สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 468

“แล้วพบกันใหม่”

อินชิงเสวียนประกบมือคารวะ มองส่งต่งจื่ออวี๋จนสุดสายตา

“คราวนี้ดูเหมือนเขาจะรีบร้อน หรือว่าเกิดเรื่องขึ้นกับสำนักของเขา”

เย่จิ่งอวี้รวบเอวนางเข้ามากอด

“ชาวยุทธ์ย่อมมีกฎยุทธภพ เสวียน‍เอ๋อร์จึงไม่ต้องเป็นห่วง”

อินชิงเสวียนยักไหล่

“หม่อมฉันเพียงแค่รู้สึกแปลกใจ เช่นเดียวกับลิ่นเซียว ที่จู่ๆ ก็หายตัวไปอย่างกะทันหัน”

หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็ถามว่า “โอ้ จริงสิ มีข่าวจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์บ้างหรือไม่”

เย่‍จิ่ง‍อวี้กล่าวว่า “ยังไม่มรีชชี สำนักที่ถือสันโดษเหล่านี้หาที่อยู่ไม่ได้ง่ายเพียงนั้น”

ครั้นแล้วอินชิงเสวียนก็นึกถึงคำพูดของต่งจื่ออวี๋ทันที

จากนั้นก็พูดว่า “หม่อมฉันได้ยินจากต่งจื่ออวี๋พูดว่า สำนักกระบี่สังหารของพวกเขากำลังตามหาคนที่แย่งพิณไป เพื่อทวงคืนกระพรวนทอง หากตามหาสำนักกระบี่สังหารพบ แล้วค่อยตามหาหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่ยากแล้ว”

เมื่อได้ยินดังนี้เรียวตาหงส์ของเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็เป็นประกาย

“เสวียน‍เอ๋อร์พูดถูก เนื่องจากสำนักกระบี่สังหารตั้งอยู่ในภูเขาหิมะ จึงหาได้ไม่ยาก ข้าจะส่งคนไปหาสำนักกระบี่สังหารเดี๋ยวนี้ แล้วสอบถามที่อยู่ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จากสำนักกระบี่สังหารอีกที”

อินชิงเสวียนยิ้มเล็กน้อย

“ดีเพคะ”

หลังจากที่เย่‍จิ่ง‍อวี้จากไป นางก็กลับไปที่ตำหนักจินหวู

ขณะมองดูแสงเทียนที่ริบหรี่ อินชิงเสวียนก็นึกถึงอินจ้งขึ้นมา

พริบตาเดียวผ่านไปสามสี่วันแล้ว ไม่รู้ว่าม้าด่วนแปดร้อยลี้จะเดินทางไปถึงที่ใดแล้ว

หวังว่าอินจ้งจะได้รับข่าวโดยเร็ว เพิ่มการระมัดระวัง จะได้ไม่ตกหลุมพรางของอา‍ซือ‍หลาน...

ในขณะที่อินชิงเสวียนกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ อินสิงอวิ๋นซึ่งกำลังนอนหลับอยู่ในห้องดูเหมือนจะได้รับคำสั่งบางอย่าง เขาผุดลุกขึ้นนั่งราวกับภูติผีอีกครั้ง

ปิ่นไม้บนศีรษะยังคงสั่นไม่หยุด ดวงตาทื่อๆ ของอินสิงอวิ๋นก็แสดงเจตนาฆ่า

เขารีบไปที่ประตู แล้วตรงไปที่ห้องของอินจ้ง ทันใดนั้นก็มาถึงหน้าเตียงแล้ว

เขาดึงมีดสั้นออกมาทันที และแทงไปยังอินจ้งที่กำลังหลับสนิท

มีเสียงกรีดร้อง ครั้นแล้วกลุ่มเลือดก็ย้อมม่านเป็นสีแดงฉาน

อินปู้อวี่ได้ยินเสียงร้อง จึงรีบวิ่งเข้าไปในจวนแม่ทัพทันที เมื่อเขาเห็นเลือดบนเตียงของอินจ้ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะตะเบ็งง็งด้วยความโกรธ

“อินสิงอวิ๋น เจ้าเดรัจฉาน”

ด้วยความโกรธ เขาซัดฝ่ามือใส่อินสิงอวิ๋น ทันใดนั้นอินสิงอวิ๋นก็ตัวแข็งทื่อ และอินปู้อวี่ซัดฝ่ามือใส่จนกระเด็นไปไกล เขาอาเจียนเป็นเลือดและล้มลงกับพื้นทันที

ในเวลานี้ กวนเซี่ยวและทหารที่เฝ้าเวรดึกก็รีบเข้ามาเช่นกัน

“สหายอิน เกิดอะไรขึ้น”

อินปู้อวี่กอดร่างของอินจ้ง น้ำตาไหลปานสายฝน

“อินสิงอวิ๋นเขา...ฆ่าพ่อข้า ทหาร จับตัวเขาไว้”

กวนเซี่ยวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

“สหายอิน...”

อินปู้อวี่ตะโกนด้วยดวงตาแดงก่ำ “อย่าเพิ่งพูดอะไรมาก จับเขาไว้”

ทหารรีบดึงตึวของอินสิงอวิ๋นที่หมดสติออกไปทันที

กวนเซี่ยวเดินไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว เขามองเห็นคราบเลือดทั่วเตียงอย่างตะลึงตะลาน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรอยู่พักหนึ่ง

ขณะที่เขากำลังจะพูดปลอบอินสิงอวิ๋น ก็เห็นม้วนไม้ไผ่วางอยู่ข้างหมอน เขาหยิบขึ้นมาอ่าน แล้วรีบส่งให้อินปู้อวี่ทันที

“สหายอิน นี่คือลายมือของแม่ทัพอิน”

อินปู้อวี่รับมาทั้งน้ำตา

เมื่อนึกถึงตรงนี้ โหวเหนือก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นความปรารถนาของแม่ทัพอิน พวกเราต้องปฏิบัติตามแน่นอน จากนี้ไป ทั้งสามกองทัพจะเชื่อฟังแม่ทัพน้อยอิน”

พอเขาเอ่ยปาก คนอื่นๆ ก็ประกบมือคารวะทันที

“น้อมคำนับแม่ทัพน้อยอิน”

อินปู้อวี่เช็ดน้ำตา

“ก่อนตายท่านพ่อข้าขอให้เราปกป้องเมืองลั่วสยาไว้ จากนี้ไป เราต้องร่วมมือกันเพื่อปกป้องเมืองนี้ไว้ให้ได้”

แม่ทัพทั้งหมดพูดพร้อมกันทันที “ร่วมมือกันเพื่อปกป้องเมืองนี้!”

เช้าวันรุ่งขึ้น ห้องโถงไว้ทุกข์ได้สร้างเสร็จเรียบร้อย

อินจ้งนอนอยู่ในโลงศพ ใบหน้าของเขาสงบสุขราวกับว่าเขากำลังหลับสนิทอยู่

เมื่อมองดูผู้เป็นพ่อ อินปู้อวี่ก็ร้องไห้อย่างขมขื่นอีกครั้ง แทบอยากจะส่งกองกำลังไปทำลายเจียงวูเสียเดี๋ยวนี้ แต่พ่อของเขามีคำสั่ง ให้เฝ้ารักษาเมืองลั่วสยาเท่านั้น

ในเวลาเดียวกัน เจียงวูก็ได้รับข่าวการเสียชีวิตของอินจ้งแล้ว

อา‍ซือ‍หลานเขย่าพัดในมือ แล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าอินสิงอวิ๋นจะมีประโยชน์อยู่บ้าง”

จูอวี้เหยียนยิ่งตื่นเต้นจนลืมตัว

“อินจ้งผู้นี้อ้างตนเป็นผู้นำกองทัพเหมือนเทพเจ้า สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับอุบายของข้า”

อา‍ซือ‍หลานกระตุกมุมปาก แล้วพูดว่า “ดังคำกล่าวที่ว่าพ่อลูกต่างก็มีความรักอันลึกซึ้ง ไม่ว่าเขาจะฉลาดเพียงใด ก็ไม่นึกสงสัยลูกชายของเขาได้”

อูเอินนั่งเฉยๆ ขมวดคิ้วและไม่พูดอะไร

อา‍ซือ‍หลานเหลือบมองเขาแล้วพูดเนิบช้า “เสด็จพี่ เราได้ใช้กลอุบายบางอย่างกับเมืองลั่วสยา สามารถเข้าเมืองได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมาก ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องใช้กำลังคนแล้ว ท่านคงตัดใจจากเหล่าแม่ทัพเฒ่าของท่านได้แล้วกระมัง”

อูเอินขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า “อินสิงอวิ๋นจะกลับมาที่เจียงวูได้เมื่อใด”

อา‍ซือ‍หลานพูดเนิบช้า “เขาไม่ใช่คนของเจียงวู เขาจะกลับมาหรือไม่จะสำคัญอะไร”

อูเอินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เขาเป็นสามีของเป่าเล่อเอ่อร์ ฉะนั้นเขาย่อมเป็นคนเจียงวูอยู่แล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์