ณ ตำหนักจินหวู
อินชิงเสวียนกำลังพาเย่ไห่ถังทำเนื้อเสียบไม้ย่าง เย่ไห่ถังเห็นของเหล่านี้เป็นครั้งแรก จึงมีสนุกสนานเพลิดเพลินอย่างมาก
สักพักโรยผงยี่หร่า สักพักโรยผงพริก เมื่อได้กลิ่นหอมของเนื้อเสียบไม้ น้ำลายก็แทบไหลออกมา
“เสด็จพี่สะใภ้เก่งมากจริงๆ คิดวิธีการกินแบบนี้ออกมาได้ด้วย”
อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “ข้าก็เคยเห็นคนอื่นกินมาก่อนเช่นกัน จึงลองทำดูบ้าง ไม้นี้สุกแล้ว องค์หญิงชิมก่อนสิ”
เย่ไห่ถังหยิบขึ้นมากัดหนึ่งคำ และพูดด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น “อร่อยมากเลย ข้าไม่เคยกินอาหารที่อร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย”
“เจ้าอยากกินตอนไหนก็มาได้เลยนะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ข้าสามารถทำเพื่อองค์หญิงได้เพคะ”
อินชิงเสวียนรู้สึกดีต่อเจ้าสาวคนนี้มาโดยตลอด เย่ไห่ถังเกิดในวัง แต่ยังสามารถมีจิตใจที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาเช่นนี้ได้ ถือว่าหาได้ยากมากทีเดียว
เย่ไห่ถังพยักหน้าด้วยความดีใจ
“ขอบพระทัยเสด็จพี่สะใภ้”
“เสด็จพี่สะใภ้ของเจ้าทำของดีอะไรให้เจ้าอีกนะ?”
เสียงที่ทุ้มต่ำและนุ่มลึกดังขึ้นที่ด้านหลัง เย่จิ่งอวี้เดินนำหลี่เต๋อฝูมาด้านหน้า
เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้ เย่ไห่ถังก็รีบหยิบเนื้อย่างขึ้นและโบกไปมา
“นี่คือเนื้อแพะเสียบไม้ อร่อยมากเพคะ เสด็จพี่จะลองชิมหรือไม่?”
“ข้าเอาแน่นอน ดูท่าทางวันนี้ข้าจะมีลาภปากเสียแล้ว”
เย่จิ่งอวี้เดินมาหน้าเตาถ่านและหยิบขึ้นมาหนึ่งไม้ พร้อมกัดหนึ่งคำด้วยท่าทางสง่างาม และเอ่ยชมว่า “ไม่เลว รสมือของเสวียนเอ๋อร์ก้าวหน้าขึ้นอีกแล้ว”
“วันนี้หม่อมฉันยังย่างไส้และผักม้วนด้วยเพคะ ฝ่าบาทลองชิมพร้อมกันสิเพคะ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มของเย่จิ่งอวี้ อินชิงเสวียนก็พอคาดเดาได้ว่าปัญหาถูกแก้ไขได้บ้างแล้ว
เมื่อยกเนื้อที่ย่างเสร็จแล้วขึ้นโต๊ะ ทั้งสามคนก็กินไปด้วย พูดคุยกันไปด้วย ส่วนที่เหลือก็แบ่งให้คนในตำหนักได้กินด้วยกัน
ทุกคนต่างเฝ้ารอเวลานี้ เมื่อเห็นว่าเหนียงเหนียงออกคำสั่งแล้ว ก็พุ่งเข้าไปลงมือย่างเนื้อทันที
อวิ๋นฉ่ายหยิบให้จังอวี้จิ่นหนึ่งไม้
“นี่คือสิ่งที่เหนียงเหนียงของพวกเราคิดค้นขึ้นมา เจ้ารีบชิมดูสิ”
สองวันนี้ จังอวี้จิ่นพอรู้แล้วว่าโภคทรัพย์คือสิ่งใด แม้อาหารของเหล่าคนรับใช้เทียบกับของเจ้านายไม่ได้ แต่กลับดีกว่าตอนที่นางอยู่บ้านหลายเท่า
การที่สามารถฝากชีวิตไว้กับพระนางกุ้ยเฟย เป็นทางเลือกที่ถุกต้องอย่างแท้จริง
หากว่าเหนียงเหนียงสามารถช่วยตัวเองจัดการกับไอ้คนสารเลวอย่างอินสิงอวิ๋นได้ ทั้งชีวิตของนางก็คงไม่ขออะไรมากแล้ว นางจะอยู่ในวังอย่างเชื่อฟัง และยอมเป็นข้ารับใช้ของเหนียงเหนียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ
“ไม่ใช่เพคะ องค์หญิงอยากออกไปเที่ยวเล่นนอกวังกับหม่อมฉัน และได้อ้อนวอนหม่อมฉันมากว่าชั่วยามแล้ว แต่หม่อมฉันไม่กล้ารับปากนาง”
อินชิงเสวียนยิ้มและหยิบแตงโมขึ้นมาหนึ่งชิ้น เมื่อกินเข้าไปหนึ่งคำก็รู้สึกหวานและสดชื่น ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าสาแก่ใจแค่ไหน
“เรื่องของจูอวี้เหยียนเป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”
เย่จิ่งอวี้กระแอมไอเบาๆ และพูดว่า “ข้ารับปากท่านพ่อของเจ้าว่าจะไว้ชีวิตนาง แต่ก็เพียงแค่ไว้ชีวิตเท่านั้น ข้าต้องการใช้นางเป็นเหยื่อล่ออาซือหลาน เสวียนเอ๋อร์คิดเห็นอย่างไรบ้าง?”
อินชิงเสวียนยักไหล่ ในเมื่อเย่จิ่งอวี้ได้สติครบถ้วนแล้ว ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เขาตัดสินใจ
อีกทั้งอาซือหลานก็เป็นวัชพืชตัวฉกาจ หากไม่รีบกำจัดให้สิ้นซาก จิตใจของอินชิงเสวียนคงไม่สงบสุขเช่นกัน
“ในเมื่อฝ่าบาทมีข้อสรุปแล้ว หม่อมฉันไม่ขอพูดอะไรมากเพคะ เพียงแต่ในร่างกายของจูอวี้เหยียนยังมีหนอนกู่อยู่ จึงกลัวว่านางจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก”
เย่จิ่งอวี้ยิ้มจางๆ แล้วพูดว่า “เสวียนเอ๋อร์ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าและท่านอาจารย์เคยเรียนวิชาสกัดลมปราณ ตราบใดที่จุดตันเถียนของนางถูกสกัดไว้ นางจะไม่มีทางเลี้ยงหนอนกู่ได้อีกต่อไป”
“มีวิธีการเช่นนี้ด้วยหรือเพคะ?”
อินชิงเสวียนประหลาดใจเล็กน้อย
เย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นยืนตรง และจับมือน้อยที่นุ่มนิ่มของอินชิงเสวียน
“อืม ข้าจะพาเสวียนเอ๋อร์ไปคุกหลวงเดี๋ยวนี้เลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...