“อยากออกไปเที่ยวเล่นงั้นหรือ?”
อินชิงเสวียนเลิกตากลมโตมองไปที่เย่ไห่ถัง
ไม่รู้ว่าเย่ไห่ถังกำลังคิดเรื่องอะไร ใบหน้าของนางแดงขึ้นเล็กน้อย
พูดเสียงเบาว่า “ตั้งแต่เล็กจนโต ข้าไม่เคยออกไปนอกวังเลย หากว่าเสด็จพี่สะใภ้สะดวก... ข้าก็อยากออกไปเที่ยวบ้าง”
อินชิงเสวียนเข้าใจเป็นอย่างมาก
แม้ชีวิตในพระราชวังจะดีพร้อม แต่หากเทียบกับโลกภายนอกแล้ว สิ่งที่ขาดหายไปคืออิสรเสรี เย่ไห่ถังอยากออกไปข้างนอกถือเป็นเรื่องปกติ
“ข้าจะลองดู แต่ว่าเจ้าอย่าได้คาดหวังมากเกินไปล่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เย่ไห่ถังก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที
“ขอบพระทัยเสด็จพี่สะใภ้ ขอบพระทัยเสด็จพี่สะใภ้”
อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “รอให้เสด็จพี่ของเจ้ารับปากก่อน เจ้าค่อยขอบคุณข้าก็ยังไม่สาย”
เย่ไห่ถังดึงแขนของอินชิงเสวียนอีกครั้ง และแกว่งไปมาราวกับเด็ก
“เสด็จพี่โปรดปรานเสด็จพี่สะใภ้มากขนาดนั้น ขอเพียงเสด็จพี่สะใภ้รับปาก เสด็จพี่ต้องเห็นด้วยแน่นอนเพคะ”
“การออกจากวังเป็นเรื่องใหญ่ อย่างไรข้าจะช่วยพูดให้แล้วกันนะ”
อินชิงเสวียนไม่กล้าพูดอย่างเต็มปากเต็มคำ อย่างไรเสียผู้หญิงในพระราชวังก็ไม่สามารถเดินออกไปได้ตามใจชอบ ส่วนตัวเองนับว่าเป็นกรณีพิเศษ
“เพคะ เสด็จพี่สะใภ้รีบชิมของว่างที่ข้าทำสิ หวานมากเลย”
เย่ไห่ถังหยิบออกมาราวกับมอบสมบัติล้ำค่า อินชิงเสวียนลองชิมหนึ่งคำ ปรากฏว่านอกจากความหวานก็ไม่มีรสชาติอื่นเลย
เพื่อไม่ให้เย่ไห่ถังผิดหวัง นางจึงฝืนกินหนึ่งชิ้น และพูดอย่างขืนใจว่า “อร่อยมาก”
เย่ไห่ถังดีใจขึ้นมาในทันที
“เช่นนั้นก็กินอีกสิเพคะ”
“อย่าเพิ่งกินเลยนะ ข้าจะให้คนเตรียมของปิ้งย่างก่อน เดี๋ยวพวกเราจะกินเนื้อเสียบไม้ย่างด้วยกัน”
อินชิงเสวียนรีบลุกขึ้น ขนมที่หวานเลี่ยนมากเกินไป นางกินไม่ลงจริงๆ
เย่ไห่ถังถามด้วยสีหน้าสงสัย “เนื้อเสียบไม้ย่างคือสิ่งใดกันเพคะ?”
“เป็นอาหารชนิดหนึ่งที่อร่อยมากเพคะ องค์หญิงลองชิมก็จะรู้”
อินชิงเสวียนมาด้านนอกประตู สั่งให้เสี่ยวอานจื่อก่อเตาถ่าน และทำการแลกเนื้อวัวให้ทุกคนเสียบไม้ และก็ทผักม้วน มะเขือย่าง ยังมีปีกไก่และสิ่งของอื่นๆ
เย่ไห่ถังมองด้วยความประหลาดใจ และลืมเรื่องออกไปนอกวังเสียสนิท
ณ ห้องหนังสือ
ในห้องที่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
เย่จิ่งอวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรที่สูงส่ง แม้จะสวมชุดลำลอง แต่ความน่าเกรงขามยังไม่ลดละลงไป
อินจ้งแสดงความเคารพตามแบบขุนนาง หมอบกราบแล้วพูดว่า “กระหม่อมอินจ้ง ขอถวายบังคมฝ่าบาท”
เย่จิ่งอวี้ยกมือขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงก้องกังวานว่า “ขุนนางอินที่รักไม่ต้องมากพิธี วันนี้เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอะไร?”
อินจ้งยังคงคุกเข่าหมอบ หน้าผากแนบติดพื้นด้วยความถ่อมตนอย่างที่สุด
“กระหม่อมขอความเมตตาจากฝ่าบาท โปรดไว้ชีวิตจูอวี้เหยียนและฟางรั่วด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อเห็นกวนเซี่ยวร้องไห้ฟูมฟาย อินจ้งก็ทำใจไม่ได้ จึงกล่าวอ้อนวอนด้วย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะเห็นแก่หน้าของเจ้า ข้าจะให้เจ้าพบกับจูอวี้เหยียนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่าเจ้าก็ต้องรับปากข้าเช่นกันว่าจะดูแลนางให้ดี หากนางยังกล้าสร้างความวุ่นวายบนโลกใบนี้อีก ข้าจะให้เจ้ารับผิดชอบ”
อินจ้งดีใจในทันที พร้อมกับโค้งคำนับบนพื้นไม่หยุดหย่อน
“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา กระหม่อมขอคารวะความเมตตาของพระองค์”
เย่จิ่งอวี้พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบว่า “ลุกขึ้นเถอะ มารับนางที่หน้าประตูวังในเวลาพลบค่ำวันพรุ่งนี้”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอทูลลา”
อินจ้งเดินออกไปไม่กี่ก้าว ก็หันกลับมาถามว่า “แม่นางคนนั้นที่ชื่อว่าฟางรั่ว...”
เย่จิ่งอวี้พูดเสียงเรียบ “หากกวนเซี่ยวต้องการให้นางมีชีวิตรอด ก็ให้ท่านปู่ของเขามาพูดด้วยตัวเอง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ด้วยกลัวว่าฝ่าบาทจะกลับคำเรื่องจูอวี้เหยียน อินจ้งก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก จึงถอยหลังออกจากห้องหนังสือไป
หลี่เต๋อฝูรีบรินชาให้เย่จิ่งอวี้หนึ่งแก้ว
ถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นว่าความต้องการของพระนางกุ้ยเฟย ดูเหมือนอยากให้คนเหล่านี้ถูกกำจัดจนหมดสิ้น เหตุใดฝ่าบาทจึงต้องไว้ชีวิตพวกนาง ถ้าหาก...”
เย่จิ่งอวี้หยิบแก้วขึ้นมา ทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ แล้วพูดว่า “ไม่มีคำว่าถ้าหาก คนรับใช้ชั้นต่ำทำกับข้าเยี่ยงนี้ ข้าจะยอมง่ายๆ ได้อย่างไร ข้าจะกำจัดวรยุทธ์ของนาง แล้วค่อยเลือกตัดเส้นเอ็นที่มือและเท้าของนาง ให้นางมีลักษณะไม่ต่างจากคนพิการ อินจ้งบอกเพียงว่าให้ไว้ชีวิตนาง ข้าก็จะยอมไว้ชีวิต ตราบใดที่นางยังมีชีวิตอยู่ อาซือหลานจะต้องมาที่เมืองหลวงแน่นอน ถึงเวลากำจัดไอ้ตัวหายนะให้สิ้นซากเสียที”
เย่จิ่งอวี้รวบนิ้วมือเข้าด้วยกัน แก้วเปล่าที่อยู่ในมือแตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยนับไม่ถ้วนในทันที สุดท้ายก็ถูกบดขยี้เป็นผุยผง และไหลออกมาตามร่องนิ้วมือ
หลี่เต๋อฝูมองด้วยความตกใจ พลังยุทธ์ของฝ่าบาทน่าหวาดผวามากทีเดียว หากบีบหัวสมองของเขา ก็คงเละเป็นผุยผงแน่นอน
ต่อไปอย่าได้ถามอะไรมั่วซั่วจะดีกว่า เผื่อวันไหนฝ่าบาทอารมณ์ไม่ดี และอาจบดขยี้เขาได้
เย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นจากเก้าอี้มังกร จัดระเบียบชุดคลุมและพูดว่า “ไปเถอะ ไปที่ตำหนักจินหวู”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...