เมื่อได้ยินภาษาของพวกเขา อินชิงเสวียนก็ผงะไปชั่วขณะ ทำไมถึงฟังดูเหมือนภาษาที่เรียนในวัยเด็ก เหมือนจะมีคำว่าบากะด้วย
แต่โทนเสียงจะแตกต่างจากภาษาญี่ปุ่นในปัจจุบันเล็กน้อย
แม้ว่าอินชิงเสวียนจะไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ แต่นางก็ดูอนิเมะอยู่บ่อยๆ จึงพอฟังเข้าใจคำศัพท์ง่ายๆ ได้
ในขณะที่กำลังเหม่อลอย คนที่วิ่งเข้าหานางจู่ๆ ก็หายไป จากนั้นอินชิงเสวียนก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนใต้ฝ่าเท้า และมีมือข้างหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน
อินชิงเสวียนแลกทักษะการกระโดดจากมิติทันที และกระโดดขึ้นจากพื้น ทะยานสูงขึ้นไปหลายจั้ง
เย่จั้นและเย่จิ่งอวี้ตอบสนองเร็วกว่านาง พวกเขาได้ต่อสู้กับคนแปลกหน้าเหล่านั้นก่อนแล้ว
อินชิงเสวียนคว้ากิ่งไม้ข้างๆ ยืนอยู่ด้านบนเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ นางรู้สึกว่าเพลงยุทธ์ของคนเหล่านี้แปลก ร่างกายแวบเข้าแวบออก เมื่อจะปล่อยกระบวนท่าก็ทำมือประสานอิน ซึ่งคล้ายกับอนิเมะนินจาที่นางเคยดูมา
หรือว่าพวกอัปลักษณ์เหล่านี้ เป็นชาติพันธ์ของชาวญี่ปุ่นจริงๆ?
แคว้นที่นางเดินทางข้ามมิติมาเหมือนจะเป็นเรื่องสมมติ แม้ว่าจะมีต้าโจวในประวัติศาสตร์ แต่ก็แตกต่างจากที่เป็นอยู่ตอนนี้อย่างสิ้นเชิง คิดไม่ถึงว่าสถานที่เช่นนี้ยังมีสิ่งที่ชั่วร้ายเหล่านั้น คนณี่ปุ่นมีอยู่ทุกที่จริงๆ เลย
ที่ลานบ้าน เย่จั้นและเย่จิ่งอวี้ก็ขมวดคิ้วเช่นกัน
คนเหล่านี้เก่งในการโจมตีแบบผสมผสาน ผนวกกับการประสานงานราบรื่น อีกทั้งยังแวบหายตัวไปมา ทำให้ยากแก่การคาดเดากระบวนท่าต่อไปของพวกเขา ภาษาที่พูดก็ไม่ใช่ภาษาของต้าโจว ไม่สามารถสื่อสารกันได้เลย
“ฝ่าบาทระวังด้วย คนพวกนี้มาด้วยเจตนาร้าย”
เย่จิ่งอวี้พยักหน้า จากนั้นใช้กำลังภายในเพื่อขับฤทธิ์สุราออกไปอย่างรวดเร็ว และเหาะไปยังคนผู้นั้น
ชายร่างเตี้ยได้พบตำแหน่งของอินชิงเสวียนแล้ว เขาออกแรงส่งจากปลายเท้า ทะยานพุ่งขึ้นไปบนยอดต้นไม้ราวกับดาวตก
“เสวียนเอ๋อร์!”
เย่จิ่งอวี้ตกใจ ซัดฝ่ามือออกไปทันที ด้วยวิชาฝ่ามือจากกำลังภายในอันบริสุทธิ์ ทำให้รุนแรงยิ่งขึ้น
คนผู้นั้นไม่รู้ว่าเขาใช้กลยุทธ์การเคลื่อนไหวแบบใด เขาก้าวหลบเลื่อนขนาน ฝีเท้าค้างอยู่ในอากาศครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็คว้าตัวอินชิงเสวียน
คนที่เหลือก็วิ่งกรูไปที่ต้นไม้โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน
อินชิงเสวียนต่อสู้กับคนมาหลายครั้ง ไม่กลัวเหมือนเมื่อก่อนอีก ถึงอย่างไรก็ยังมีมิติ ตราบใดที่ไม่ถูกจับตัวไว้ นางก็สามารถหลบหนีได้ตลอดเวลา
นางแลกเปลี่ยนพลังจากมิติทันที แล้วซัดฝ่ามือกระแทกใส่
วิชาฝ่ามืออันทรงพลังได้พัดพาก้อนหินดินทราบกระจายฟุ้ง อานุภาพของฝ่ามือนี้ เพียงพอที่จะเอาชนะคนธรรมดาให้เป็นเนื้อย่างได้
ชายร่างเตี้ยดูเหมือนจะรู้ว่าถึงความร้ายกาจ เขาจึงเลื่อนขนานอีกครั้ง จากนั้นจึงโหนต้นไม้ขึ้นไปเหมือนลิง
ผู้นำตัดสินใจทันที เขาทำท่าทางบอกให้ล่าถอย
พวกเขายังต้องการชิงตัวชายที่บาดเจ็บกลับมา แต่ก็ถูหัวหน้าดุด่าว่าบากะอีก
ทุกคนประสานอิน หมอกสีขาวลอยออกมาจากท้องฟ้า เมื่อหมอกจางหายไป ทั้งหมดก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เย่จั้นหิ้วร่างของชายที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมา
“ฝ่าบาท เราควรจัดการกับคนผู้นี้อย่างไร”
เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเขาอย่างเย็นชา
“พาเขากลับวัง ข้าจะสอบปากคำเขาด้วยตัวเอง”
ในเวลาเดียวกัน คนตัวเตี้ยเหล่านั้นก็มาถึงเรือนจุ้ยหงที่ถูกทิ้งร้าง และแอบเข้าไปในอุโมงค์ลับ
หนึ่งในนั้นพูดในภาษาของพวกเขา “ได้กลิ่นอายของหวังซุ่นจากชายที่สวมชุดขาว หรือว่าหวังซุ่นก็อยู่ที่นี่ด้วย”
ผู้นำถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าที่มีปากแหลมแก้มเหมือนลิง
เขากัดฟันพูดว่า “ยังไม่ต้องสนใจเรื่องนั้น ตอนนี้เราต้องหาพิณการเวกมาให้ได้ก่อน...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...