อินจ้งยังคงอยู่ในห้อง เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนเชิญฝูอี้อ๋องมาจริงๆ จึงรีบคุกเข่าลงทำความเคารพ
“กระหม่อมอินจ้งขอถวายบังคมฝูอี้อ๋อง”
เย่จิ่งหลานเอามือเล็กไพล่หลัง และแสดงท่าทางของท่านอ๋อง
พร้อมพูดขึ้นเบาๆ “ลุกขึ้นเถิด แม่ทัพอินไม่ต้องมากพิธี”
อินจ้งลุกขึ้นมือ ประสานมือคำนับแล้วพูดว่า “ขอบพระทัยท่านอ๋อง ลูกสาวข้าบอกว่าท่านอ๋องมีวิชาการแพทย์เป็นเลิศ ท่านอ๋องได้โปรดตรวจดูอาการให้ลูกชายข้าด้วย ตอนนี้เขามีอาการเป็นอย่างไรบ้าง?”
เย่จิ่งหลานตอบรับและพูดว่า “พวกเจ้าออกไปข้างนอกเถอะ เหลือเพียงพระนางกุ้ยเฟยอยู่ที่นี่ก็พอ”
อินจ้งรีบมองไปที่อินชิงเสวียนทันที เมื่อเห็นลูกสาวพยักหน้า จึงพาอินปู้อวี่ออกไปจากห้อง
อินจื่อลั่วมาถึงในบ้านพอดี เมื่อได้ยินว่าพี่สาวกลับมาแล้ว จึงรีบนึกถึงของขวัญของตัวเอง รีบไปหยิบเสื้อคลุมขนกระต่ายให้กับเสี่ยวหนานเฟิง และวิ่งออกมาด้วยความดีใจ
อินจ้งขวางนางเอาไว้
“ท่านพี่ของเจ้าเชิญผู้สูงส่งมาตรวจท่านพี่ใหญ่ของเจ้า อย่าเพิ่งเข้าไป”
อินจื่อลั่วตอบรับ และยืนอีกด้านอย่างเชื่อฟัง
ด้านในห้อง
อินสิงอวิ๋นนอนหลับไปแล้ว
เขาไม่ได้กินอาหารหลายวัน และมีชีวิตอยู่ได้ด้วยน้ำพุวิญญาณ แม้มันจะให้ผลดี แต่ยังสู้การกินอาหารได้ ร่างกายจึงอ่อนแรงอยู่มาก
สิ่งนี้ง่ายต่อการทำงานของเย่จิ่งหลาน เขาเรียกมิติการรักษาออกมา และพาอินสิงอวิ๋นเข้าไปด้านในเพื่อตรวจทั่วร่างกายของเขา
เครื่องมือในระบบของเย่จิ่งหลานแตกต่างจากของจริงในโรงพยาบาล ผลการตรวจทุกอย่างจะออกมาในทันที หลังจากทำการตรวจเรียบร้อยแล้ว เย่จิ่งหลานก็ถอดถุงมือออก
“ตอนนี้ในร่างกายของเขาไม่มีพิษกู่แล้ว และไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ท่านสบายใจได้”
อินชิงเสวียนสีหน้าเบิกบานทันที
ดูท่าทางจูอวี้เหยียนไม่ได้โกหกนาง หากนางกำจัดหนอนกู่ในร่างกายของอินสิงอวิ๋น เขาต้องตายอย่างแน่นอน โชคดีที่ตัวเองมีน้ำพุวิญญาณ ไม่เช่นนั้นอินสิงอวิ๋นคงไปรายงานตัวกับยมบาลแล้ว
“ช่วยข้าตรวจสมองของเขาด้วย ดูเหมือนว่าเขาจำสูญเสียความทรงจำไปแล้ว ดูว่ามีหนทางในการฟื้นฟูหรือไม่?”
เย่จิ่งหลานหยิบอุปกรณ์ขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจนัก เมื่อมองครู่หนึ่งก็พูดขึ้นว่า “คลื่นสมองผิดปกติจริงๆ แต่ข้าไม่มีทางรักษาหรอก ท่านอาจทดลองใช้แรงภายนอกในการกระตุ้น”
เขาหัวเราะอย่างร้ายกาจแล้วพูดว่า “อย่างเช่น เอาก้อนอิฐทุบที่สมองของเขา”
อินจ้งประสานมือคำนับแล้วพูดว่า “ลูกสาวของข้าไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนที่ดี ท่านอ๋องอย่าได้ถือสา”
เย่จิ่งหลานโบกมืออย่างใจกว้าง
“ไม่เป็นไร ข้าไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเช่นนั้น ลูกชายของท่านไม่เป็นอะไรมากแล้ว เพียงแต่ต้องกินของดีให้มาก ไม่กี่วันก็ลุกขึ้นวิ่งได้แล้วล่ะ”
อินจ้งดีใจในทันที
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง หากท่านอ๋องไม่มีธุระอะไร ขอเชิญอยู่ร่วมรับประทานอาหารด้วยกันนะพ่ะย่ะค่ะ เพื่อให้กระหม่อมตอบแทนน้ำพระทัย”
อินจื่อลั่วรีบพูดขึ้นเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “เจ้าโจร ห้ามอยู่กินข้าวที่นี่เด็ดขาดเชียวนะ”
เย่จิ่งหลานเดินมาข้างกายนางพอดี เขาได้ยินอย่างชัดเจน อย่างไรกลับไปก็ไม่มีอะไรทำ อยู่ยั่วโมโหเจ้าเด็กนี่ก่อนดีกว่า
จึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “เช่นนั้นข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการ”
อินจ้งรีบสั่งให้คนไปเตรียมอาหาร ทันใดนั้นในใจของอินชิงเสวียนกลับรู้สึกถึงสัญญาณเตือน ด้านหลังของนางรู้สึกถึงหนามที่แทงบนหลัง
นางรีบหันไปมองทันที ท่ามกลางความมึนงง ดูเหมือนมีร่างหนึ่งเดินผ่านหลังคาไป
อินปู้อวี่รีบถามขึ้นว่า “น้องใหญ่ เป็นอะไรงั้นหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...