สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 497

จวนจิ้งอ๋อง

เย่จั้นกำลังเก็บจัดเสื้อผ้า ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาหายดีแล้ว ถึงเวลาออกเดินทางแล้ว

เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาได้เตรียมตัวที่จะออกจากเมืองหลวง เนื่องจากเมืองซุ่ยหานส่งจดหมายมาแจ้งว่าเป่ยมู่ต๋าถอนกำลังทหารออกไปแล้ว เย่‍จิ่ง‍อวี้จึงขอให้เขาอยู่ต่ออีกสองสามวัน

เย่จั้นบังเอิญไปที่วัดสุ่ยจิ้ง จากนั้นไปที่โรงน้ำชาเพื่อสอบถามข่าวเป่ยไห่ อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้รู้เรื่องเพียงเล็กน้อย จึงไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่ออีก

ทันทีที่เก็บของเสร็จเรียบร้อย คนรับใช้ก็มารายงาน

“ท่านอ๋อง หวงกุ้ยเฟยเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ”

เย่จั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หลายวันนี้อินชิงเสวียนอยู่ที่สำนักศึกษาหลวงไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมาที่จวนอ๋องได้

“กุ้ยเฟยมากับใคร”

คนรับใช้กล่าวอย่างพินอบพิเทา “มีเพียงองค์ชายน้อย และบ่าวรับใช้สองคนเท่านั้น”

เย่จั้นพยักหน้า

“เชิญเข้ามา”

ครู่ต่อมา อินชิงเสวียนก็อุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงเดินเข้ามาจากด้านนอก

เย่จั้นโค้งคำนับ กล่าวว่า “ถวายพระพรกุ้ยเฟย”

อินชิงเสวียนยิ้มเบาๆ ตอบว่า “ท่านอ๋องตามสบาย ข้ามาที่นี่เพราะข้ามีเรื่องสำคัญจะหารือกับท่านอ๋อง”

พวกเขาทั้งสองก็นับว่าเคยร่วมงานกันหลายครั้ง ดังนั้นอินชิงเสวียนจึงไม่ได้พูดถ้อยคำพิธีรีตองอะไรมากมาย นางพูดตรงเข้าประเด็นทันที

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมของนาง เย่จั้นก็ให้บ่าวรับใช้ออกไปทันที แล้วถามอย่างอบอุ่น “เกิดอะไรขึ้นในวังรึ”

อินชิงเสวียนพยักหน้า และหยิบโทรศัพท์ออกมา

“ท่านอ๋องดูภาพที่ถูกบันทึกไว้ก็จะทราบเอง”

เย่จั้นรับโทรศัพท์มา แล้วฉากที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ก็แสดงให้ดห็นทันที

เมื่อได้ยินจูอวี้เหยียนพูดถึงฐานะของตัวเอง เย่จั้นก็รู้สึกประหลาดใจ

“สตรีเหล่านี้คือสาวใช้เจียงวูที่พ่อของเจ้าพากลับมาไม่ใช่หรือ”

อินชิงเสวียนพยักหน้า เมื่อเห็นว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกู่เสน่หา สีหน้าของเย่จั้นก็เปลี่ยนไปทันที

เขาเคยตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพิษกู่มาก่อน รู้ว่าสิ่งนี้น่ากลัวเพียงใด ไม่วายพูดด้วยความเกรี้ยวกราด “นังแม่มดนี่ รนหาที่ตายจริงๆ”

อินชิงเสวียนถอนหายใจ และแสดงภาพที่บันทึกภายหลังให้เขาดูอีก

เมื่อเห็นเย่‍จิ่ง‍อวี้ขอความเมตตาแทนสตรีเหล่านั้น เย่จั้นก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

หลานชายของเขามีความรักอย่างลึกซึ้งต่ออินชิงเสวียน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะทำความผิดร้ายแรง เขาก็ไม่คิดสงสัย ตอนนี้กลับพูดคำเหล่านี้เพื่อสาวใช้ชาวเจียงวู นับว่าเป็นเรื่องผิดปกติมากจริงๆ

“กุยเฟยหมายความว่า จิตใจของฝ่าบาทอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว?”

“ถูกต้อง ขณะนี้ฝ่าบาทอยู่ภายใต้การควบคุมของกู่เสน่หา จะใช้การทรมานบังคับให้จูอวี้เหยียนสารภาพคงทำไม่ได้อีกแล้ว เมื่อใดที่จูอวี้เหยียนถูกควบคุม นางจะกระตุ้นกู่เสน่หาทันที ซึ่งแผนในตอนนี้ ทำได้แค่ตามหาคนที่เอาพิณไปโดยเร็วที่สุดเท่านั้น”

นางหยุดชั่วคราวและพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล “น่าเสียดายที่คนจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์หายตัวไปและหาไม่พบ ฝ่าบาทได้ส่งหน่วยองครักษ์เงาไปหลายคนแล้ว แต่ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ เลย”

จู่ๆ เย่จั้นก็นึกถึงคำพูดของอาจารย์ เขาบอกว่าบางทีอาจจะได้พบกับคนจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ในเป่ยไห่

แต่เป่ยไห่อยู่ห่างไกลจากที่นี่มาก จะตามหาคนเจอหรือไม่ก็ยังไม่ทราบแน่ชัด...

“นอกจากนี้ ไม่มีทางอื่นแล้วหรือ”

อินชิงเสวียนดึงมือเล็กป้อมของเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงที่จับผมของนางลง พูดอย่างช่วยไม่ได้ “อาจจะมี แต่ตอนนี้ข้ายังคิดไม่ออก”

เย่จั้นเดินกลับไปกลับมาในห้องโถง หันกลับมาแล้วถามว่า “ไม่ทราบว่ากู่เสน่หานี้มีระยะจำกัดหรือไม่”

อินชิงเสวียนถามว่า “เหตุใดท่านอ๋องจึงพูดเช่นนั้น”

เย่จั้นกล่าวว่า “หากมีระยะ เราก็คิดหาทางให้จูอวี้เหยียนออกจากวัง แล้วค่อยทรมานนางให้สารภาพ ถามวิธีกำจัดกู่เสน่หา ทำเช่นนี้ฝ่าบาทจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ”

เมื่อนึกถึงกู่ที่เย่จั้นและอินสิงอวิ๋นได้รับ อินชิงเสวียนรู้สึกว่าวิธีนี้ไม่สามารถทำได้

อาหารอร่อยของเจียงวูอะไรกัน เทียบไม่ได้กับอาหารในวังอยู่แล้ว

จูอวี้เหยียนรู้ดีว่าอาหารนั้นดึงดูดความสนใจจากเขาไม่ได้ นางก้าวไปข้างหน้า พูดด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทตรวจฎีกามาทั้งวันคงจะเหนื่อยแล้ว พวกหม่อมฉันยินดีร้องเพลงเต้นรำถวายฝ่าบาท เพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าของพระองค์เพคะ”

เมื่อมองดูใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของจูอวี้เหยียน จู่ๆ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็รู้สึกว่าตัวเองตรวจฎีกาจนเหนื่อยแล้วจริงๆ ควรจะผ่อนคลายหน่อย ถึงอย่างไรก็คงใช้เวลาไม่นาน

เขาวางพู่กันฝังหยกขาวลง

“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ร่ายรำเถิด”

หลี่เต๋อฝูยืนอยู่ข้างๆ มองไปที่เย่‍จิ่ง‍อวี้อย่างไม่เข้าใจ

ฝ่าบาทครองราชบัลลังก์มาก็นาน ไม่เคยปล่อยให้ใครมาร้องเล่นเต้นรำในห้องหนังสือเลย วันนี้กลับปล่อยให้คนมาร้องเล่นเต้นรำอยู่ในห้องหนังสือ แปลกจริงๆ

แล้วจูอวี้เหยียนเริ่มร้องเล่นเต้นรำกับสตรีเหล่านั้น

เมื่อได้ฟังเพลงที่แปลกใหม่นี้ จิตใจของเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ค่อยๆ สงบลง เขารู้สึกผ่อนคลายทันที

ชั่วพริบตาท้องฟ้าก็มืดลง

อินชิงเสวียนกำลังป้อนอาหารเสริมให้เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงก่อนเวลา พยายามเกลี้ยกล่อมให้เขานอนหลับเร็วๆ

ยายหลี่ต้องการอุ้มเด็กไปนอนที่ห้องโถงด้านข้าง แต่อินชิงเสวียนปฏิเสธ

“ไม่ต้องหรอก คืนนี้ให้เขานอนอยู่ที่ห้องโถงกลางเถอะ”

ยายหลี่โค้งคำนับแล้วพูดว่า “เช่นนั้นหม่อมฉันขอทูลลา”

อินชิงเสวียนวางเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงไว้บนเตียง หันกลับมาแล้วพูดว่า “ลงกลอนประตูห้องโถงด้านข้างไว้ให้ดี แม้ได้ยินอะไรก็ห้ามออกมาเด็ดขาด”

ทันใดนั้นยายหลี่ก็เริ่มกังวล เงยหน้าขึ้นมองอินชิงเสวียน

“พระสนม เกิดอะไรขึ้น”

อินชิงเสวียนพูดเสียงราบเรียบ “ไม่ต้องถามมาก ออกไปเถอะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์