สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 587

“หวังซุ่นยังมีชีวิตอยู่รึ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้หันกลับไปถาม

อินชิงเสวียนส่ายศีรษะอย่างไม่แน่ใจ

“หวังซุ่นถูกคว้านท้อง สภาพน่าอนาถยิ่งนัก หม่อมฉันให้ฉินเทียนส่งเขาไปยังจวนฝูอี้อ๋องแล้ว หวังว่าจะช่วยให้ฟื้นได้”

จากนั้นก็ถามอย่างฉงน “ทำไมหวังซุ่นถึงอยู่ในห้องนั้น ผู้ใดทำร้ายเขากันแน่”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดด้วยสีหน้ามืดมน “คงจะเป็นคนตงหลิวพวกนั้น ตอนที่ข้าและเสด็จอามาถึง หวังซุ่นก็ถูกฆ่าไปแล้ว คนพวกนี้จมูกไว และเคลื่อนไหวเร็วมาก ซ่อนตัวจากเจวี๋ยอิ่งได้ด้วย”

อินชิงเสวียนพูดปลอบ “ว่ากันว่าชาวตงหลิวถนัดวิชาต่อสู้นินจา ในเมื่อคนเหล่านี้สามารถบุกทะลวงแนวป้องกันของสำนักต่างๆ มาที่เมืองหลวงได้ พวกเขาคงมีความสามารถพอสมควร โชคดีที่การต่อสู้คราวนี้สามารถกำจัดไปได้สองคน นับว่าเป็นกำไรมหาศาลแล้วเพคะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้า เหลือบมองท้องฟ้า แล้วมองดูทุกคน พูดว่า “ยามนี้พวกเขาซ่อนตัวแล้ว คงไม่พบภายในหนึ่งหรือสองวันอย่างแน่นอน คืนนี้รบกวนทุกคนแล้ว เชิญกลับไปพักผ่อนเถิด ข้าจะให้เจวี๋ยอิ่งสืบตามต่อเอง”

ทุกคนประกบมือคำนับพร้อมกัน

“พวกกรหม่อมทูลลา”

อินปู้อวี่เหลือบมองน้องสาวอย่างเป็นห่วง เดิมทีอยากพูดตักเตือนอีกสองสามคำ แต่เมื่อเขาเห็นฝ่าบาทอยู่ข้างๆ เขาก็กลืนคำพูดกลับคืน พยักหน้าให้อินชิงเสวียน และเดินออกจากป่าพร้อมกับพี่ชายคนโต

เย่จั้นเดินไปข้างหน้าสองก้าว แล้วพูดว่า “กระหม่อมไม่มีธุระอะไร ให้ไปส่งเสด็จฝ่าบาทและกุ้ยเฟยเถิด”

“ไม่ต้องหรอก เสด็จอาเหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว รีบกลับไปเถิด”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ขึ้นหลังม้าแล้วดึงอินชิงเสวียนขึ้นมานั่งด้วย แล้วทั้งสองก็ขี่ม้ามุ่งหน้าออกจากป่า

ทหารองครักษ์กลุ่มหนึ่งตามมาติดๆ และกลับมายังวังหลวงอย่างเอิกเกริกทันที

ในเวลานี้ ท้องฟ้ากลายเป็นสีซีด ค่ำคืนนี้ได้ผ่านไปอย่างเงียบเชียบ

หลี่เต๋อฝูกำลังรออยู่ในตำหนักจินหวูพร้อมชุดมังกร เมื่อเห็นว่าใกล้จะรุ่งเช้าแล้ว ฝ่าบาทยังไม่กลับมา เขาก็เดินกลับไปกลับมาอย่างอดห่วงไม่ได้

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้านอกประตู หลี่เต๋อฝูมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น

“ฝ่าบาท ท่านกลับมาเสียที”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้า ใบหน้าตึงเครียด

ปลาสองตัวที่หลุดอวนกลายเป็นเรื่องน่าปวดหัว มีแนวโน้มว่าสองคนนี้จะมีผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นอีก

เรื่องนี้ เขาต้องจัดการด้วยตัวเอง

เมื่อหันกลับมา สีหน้าของเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ผ่อนคลายลง เขามองอินชิงเสวียน แล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ข้าต้องไปประชุมเช้าแล้ว สองวันนี้เสวียน‍เอ๋อร์ต้องระวังตัว ห้ามออกจากวังเพียงลำพัง หากเจ้าร้อนใจอยากไปหาหวังซุ่น ก็รอให้ข้าเลิกประชุมก่อน ข้าจะไปกับเจ้า”

เมื่อเห็นว่าหลี่เต๋อฝูก้าวออกมาผลัดเปลี่ยนชุดให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ อินชิงเสวียนไม่อยากให้เขาไปประชุมเช้าทั้งๆ ที่ยังเป็นห่วงนางอยู่เช่นนี้

“ฝ่าบาทวางใจเพคะ หม่อมฉันจะไม่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ”

ดวงตาของเย่‍จิ่ง‍อวี้ลึกลงไป ในใจรู้สึกราวกับสายน้ำชโลมจิตใจ ซึ่งทำให้หัวใจอบอุ่น

“งั้นก็เป็นอันตกลงตามนี้ เจ้ากลับไปนอนพักก่อน แล้วเจอกันตอนเที่ยง”

แล้วอินชิงเสวียนก็อ้าปากหาวอย่างให้ความร่วมมือ

“หม่อมฉันน้อมรับคำสั่งเพคะ”

หลี่เต๋อฝูจัดแจงเสื้อคลุมมังกรให้เรียบร้อย หยิบมาลงมงกุฎออกมา สวมให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ ปรับแต่งให้ตรง

“ฝ่าบาท เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม งั้นข้าจะไปประชุมเช้าแล้ว”

เย่‍จิ่ง‍อวี้หยิบเสื้อคลุมมังกรขึ้นมา แล้วเดินออกจากตำหนักจินหวูด้วยฝีเท้ามั่นคง

อินชิงเสวียนเข้าไปดูลูกชายในมิติ เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงกำลังนอนหลับสบายบนเปลนุ่ม ดูท่าทางน่าจะยังไม่ตื่นง่ายๆ

นางนิ่งขึงในบัดดล หรือว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเย่จิ่งหลาน?

“ไป๋เสวี่ย หาดูเร็ว ได้กลิ่นของเย่จิ่งหลานและหวังซุ่นหรือไม่”

ไป๋เสวี่ยเห่าแล้ววิ่งออกไป อินชิงเสวียนตามไปที่เรือนด้านหลัง หากเย่จิ่งหลานเป็นอะไรไป นางจะต้องอยู่กับความรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต

นางตะโกนขึ้นอย่างอดไม่ได้ “เย่จิ่งหลาน เย่จิ่งหลาน!”

หลังจากมองไปรอบๆ ก็ไม่พบใคร อินชิงเสวียนไปตรวจดูสาวใช้และคนรับใช้อีกครั้ง เมื่อตรวจดูแล้ว นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ

คนทั้งหมดนี้เสียชีวิตแล้ว ที่คอของแต่ละคนมีรอยบีบคอชัดเจน ซึ่งต้องเป็นการใช้แรงอย่างมากถึงจะหักคอได้เช่นนี้

ช่างเป็นหัวขโมยที่อำมหิตจริงๆ

นางต้องกลับไปวังโดยเร็ว บอกเรื่องนี้กับเย่‍จิ่ง‍อวี้ และให้เขาส่งคนไปตามหาเย่จิ่งหลาน

ขณะที่กำลังจะจากไป จู่ๆ ก็มีเสียงหาวมาจากด้านหลัง

เมื่ออินชิงเสวียนหันกลับมา ก็เห็นเย่จิ่งหลานที่สวมเสื้อป้ายตัวในเดินออกจากห้องอย่างงัวเงีย

อินชิงเสวียนรู้สึกตื่นเต้น รีบวิ่งไปตรวจดูเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าทันที

“เย่จิ่งหลานเจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ข้าตกใจแทบตาย”

เมื่อเห็นเหงื่อบนปลายจมูกของอินชิงเสวียน เย่จิ่งหลานก็กระตุกมุมปากขึ้น

“กุ้ยเฟยเป็นห่วงข้าจริงๆ หรือ”

อินชิงเสวียนใช้มะเหงกเขกกบาล แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว เจ้ายังมาล้อเล่นอีก เมื่อครู่เจ้าไปอยู่ไหนมา ข้าคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าแล้วเสียอีก”

เย่จิ่งหลานคลำหัวป้อยๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าลืมไปแล้วรึ เราต่างก็เป็นคนมีมิติส่วนตัว ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ตายง่ายๆ หรอก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์