จูอวี้เหยียนพยายามหันหน้ามามอง และตะโกนอย่างยากลำบาก “ฝ่า… บาท...”
เย่จิ่งอวี้สวมชุดคลุมสีเขียวเข้ม เดินเข้ามาจากด้านนอก
อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นพอดี ทั้งสองสบตากันกลางอากาศเพียงครู่เดียว และต่างคนต่างหลบสายตากัน
สายตาของเย่จิ่งอวี้มองไปที่จูอวี้เหยียนด้วยความเย็นชา พูดออกมาทีละคำว่า “เจ้าปลอมตัวเป็นสาวรับใช้เข้ามาในวัง วางยาพิษหนอนกู่แก่ข้า สมควรตายอย่างยิ่ง และยังกล้าพูดจาเพ้อเจ้อ ต่อให้กุ้ยเฟยไว้ชีวิตเจ้าในวันนี้ ข้าก็ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ ทหาร จับนังผู้หญิงชั่วร้ายไปลงโทษด้วยแส้เกลือ”
แส้เกลือก็คือแส้เหล็กที่อาบน้ำเกลือเข้มข้น และตัวแส้ก็มีหนามคม เป็นการลงโทษของพระราชวังที่ค่อนข้างโหดเหี้ยม ไม่ต้องจินตนาการก็รู้ว่าจะมีรสชาติอย่างไรเมื่อถูกฟาดลงบนร่างกาย
จูอวี้เหยียนถูกขังไว้ในคุกหลวงตลอดสองวันนี้ นางก็เคยพบเห็น เมื่อนึกถึงเสียงร้องโหยหวนของผู้ที่ถูกลงโทษ ก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างอดไม่ได้
อินชิงเสวียนปล่อยมือ ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ฝ่าบาทตรัสถูกต้องที่สุดเพคะ ผู้หญิงชั่วร้ายเช่นนี้ สมควรตายอย่างทุกข์ทรมาน”
ผู้คุมเรือนจำหิ้วจูอวี้เหยียนลุกขึ้นมา ใบหน้าของจูอวี้เหยียนซีดขาวราวกับกระดาษในทันที
เดิมทีคิดจะฉวยโอกาสตอนที่อินชิงเสวียนผ่อนแรงลง และเอาชนะนางให้ได้ จากนั้นค่อยบีบให้นางเอายาแก้พิษออกมา ข่มขู่ให้นางส่งตัวเองออกนอกวัง กลับไม่คิดว่าจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเอง
นางยอมทนกับแส้เกลือ แต่หากยาพิษเริ่มทำงาน นางจบเห่แน่ๆ
แม้ว่าอาซือหลานจะรับสัญญาณจากหนอนกู่ของนาง แต่ต้องใช้เวลาสิบกว่าวันจึงจะมาถึงที่นี่ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ตายไม่ได้เด็ดขาด
เพื่อมีชีวิตรอด จูอวี้เหยียนที่สูงส่งและยิ่งผยองก็จำต้องก้มศีรษะลง
“พระนางกุ้ยเฟย ข้า... ยอมมอบกู่แม่ให้แก่ท่าน”
อินชิงเสวียนทำเสียงเยาะเย้ยแล้วพูดว่า “เจ้าคิดจะเล่นตลกอะไรอีก?”
จูอวี้เหยียนกัดฟันอดทนแล้วพูดว่า “ข้าเพียงอยากมีชีวิตรอด”
เย่จิ่งอวี้พูดเสียงเรียบว่า “พิษกู่ของข้าถูกแก้ไปนานแล้ว เหตุใดกุ้ยเฟยยังต้องการกู่แม่อีก หากกุ้ยเฟยไม่ไว้วางใจ ข้าจะฆ่านางเดี๋ยวนี้”
อินชิงเสวียนหลับตาลง ราวกับกำลังใช้ความคิด
จูอวี้เหยียนรีบพูดว่า “พระนางกุ้ยเฟย กู่แม่ของกู่เสน่หานี้มีค่าอย่างมาก แม้ว่าจะไม่มีกู่ลูก กู่แม่ก็สามารถป้องกันการโจมตีอย่างรุนแรงให้ท่านได้ แม้ว่าท่านจะบาดเจ็บสาหัสเพียงใด ท่านก็จะไม่ตายในทันที”
อินชิงเสวียนเลิกตากลมโต
“จริงหรือ?”
จูอวี้เหยียนรีบพูดว่า “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าจะโกหกท่านเพื่ออะไร?”
อินชิงเสวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เช่นนั้นก็ดี ตอนนี้เจ้าเอากู่แม่มอบให้ข้าเดี๋ยวนี้ หากเจ้ากล้าเล่นลูกไม้อะไร ฝ่าบาทไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”
เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วถามว่า “กุ้ยเฟย เจ้าคิดดีแล้วใช่หรือไม่?”
เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งอวี้ดูเหมือนไม่อยากให้อินชิงเสวียนยอมรับกู่แม่ จูอวี้เหยียนก็ร้อนใจเล็กน้อย
จูอวี้เหยียนคว้าแขนของอินชิงเสวียน ใช้เล็บข่วนนิ้วชี้ของนาง จากนั้นก็พยายามใช้กำลังภายในอย่างดุเดือด และเส้นเลือดสีแดงก็พุ่งออกมาจากปลายนิ้วของจูอวี้เหยียน พุ่งเข้าในร่างกายของอินชิงเสวียนราวกับลูกธนู
ร่างกายของอินชิงเสวียนสั่นสะท้านเล็กน้อย รู้สึกเหมือนมีบางอย่างไหลเข้าไปในช่องท้องตามเส้นเลือดใหญ่ หลังจากเกิดความปั่นป่วนเล็กน้อย มันก็สงบลง
จูอวี้เหยียนอ่อนแรงไปทั่วทั้งตัว และล้มลงไปบนพื้น
“อินชิงเสวียน ข้าได้มอบกู่แม่ให้ท่านแล้ว หวังว่าท่านจะรักษาคำพูด และไม่กลับคำกับข้า”
“เช่นนั้นหากข้าต้องหารทำลายหนอนกู่ ข้าควรทำอย่างไร?”
อินชิงเสวียนมองนางและถาม
จูอวี้เหยียนก็ตอบอย่างว่องไวว่า
“ข้าบอกเรื่องนี้กับท่านไม่ได้ นับว่าเป็นการรับประกันชีวิตของข้า อย่างไรหนอนกู่ในร่างกายของท่านก็ไม่มีผลร้าย”
เพื่อไม่ให้สุนัขตกใจกระโดดหนีไป อินชิงเสวียนจึงไม่คิดรีบร้อนบีบบังคับนาง และหันไปพยักหน้าให้เย่จิ่งอวี้
เย่จิ่งอวี้พูดเสียงแข็งว่า “ในเมื่อเจ้าและพระนางกุ้ยเฟยตกลงกันได้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าเพียงชั่วคราวก่อน พวกเราไปกันเถอะ”
อินชิงเสวียนขานรับ และให้ผู้คุมเรือนจำนำจูอวี้เหยียนกลับไปขัง
ทั้งสองเดินตามกันออกมาจากคุกหลวง เมื่อถึงด้านนอกประตู เย่จิ่งอวี้ก็หยุดฝีเท้าลง
เย่จั้นพยักหน้า
“ดีมาก จับตัวคนเหล่านี้และอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจ พวกเจ้าก็ต้องระวังตัวด้วย ทุกเรื่องต้องเอาชีวิตเป็นสำคัญ”
“กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง”
เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและลอยหายไปไกล
อินชิงเสวียนก็โล่งใจ
“สมกับเป็นองครักษ์เงาของราชสำนัก มีฝีมือดีทีเดียว”
เย่จั้นยิ้มและพูดว่า “หากไม่ใช่เพราะฝ่าบาทส่งเจวี๋ยอิ่งออกไปปฏิบัติภารกิจ ข้าและเจ้าคงไม่สามารถจัดการได้ง่ายเช่นนี้หรอก”
เย่จั้นชะงักไปเล็กน้อยและถามขึ้นว่า “เจ้าคิดจะจัดการกับจูอวี้เหยียนอย่างไร?”
อินชิงเสวียนพูดเสียงเรียบ “หากนางยังไม่ตาย ข้าคงไม่สบายใจ”
แม้นางจะรับปากจูอวี้เหยียนว่าไม่ต้องการชีวิตของนาง แต่ยังมีวิธีอีกมากที่จะฆ่านางให้ตายได้
เย่จั้นหยุดฝีเท้าลง มองไปที่อินชิงเสวียนแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าท่านพ่อของเจ้าและจูอวี้เหยียนจะมีความสัมพันธ์บางอย่าง เขามาที่ห้องหนังสือก็เพื่อขอร้องฝ่าบาทให้ไว้ชีวิตจูอวี้เหยียน”
อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว
“ท่านอ๋องตอบว่าอย่างไรเพคะ?”
เย่จั้นยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “ข้าไม่ใช่ฝ่าบาทตัวจริง ข้าจึงไม่ได้รับปาก เรื่องนี้ต้องให้จิ่งอวี้และเจ้าเป็นผู้ตัดสินใจ”
อินชิงเสวียนถามอีกว่า “ท่านพ่อของข้าได้บอกเหตุผลหรือไม่?”
“ไม่ได้บอก พูดเพียงให้ฝ่าบาทไว้ชีวิตนางจูอวี้เหยียนเท่านั้น”
เย่จั้นครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “แม่ทัพอินไม่ใช่คนที่แยกแยะผิดถูกไม่ได้ แต่ครั้งนี้ดูแปลกอย่างเห็นได้ชัด ข้าจึงคาดเดาว่า เขาอาจมีความสัมพันะืบางอย่างกับจูอวี้เหยียน ไม่เช่นนั้นก็คงไม่พยายามปกป้องนางเช่นนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...