สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 569

เมื่อเห็นใบหน้าขาวๆ ราวกับคนตาย ริมฝีปากหนาทาสีแดงเป็นวงใหญ่ องครักษ์ก็สะดุ้งโหยง ชักกระบี่ออกมาทันที

“กล้าดีอย่างไรมาปลอมเป็นพระสนม จับตัวพวกมันไว้เร็ว”

ที่ทางเข้าวังมีทหารอารักขาหลายคน ยังมีทหารองครักษ์ที่เฝ้าเวรด้วย จู่ๆ คนกลุ่มหนึ่งก็ตะโกนเข้ามา

ชายร่างเตี้ยเห็นดังนั้นก็ตะโกนด่าว่าบากะๆ ไม่หยุด

ตาเฒ่าเหล่านั้นบอกอยู่ชัดๆ ว่าปลอมตัวเป็นสตรี ถือป้ายแขวนเอวเข้ามาก็ได้แล้ว ทำไมพอมาถึงหน้าประตูวังก็ถูกจับได้

ทั้งหมดกระโดดลงจากรถม้าทันที และเข้าต่อสู้กับทหารองครักษ์

ทักษะทางร่างกายเหล่านี้แปลก วิธีการต่อสู้ก็ประหลาด ไม่ถึงสิบกระบวนท่า ทหารรักษาพระองค์สองคนก็ถูกคมดาบของคนแคระ

องครักษ์สองหน่วยรีบเข้ามาเสริมกำลัง และล้อมคนเหล่านี้อย่างรวดเร็ว

ผีแคระไม่เพียงไม่กลัวเท่านั้น แต่ยังระเบิดเสียงหัวเราะอีกด้วย

หนึ่งในนั้นคว้าตัวองครักษ์มา ใช้ดาบผ่าท้อง ควักหัวใจออกมา แล้วอ้าปากกัด เมื่อประกอบกับการแต่งหน้าแปลกๆ ของพวกเขา เหล่าทหารต่างก็รู้สึกเสียวสันหลังอย่างอดไม่ได้

อีกคนหนึ่งตะโกนด่าว่าบากะ ดูเหมือนไม่พอใจกับสิ่งที่คนผู้นั้นกระทำ จึงพ่นควันออกมา

เมื่อควันหายไปก็ไม่พบร่องรอยของคนเหล่านั้นแล้ว

เหลือเพียงองครักษ์ที่นอนตายอยู่บนพื้น ท้องถูกแหวกออก การตายของเขาช่างน่าสยดสยองยิ่ง

ทันใดนั้น องครักษ์ก็ไปรายงานที่ห้องหนังสือ เย่‍จิ่ง‍อวี้กำลังคุยกับเจวี๋ยอิ่ง พอได้ยินว่ามีคนบบุกรุกวัง ใบหน้าของเขาก็มืดลง

“ผู้ใดบังอาจเพียงนี้”

“กระหม่อมไม่ทราบ พวกเขาไม่ได้พูดภาษาต้าโจว ทั้งยังโหดร้ายมาก พวกเขาผ่าท้องกินคนขององครักษ์ทั้งเป็น”

องครักษ์ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน อดไม่ได้ที่จะคุกเข่าลงบนพื้นด้วยอาการตัวสั่นสะส้าน

เย่‍จิ่ง‍อวี้มองเจวี๋ยวอิงอย่างไม่ได้

เจวี๋ยอิ่งพูดว่า “บางทีอาจเป็นคนกลุ่มเดียวกันก็ได้”

“อืม ไปดูกันเถอะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้เดินอ้อมออกมาจากด้านหลังโต๊ะ และรีบรุดตรงไปยังประตูวัง

องครักษ์ยังคงล้อมประตูวัง เมื่อเห็นฝ่าบาทเข้ามาด้วยตนเอง พวกเขาก็คุกเข่าลงทันที

“ทุกคนลุกขึ้น”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดเรียบๆ แล้วเดินผ่านฝูงชน ไปยังองครักษ์ที่นอนแน่นิ่งอยู่กลางพื้น

กลิ่นคาวเลือดคลคลุ้งไปทั่ว ทำให้อยากอาเจียน เลือดเนื้อบนหน้าอกขององครักษ์เปิดออก มีเลือดไหละลักไม่หยุด เย่‍จิ่ง‍อวี้ขมวดคิ้วมองนิ่งๆ

เจวี๋ยอิ่งกระซิบ “เหมือนกับวิธีการของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”

“สุนัขเหล่านี้ รีบไปติดตามที่ซ่อนของพวกเขาเดี๋ยวนี้ พาไป๋เสวี่ยไปด้วย”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ออกคำสั่งด้วยเสียงทุ้มลึก ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าตามหลังมา พอหันกลับมาก็เห็นอินชิงเสวียนและเย่จิ่งหลาน

ทั้งสองคุยกันเรื่องญี่ปุ่นมาตลอดทาง จนกระทั่งเดินมาถึงประตูวังโดยไม่รู้ตัว ทั้งสองมองดูฝูงชนที่รวมตัวกันอยู่รอบๆ ต่างก็พิศวง กำลังอยากเข้ามาดูพอดี แต่คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะอยู่ที่นี่ด้วย

เย่จิ่งหลานก้าวไปข้างหน้าทันที โค้งคำนับและกล่าวว่า “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

“ตามสบาย”

ท่าทีของเย่‍จิ่ง‍อวี้อ่อนลง

“ฝูอี้อ๋องเข้าวังมาเมื่อใด ได้ไปหาอันไท่ผินหรือยัง”

เย่จิ่งหลานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “กระหม่อมมาถึงที่นี่หนึ่งชั่วยามแล้ว กำลังจะออกจากวัง ไท่ผินส่งข่าวบอกว่าในตำหนักเรียบร้อยดี กระหม่อมจึงไม่กลับฉู่เย่ว์แล้ว”

อินชิงเสวียนรีบพูดทันควัน “หม่อมฉันเชิญฝูอี้อ๋องมาเองเพคะ”

เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของอินชิงเสวียน เย่จิ่งหลานก็กระตุกมุมปากขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นกระหม่อมก็ขอทูลลา”

เขาโบกมือ แล้วคนรับใช้ก็ถือถุงอาหารน้อยใหญ่ทันที และเดินตามเย่จิ่งหลานออกจากวัง

“เสวียน‍เอ๋อร์รู้ได้อย่างไรว่าฝูอี้อ๋องสามารถพูดภาษาของพวกเขาได้ เขาอยู่ในตำหนักฉู่เย่ว์มาตั้งแต่เด็ก เขาเรียนรู้จากที่ไหน”

ขณะมองตามแผ่นหลังของเย่จิ่งหลาน จู่ๆ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็รู้สึกราวกับเขาเป็นคนอื่น

แม้ว่าเขาและเย่จิ่งหลานจะเป็นเหมือนคนแปลกหน้าก็เถอะ

“เรื่องมันยาวเพคะ เราจัดการเรื่องพอธีศพของทหารองครักษ์ก่อนดีกว่า”

อินชิงเสวียนไม่มีความลับกับเย่‍จิ่ง‍อวี้ แต่นางยังคงไม่สามารถบอกเรื่องการเดินทางข้ามมิติได้ แม้ว่าจะบอกเขา แต่เขาอาจจะไม่เชื่อ ดังนั้นนางจึงต้องหาเหตุผลอื่นมาอ้างไปก่อน

เย่‍จิ่ง‍อวี้คิดว่าอินชิงเสวียนมีบางอย่างที่อธิบายยาก เขาจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ สั่งองครักษ์ที่อยู่ข้างๆ ว่า “ไปตามหมอหลวงจากสำนักหมอหลวงมา หลังจากเย็บแผลแล้วค่อยทำพิธีฝังศพอย่างถูกต้อง สืบหาคนในครอบครัวของเขา แล้วส่งเงินห้าร้อยตำลึงไป ถือว่าเป็นน้ำใจจากข้า”

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะดำเนินการทันที”

เย่‍จิ่ง‍อวี้มองไปยังองครักษ์ที่เสียชีวิตในสภาพที่น่าสังเวชอีกครั้ง แล้วจับมือของอินชิงเสวียน

กล่าวเสียงอบอุ่นว่า “ไม่ต้องมองแล้ว กลางคืนจะได้ไม่ต้องนอนฝันร้าย เสวียน‍เอ๋อร์ไม่ต้องห่วง ข้าจะลากคนกลุ่มนี้มารับโทษให้ได้”

อินชิงเสวียนเชื่ออย่างลึกซึ้ง

“วิธีการของคนเหล่านี้โหดเหี้ยมอำมหิต ไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาลอยนวลได้ ขืนปล่อยให้เดรัจฉานเหล่านี้อยู่ในเมืองหลวง อาจมีคนถูกทำร้ายเพิ่มขึ้นก็ได้”

เมื่อคิดว่าเป้าหมายของพวกเขาคือตัวเอง นางก็รู้สึกหนาวสั่นในใจ ต้องให้หวังซุ่นกระจายข่าวบอกไอ้สารเลวเหล่านี้ว่า พิณการเวกไม่ได้อยู่กับตัวเอง

“หม่อมฉันจะกลับไปที่ตำหนักจินหวูก่อน นำไป๋เสวี่ยมา”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้าและกล่าวว่า “ดี ข้าจะไปรอเสวียน‍เอ๋อร์ที่ห้องหนังสือ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์