สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 563

คุกหลวง

ชายตัวเตี้ยถูกมัดร่างไว้กับเสาหิน แล้วใช้แส้จุ่มน้ำเกลือโบยจนผิวหนังปริแตก

ไม่มีใครทนต่อแส้หนังนี้ได้ ชายร่างเตี้ยส่งภาษาด้วยความเจ็บปวด พลางผรุสวาทไม่หยุด อย่างไรก็ตาม เขาพูดได้เพียงภาษานกกา ไม่สามารถสื่อสารได้เลย

เย่‍จิ่ง‍อวี้มองเขาด้วยสีหน้ามืดมน ถามอย่างเย็นชา “เจ้าพูดภาษจงหยวนเราได้หรือไม่ ทำไมถึงต้องการลอบสังหารเสวียน‍เอ๋อร์”

ชายตัวเตี้ยพูดพล่าม เหมือนจะได้ยินคำว่าบากะอยู่เรื่อยๆ

เย่‍จิ่ง‍อวี้หันหน้าไปทางอินชิงเสวียน

“เสวียน‍เอ๋อร์ เจ้าเข้าใจหรือไม่”

อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ

“หม่อมฉันรู้แค่ว่าเขากำลังด่าคน แต่ที่เหลือก็ไม่เข้าใจ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ถามอีกครั้ง “แล้วเสวียน‍เอ๋อร์รู้จักคนเหล่านี้หรือไม่”

“ไม่รู้จักเพคะ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบพวกเขา”

อินชิงเสวียนรู้สึกแปลกใจกับความอาฆาตพยาบาทของพวกเขา

คนเหล่านี้ตรงมาหาตัวเองด้วยเจตนาที่ชัดเจน แต่ตัวเองก็ไม่เคยไปล่วงเกินใคร น่าแปลกจริงๆ

สิบห้านาทีต่อมา ชายร่างเตี้ยถูกทุบตีจนผิวหนังถูกฉีกขาด เนื้อตัวชุ่มเลือด และหมดสติไป

ผู้คุมสาดน้ำเย็นใส่ และเริ่มโบยอีก เย่‍จิ่ง‍อวี้ไม่ต้องการให้อินชิงเสวียนเห็นฉากที่โหดร้ายเหล่านี้ เขาจึงพานางออกจากคุกหลวง

“เสวียน‍เอ๋อร์ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เช้าตอนประชุมเช้า ข้าจะถามว่ามีใครเข้าใจภาษานกกาหรือไม่ ตราบใดที่สามารถสื่อสารได้ เราก็สามารถสืบหาความจริงได้”

เมื่อเห็นสีหน้าที่ตึงเครียดของเย่‍จิ่ง‍อวี้ อินชิงเสวียนก็ยิ้มละไม

“ฝ่าบาทไม่ต้องกังวล ตอนนี้คนถูกจับได้แล้ว ไม่ช้าก็เร็วคงทราบผล ยิ่งกว่านั้นหม่อมฉันยังมีความสามารถในการปกป้องตนเอง ถ้าพวกเขาคิดจะทำอะไรกับหม่อมฉันไม่ใช่เรื่องง่าย”

เรียวตาหงส์ของเย่‍จิ่ง‍อวี้ฉายแววเย็นชา เอ่ยขึ้นว่า “พวกเราพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่จับได้เพียงคนเดียว ตราบใดที่พวกเขายังอยู่ในเมืองหลวง พวกเขาก็เป็นภัยคุกคามต่อเสวียน‍เอ๋อร์อย่างมาก”

อินชิงเสวียนแสร้งทำตัวผ่อนคลาย พูดว่า “ในวังมียอดฝีมือมากมาย และมีองครักษ์เงาเยอะแยะ หม่อมฉันไม่กังวลอยู่แล้ว”

“แต่ข้ากังวล”

เย่‍จิ่ง‍อวี้จับมืออินชิงเสวียน แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เสวียน‍เอ๋อร์และข้าได้ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน ข้าไม่อยากให้เสวียน‍เอ๋อร์เป็นอะไรไปอีก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เสวียน‍เอ๋อร์ไม่ต้องไปสำนักศึกษาหลวงอีกแล้ว”

อินชิงเสวียนกัดริมฝีปากล่าง

“แต่ว่า...หม่อมฉันยังสอนในสำนักศึกษาหลวงไม่จบบทเรียนเลย ยอมแพ้ครึ่งทางไม่ดีกระมัง”

เย่‍จิ่ง‍อวี้กล่าวอย่างแน่วแน่ “เรื่องความรู้สามารถสอนภายหลังก็ได้ ความปลอดภัยของเสวียน‍เอ๋อร์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด”

เมื่อเห็นว่าเขาตัดสินใจแล้ว อินชิงเสวียนก็ได้แต่พยักหน้า

“ถ้าเช่นนั้นก็เอาตามที่ฝ่าบาทบอก”

ขณะที่พูด ก็มาถึงตำหนักจินหวูแล้ว

เย่‍จิ่ง‍อวี้หยุดเดิน

“ข้าจะไปหาเจวี๋ยอิ่ง แล้วจะกลับค่ำๆ”

“เพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันกลับก่อน”

อินชิงเสวียนยอบการคารวะน้อยๆ แล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในตำหนักจินหวู

เมื่อกลับมาถึงตำหนัก นางก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที

ทำไมคนเหล่านี้ถึงโจมตีนาง น่าแปลกเกินไปแล้ว

หรือพวกเขาจำคนผิด?

แต่คิดไปคิดมาก็ไม่น่าเป็นไปได้ สัญญาณเตือนก่อนหน้านี้ น่าจะหมายถึงว่ามีคนตามมา แม่นขนาดนี้ ก็ต้องมีเหตุผล

แค่เสียดายที่ไม่ได้เรียนภาษาญี่ปุ่นไว้บ้าง ไม่เช่นนั้นอาจจะสามารถเข้าใจได้บ้าง

ยังมีอีกประการหนึ่งที่อินชิงเสวียนไม่เข้าใจ

แคว้นเล็กๆ ที่อยู่รอบๆ แคว้นต้าโจวล้วนเป็นพวกชาวเผ่า ไม่เคยได้ยินเรื่องญี่ปุ่นมาก่อน คนเหล่านี้มาจากไหนกันแน่

อินชิงเสวียนนั่งครุ่นคิดบนเก้าอี้อยู่นาน แต่ไม่สามารถคิดหาเหตุผลได้ ดังนั้นนางจึงหยุดเปลืองสมอง

เสียงทุ้มต่ำแว่วกระทบโสตประสาท ด้วยเสน่ห์ที่ไม่อาจต้านทานได้ การจุมพิตอันละเมียดละไมทำให้รู้สึกจั๊กจี้จนทนไม่ไหว อินชิงเสวียนโอบรอบคอของเขาโดยไม่รู้ตัว

“อย่า...อื้อ...”

คำพูดประท้วงถูกกลืนกลับเข้าท้องทันที การจูบอันเร่าร้อนละเมียดละไมทำให้อินชิงเสวียนสูญเสียสติสัมปชัญญะในบัดดล

ร่างที่เร่าร้อนดั่งไฟไฟได้หลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว โดยไม่แยกจากกัน...

วันต่อมา

เย่‍จิ่ง‍อวี้ตื่นมาประชุมเช้าแต่เช้า

ค่ำคืนแห่งความสุขสมไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้า แต่กลับดูกระปรี้กระเปร่า สีห้าผ่องใส

อินชิงเสวียนกลับเป็นเหมือนแอ่งโคลนปวกเปียก ไม่อยากขยับตัวเลย ได้ยินเสียงแผ่วต่ำระหว่างเย่‍จิ่ง‍อวี้กับหลี่เต๋อฝูอยู่ แต่นางก็หลับไปอีก

เมื่อตื่นขึ้นมา พระอาทิตย์ก็อยู่เหนือยอดไม้แล้ว

ทุกคนในตำหนักรู้ว่าฝ่าบาทอยู่ค้างคืนที่นี่ จึงไม่มีใครเข้ามารบกวน

อินชิงเสวียนยืดเส้นยืดสายอย่างเกียจคร้าน แล้วเข้ามิติไปอาบน้ำในน้ำพุวิญญาณ หลังจากออกมา นางก็แลกหมูตุ๋นที่ปรุงอัตโนมัติจากมิติ และรับประทานอาหารเช้าง่ายๆ พร้อมด้วยชานมไข่มุก

โดยปกติในเวลานี้นางจะอยู่ในสำนักศึกษาหลวง แต่ตอนนี้นางก็ไม่สามารถออกจากวังได้ อยู่ๆ อินชิงเสวียนก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี

ขณะที่กำลังจะออกไปเดินเล่นกับเสี่ยว‍หนาน‍เฟิง เสียงของเสี่ยวอานจื่อก็ดังมาจากด้านนอกประตู

“พระสนม ผู้คุมบอกว่าเมื่อวานลู่จิ้งเสียนกัดลิ้น เสียเลือดมาก เกรงว่าจะไม่สามารถอดทนได้นาน”

“โอ้?”

อินชิงเสวียนเปิดประตู

“ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

เสี่ยวอานจื่อตอบว่า “อาการร่อแร่เต็มทน เช้านี้กระหม่อมไปเอาเลือดของนางออก แต่ไม่ได้ยินกรีดร้องของนางด้วยซ้ำ”

อินชิงเสวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไปดูสิ”

ครั้นแล้วสองนายบ่าวก็มายังคุกหลวง และเห็นลู่จิ้งเสียนนอนนิ่งอยู่บนพื้นหญ้าอย่างเหี่ยวเฉาจริงๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์