สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 584

อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ดึกดื่นป่านนี้แล้ว จอมพลเฒ่ามาทำอะไรที่นี่

“มาเข้าเฝ้าฝ่าบาทหรือ”

องครักษ์กล่าวอย่างพินอบพิเทา “มิได้พ่ะย่ะค่ะ จอมพลเฒ่าต้องการพบกุ้ยเฟย”

“โอ้ ข้ารู้แล้ว”

จอมพลเฒ่ากวนไม่ใช่คนนอก ดังนั้นอินชิงเสวียนจึงสวมชุกพรางตัวออกจากตำหนักไป

ที่ทางเข้าประตูจิ้งอาน อินชิงเสวียนเห็นชายชรากำลังเดินกลับไปกลับมา

ทันใดนั้นนางก็นึกถึงฟางรั่ว จอมพลเฒ่ามาที่นี่ คงจะมาด้วยเรื่องของกวนเซี่ยว

แต่ทำไมไม่มาที่นี่ตอนกลางวันล่ะ กลัวโดนหัวเราะเยาะงั้นหรือ

แม้ว่ากวนฮั่นหลินจะอายุปูนนี้แล้ว แต่เขาก็มีหูตาว่องไว ทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้า ก็หันหน้ามาทันที

“กระหม่อมถวายพระพรกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ”

อินชิงเสวียนเดินเร็วๆ ไปช่วยประคองผู้เฒ่ากวนลุกขึ้น

“อัคราจารย์ไม่ต้องมากพิธี เข้าวังมาดึกขนาดนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”

กวนฮั่นหลินรู้สึกกระอักกระอ่วน

เขาเข้าวังมาเพื่อขอน้ำ เนื่องจากความเดือดดาลของเขาทำให้กวนเซี่ยวได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้กำลังนอนอยู่ที่บ้าน

กวนฮั่นหลินจำได้ว่าตอนที่ตัวเองได้รับบาดเจ็บ อินชิงเสวียนเคยให้ดื่มน้ำบางชนิด ภายหลังจากนั้นเขาก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

ชายชราไม่อยากมารบกวน แต่เขาเรียกหมอมาหลายคน ทุกคนบอกว่าเขาจะต้องนอนพักสักสิบวันครึ่งเดือน และอาจมีอาการตามมาภายหลัง ชายชราก็เริ่มวิตกกังวลทันที เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจำใจเข้าวังมา

เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนสวมชุดพรางตัว ชายชราก็พิศวงงุนงง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะถาม เขาก็โค้งคำนับทันทีและพูดว่า “เซี่ยวเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บ กุ้ยเฟยได้โปรดประทานน้ำแก่กระหม่อมด้วย จะได้นำไปรักษาอาการบาดเจ็บของหลานชายได้”

“โอ้? ใครทำให้พี่ชายกวนได้รับบาดเจ็บรึ”

“เอ่อ...”

กวนฮั่นหลินไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “เป็นกระหม่อมที่ลงมือเอง”

“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้”

อินชิงเสวียนเลิกคิ้ว

ผู้เฒ่ากวนเป็นคนที่รักเกียรติรักศักดิ์ศรีมาก เรื่องประเภทนี้จึงยากที่จะเอ่ยปาก จึงพูดว่า “เด็กสารเลวคนนี้โง่เขลาและเกียจคร้านอยู่ทั้งวัน ข้าทนไม่ไหวแล้ว จึงตีเขาไปหลายครั้ง”

เมื่อเห็นผู้เฒ่ากวนก้มหน้ามองพื้นด้วยสีหน้ากะอักกระอ่วน อินชิงเสวียนก็พอจะเดาได้แล้ว

“พี่ชายกวนต้องการสตรีที่ชื่อฟางรั่วใช่หรือไม่ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้อัคราจารย์โกรธ?”

ผู้เฒ่ากวนรีบพูดว่า “เด็กคนนั้นไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ พระสนมและฝ่าบาทไม่ต้องสนใจ กระหม่อมจะดูเขาไว้ให้ดี จะได้ไม่พูดจาเหลวไหล ให้อับอายขายหน้า”

เมื่อเห็นท่าทีของผู้เฒ่ากวน อินชิงเสวียนก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะตกลงให้กวนเซี่ยวพาฟางรั่วกลับบ้าน หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ชายชราต้องเสียหน้าแน่ๆ

“ฟางรั่วเป็นสตรีจากเจียงวู ไม่คู่ควรกับพี่ชายกวนจริงๆ เรื่องนี้ให้จบลงเท่านี้เถอะ”

หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็หยิบขวดน้ำพุวิญญาณที่บรรจุไว้ก่อนหน้านี้ออกมา นี่คือสิ่งที่นางเตรียมไว้สำหรับการต่อสู้ครั้งนี้ ใครก็ตามที่ได้รับบาดเจ็บจากชาวญี่ปุ่น ก็สามารถดื่มน้ำพุวิญญาณรักษาอาการบาดเจ็บได้

กวนฮั่นหลินรู้สึกว่าดวงตาพร่ามัว และก็เห็นว่ามีขวดใสอยู่ในมือของอินชิงเสวียนแล้ว

เขาแอบแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก จึงรีบเอื้อมมือไปรับทันที

“ขอบพระทัยพระสนม”

อินชิงเสวียนผลิยิ้มเล็กน้อย

“อัคราจารย์ไม่ต้องเกรงใจ รีบกลับเถิด”

“ได้”

กวนฮั่นหลินตอบรับ ต้องการถามอินชิงเสวียนว่าทำไมนางถึงสวมชุดพรางตัว แต่พอนึกดูอีกที ในวังมียอดฝีมือากมาย ไม่ว่านางจะไปที่ใด ก็คงมีการปกป้องนางไว้อยู่แล้ว เขาจึงกลืนคำพูดกลับคืน

“กระหม่อมทูลลา”

หลังจากประกบมือคารวะอินชิงเสวียนแล้ว จอมพลเฒ่ากวนก็ขึ้นหลังม้า มุ่งหน้าไปยังจวนจอมพล

ขณะที่อินชิงเสวียนมองดูแผ่นหลังของกวนฮั่นหลิน นางก็คิดในใจ ในเมื่อจอมพลเฒ่าไม่เห็นชอบในการรับฟางรั่วเข้าจวน เช่นนั้นการเก็บคนคนนี้ไว้ก็ไม่มีประโยชน์

ถึงอย่างไรอินชิงเสวียนไม่คิดที่จะเอาชีวิตนาง แค่ให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ทำลายวรยุทธ์ของนางก็พอ ถือเป็นค่าตอบแทนสำหรับการใช้งาน ส่วนสาวใช้คนอื่นๆ ก็สังหารสิ้น

นางหันกลับมาผิวปาก ไป๋เสวี่ยก็วิ่งมาแต่ไกลทันที

เนื่องจากขนสีขาวของมันสะดุดตาเกินไป อินชิงเสวียนจึงแลกเปลี่ยนชุดสุนัขสีดำพิเศษให้มันสวม ในคืนที่มืดมิด อุ้งเท้าสีขาวเล็กๆ ทั้งสี่ข้างยังคงเห็นชัดเจนมาก

“หวังซุ่น เจ้าได้ยินข้าหรือไม่”

หวังซุ่นลืมตาอย่างอ่อนแรง

“พระสนม...”

การเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ได้ใช้พละกำลังทั้งหมดของเขา ทันใดนั้นเขาก็หายใจหอบอีกครั้ง

อินชิงเสวียนรีบหยิบน้ำพุวิญญาณออกมา ให้เขาจิบเล็กน้อย แล้วถามโดยเร็ว “คนอื่นๆ ล่ะ? พวกเขาไปไหนแล้ว”

หวังซุ่นอ้าปาก แล้วก็หมดสติไป

อินชิงเสวียนเรียกอยู่หลายครั้ง แต่เขาไม่ตอบสนอง จึงหันไปพูดกับฉินเทียนว่า “ส่งเขาไปที่จวนฝูอี้อ๋องด่วน บอกว่าข้าเป็นคนบอก ต้องให้ฝูอี้อ๋องช่วยคนผู้นี้ไว้ให้ได้”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเทียนเรียกองครักษ์คนหนึ่งเข้ามาทันที แล้วพาหวังซุ่นออกไปอย่างรวดเร็ว

ขณะมองดูค่ำคืนที่มืดมิด อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว

เดิมทีคิดว่าการติดตั้งเครื่องติดตามปิดบนตัวหวังซุ่นแล้ว จะสามารถพบชาวญี่ปุ่นพวกนั้น แต่ไม่คิดว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ การเดินหมากคราวนี้นับว่าสูญเปล่าแล้ว

ตอนนี้ทำได้เพียงพึ่งพาไป๋เสวี่ยเท่านั้น

อินชิงเสวียนก้มศีรษะลง ตบหัวอันใหญ่โตของไป๋เสวี่ยเบาๆ

“รีบดมกลิ่นเร็ว ดูว่าเจ้านายของเจ้าอยู่ที่ไหน”

ไป๋เสวี่ยดูเหมือนจะเข้าใจ มันเห่าหนึ่งครั้งแล้วเดินออกไปข้างนอก

ในเวลาเดียวกัน ที่พงป่าบริเวณชานเมือง มีร่างหลายร่างกำลังเผชิญหน้ากันอย่างเงียบๆ

ในความมืดอันกว้างใหญ่ ไม่มีผู้ใดเคลื่อนไหว ราวกับเป็นรูปปั้นหลายชิ้นที่ฝังอยู่ในพื้นดิน

ขณะนี้ เมฆดำก็ค่อยๆ สลายไป แสงจันทร์สีซีดสาดทะลุเมฆดำ สะท้อนบนร่างผึ่งผายกำยำ

ชายผู้นี้มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา เรียวตาหงส์คู่นั้นเป็นดั่งงูไฟฟ้าสีทองที่ไฟฟ้าไหลเวียนอยู่รอบๆ ทำให้คนไม่กล้ามองสบตาตรงๆ

ชายเสื้อคลุมผ้าสีดำปลิวไปตามสายลม ไอสังหารลอยวนไปตามสายลม คนทั้งคนเป็นเหมือนกระบี่คมๆ ที่ถูกดึงออกมาจากฝักพร้อมรัศมีที่น่าเกรงขาม

คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเย่‍จิ่ง‍อวี้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์