิบห้านาทีต่อมา ร่างหนึ่งก็เหาะเข้ามาในวัง
“ต่งจื่ออวี๋น้อมคำนับผู้อาวุโส น้อมคำนับสามีของผู้อาวุโส”
เย่จิ่งอวี้พูดเรียบๆ “น้องชายต่งตามสบาย”
แล้วอินชิงเสวียนก็ส่งกระพรวนทองให้เขา
“ในเมื่อเป็นของสำนักเจ้า จึงควรส่งคืนให้กับเจ้าของเดิม หวังว่าน้องชายต่งจะไม่ลืมเรื่องที่รับปากข้าไว้”
ต่งจื่ออวี๋รับกระพรวนคืน ประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “สิ่งที่ผู้อาวุโสฝากฝัง ต่งจื่ออวี๋ไม่กล้าลืมเด็ดขาด เช่นนั้นขอลาก่อน แล้วพบกันใหม่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...