สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 501

ผู้เฒ่ากวนกล่าวว่า “ข้าแค่คาดเดา แต่ข้าไม่รู้ว่าราชครูแซ่จูผู้นั้นอายุเท่าไหร่”

อินจ้งส่ายศีรษะ แม้ว่าเขาจะได้พบกับจูอวี้เหยียนในระหว่างการโจมตีเมืองลั่วซย่าในวันนั้น แต่ท้องฟ้าก็มืดเกินไป เขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน

“ศิษย์ก็มองเห็นได้ไม่ชัดเจนเช่นกัน แต่หากพิจารณาจากเสียงแล้ว นางน่าจะเป็นหญิงสาว”

ผู้เฒ่ากวนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้ารู้สึกสงสัย เมื่อไม่กี่วันก่อนจึงส่งคนไปตามหาคนแซ่จู แต่กลับกลายเป็นว่างเปล่า เรื่องนี้ควรจะสอบสวนโดยละเอียดดีกว่า บางที...สตรีคนนี้อาจมีความเชื่อมโยงกับเจ้าอยู่บ้าง”

อินจ้งขมวดคิ้ว หรือว่า...

เป็นไปไม่ได้

เมื่อเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ผู้เฒ่ากวนก็ตบมือของเขา แล้วพูดอย่างใจดี “ข้าแค่พูดไปเฉยๆ เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดมาก ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องกำจัดพิษกู่ของสิงอวิ๋น ข้าได้ยินมาว่าพิษกู่สามารถกำจัดโดยคนที่เสกพิษกู่ใส่ นอกจากนี้ เราสามารถหาคนที่มีกำลังภายในสูงเท่านั้น ถึงจะขับไล่พิษกู่ออกจากร่างกายได้ ในจวนข้ามีชาวยุทธ์มามากมายพอดี พรุ่งนี้ข้าจะถามพวกเขาดู ว่ายังมีวิธีอื่นหรือไม่”

อินจ้งลุกขึ้นยืนประกบมือคำนับทันที

“ขอบคุณท่านอาจารย์”

“สำหรับข้า สิงอวิ๋นและปู้อวี่ก็เปรียบเสมือนหลานของข้า ไม่จำเป็นต้องกล่าวขอบคุณ นี่ก็ดึกมากแล้ว พวกเจ้ารีบพักผ่อนเถิด”

ผู้เฒ่ากวนยืนขึ้น อินปู้อวี่กับกวนเซี่ยวก็เดินเข้ามาจากด้านนอกเช่นกัน

อินจ้งถามทันที “จัดที่อยู่ให้พี่ใหญ่เจ้าได้เหมาะสมหรือไม่”

อินปู้อวี่กล่าวว่า “ลูกมัดตัวพี่ใหญ่ไว้บนเตียงแล้วขอรับ”

ผู้เฒ่ากวนถอนหายใจ พูดกับกวนเซี่ยวว่า “เซี่ยวเอ๋อร์ เรากลับไปกันเถอะ”

ครั้นแล้วสองปู่หลานก็ออกจากจวนแม่ทัพ ต่างกระโดดขึ้นหลังม้า

กวนเซี่ยวเดินตามกวนฮั่นหลินอย่างเงียบๆ และไม่พูดอะไร

ผู้เฒ่ากวนชะลอความเร็วม้า แล้วหันกลับมาถามว่า “เซี่ยวเอ๋อร์ เจ้าคิดอะไรอยู่”

ตั้งแต่กลับมาถึงเมืองหลวง กวนเซี่ยวก็ดูหดหู่ใจมาก ช่วงนี้ชายชรามีงานยุ่ง พอจับสังเกตอารมณ์ของหลานชายอยู่บ้าง แต่เขาไม่มีเวลาว่าพูดคุยกับเขาได้

คืนนี้อากาศเย็นสบาย พระจันทร์แจ่มใส สองปู่หลานขี่ม้ากลับจวน นับเป็นโอกาสดีที่จะพูดคุยถึงความคิดของตน

กวนเซี่ยวรู้สึกตัวขึ้นมาทันที

“ไม่มีขอรับ หลานเห็นอินสิงอวิ๋นแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ”

ผู้เฒ่ากวนมองเขา แล้วพูดว่า “เจ้าเติบโตมากับข้า ข้าจะไม่รู้เชียวหรือว่าเจ้ามีนิสัยอย่างไร หลายวันนี้เจ้าดูไม่สดใส จะเป็นเพราะสิงอวิ๋นได้อย่างไร เจ้าไปเจออะไรในเจียงวูหรือเปล่า หรือว่าเผชิญกับเรื่องที่เข้าใจยาก?”

กวนเซี่ยวรีบพูดว่า “ท่านปู่กังวลมากเกินไปแล้ว หลานไม่ได้ไปเจอเรื่องอะไร เพียงแต่จู่ๆ ก็เห็นทหารจำนวนมากเสียชีวิตในสนามรบ เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับได้ในทันที”

ผู้เฒ่ากวนหันศีรษะ

“จริงหรือ”

กวนเซี่ยวพูดด้วยความละอายใจ “จริงขอรับ หลานไร้ความสามารถ ขายหน้าท่านปู่แล้ว”

ผู้เฒ่ากวนถอนหายใจแล้วพูดว่า “หน้าที่ของแม่ทัพคือปกป้องบ้านเกิดเมืองนอน สังหารศัตรูอย่างกล้าหาญ ถ้าศัตรูไม่ตาย ผู้ที่จะตายก็คือราษฎรผู้บริสุทธิ์”

กวนเซี่ยวกระซิบ “หลานทราบแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าคิดมาก จะไม่มีผู้เสียชีวิตในสงครามระหว่างทั้งสองแคว้นได้อย่างไร เมื่อเจ้าทำสงครามกันมากขึ้น ก็จะไม่มีอารมณ์อ่อนไหวแล้ว”

“ขอรับ หลานจะจำคำสั่งสอนของท่านปู่”

กวนเซี่ยวตอบรับ แต่ในใจยังคงคิดถึงเหล่าสตรีเจียงวูที่เดินทางมายังต้าโจว

เขาค่อนข้างแน่ใจว่าหนึ่งในนั้นต้องมีฟางรั่ว

เวลาที่เขารู้จักกับฟางรั่วถือว่าไม่สั้นนัก รูปร่างและท่าทางการเดินของนางนั้น เขามองแวบเดียวก็รู้ได้ทันที

พอคิดว่านางเข้าวังเพื่อรับใช้ฝ่าบาท ทำให้หัวใจของเขาปวดร้าวราวกับโดนแมวข่วน

หลังจากคิดเหลวไหลอยู่สักพัก อินชิงเสวียนก็ถอดเสื้อคลุมออก แล้วนอนลงข้างๆ เสี่ยว‍หนาน‍เฟิง

เมื่อได้กลิ่นน้ำนมจางๆ บนตัวลูกชาย หัวใจก็รู้สึกอ่อนโยน

นางกอดร่างเล็กๆ อันอ่อนนุ่มของลูกชายอย่างอ่อนโยน เพียงไม่นานก็หลับสนิทไป

ด้านนอกประตู มีร่างผึ่งผายกำยำยืนอยู่ที่ทางเข้าตำหนัก ข้างๆ มีหลี่เต๋อฝูที่ถือโคมไฟส่องทางให้

หลังจากนั้นไม่นาน หลี่เต๋อฝูก็ถามด้วยเสียงแผ่วเบา “ฝ่าบาท พวกเราจะเข้าไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ยืนอยู่ในเงามืด แสงจันทร์สีซีดสะท้อนบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา แสงและเงาที่ตัดกันทำให้ใบหน้ามีมิติโดดเด่นยิ่งขึ้น

เกิดความเงียบเนิ่นนานอีกครั้ง ‍จิ่ง‍อวี้ก็ค่อยๆ หันกลับมา

“กลับตำหนักเฉิงเทียนเถอะ”

หลี่เต๋อฝูโค้งคำนับกล่าวว่า “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะนำทางให้ฝ่าบาทเดี๋ยวนี้”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ตอบรับเบาๆ แล้วไม่พูดอะไรอีก

เมื่อเห็นว่าฝ่าบาทดูไม่มีความสุข หลี่เต๋อฝูก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ถ้าฝ่าบาทกลัวว่ากุ้ยเฟยจะไม่สบายใจ ก็แค่ไม่พบสาวใช้เจียงวูเหล่านั้นก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้หยุดเล็กน้อย

ใช่ ทำไมเขาถึงต้องพบหน้าสตรีเหล่านั้นกันนะ

เขาสัญญากับเสวียน‍เอ๋อร์ ว่าเขาจะรักนางเพียงคนเดียวในชีวิต แต่กลับไปดูสตรีอื่นเต้นรำ เขาได้ผิดสัญญาต่ออินชิงเสวียนแล้ว แล้วเขาจะมีหน้าไปพบนางอีกได้อย่างไร

เมื่อนึกถึงสตรีเหล่านั้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขาก็เข้มขึ้นเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

“เจ้าพูดถูก นับจากนี้ไป ไม่อนุญาตให้พวกนางเข้าไปในห้องหนังสืออีก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์