“เกิดอะไรขึ้น”
สตรีคนหนึ่งที่สวมกระโปรงคาดอกสีแดงเข้มเดินออกจากห้องข้างๆ โดยที่ในมือถือชามยาอยู่
สตรีสองคนหันกลับอย่างรวดเร็ว
“พี่ฮวาเชียน คุณชายแซ่เย่หนีหายไปแล้ว”
ใบหน้าของฮวาเชียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“อะไรนะ เจ้าสำนักจับกุมฮ่องเต้น้อยจริงๆ หรือ “
สตรีในชุดสีชมพูพยักหน้าและพูดว่า “เจ้าสำนักเพิ่งกลับมา วานให้พวกเราไปเอาเลือดคุณชายน้อยเย่ ไม่นึกว่าจู่ๆ เขาก็ตื่นขึ้น พังประตูแล้ววิ่งหนีไป”
ฮวาเชียนถามอย่างร้อนรน “เจ้าสำนักล่ะ”
“ไปหาหมอเทวดาหนิง พี่ฮวาเชียน ควรทำอย่างไรดี”
หญิงสาวในชุดสีเขียวกังวลมากจนแทบจะร้องไห้
ฮวาเชียนรีบส่งชามยาในมือให้กับหญิงสาวในชุดสีเขียว
“พวกเจ้าป้อนยาชามนี้ให้ผู้คุมตรา ข้าจะออกไปดู ต้องปกป้องผู้คุมตราให้ปลอดภัยนะ”
“เจ้าค่ะ”
ทั้งสองตอบพร้อมกัน และเดินเข้าไปในประตูอย่างรวดเร็ว
ฮวาเชียนใช้วิชาตัวเบา เหาะเหินไปตามตึกในหอ
เมฆมืดมนขนาดมหึมาแผ่ปกคลุมชายฝั่งทะเลเป่ยไห่ ท้องนภาปราศจากแสงเดือนแสงดาว เอื้อมมืออกไปก็ไม่เห็นแม้แต่นิ้วเดียว
แม้ว่าเมืองนี้จะไม่ใหญ่นัก แต่ทางด้านซ้ายก็ล้อมรอบด้วยภูเขา ด้านหน้าติดทะเล การจะหาใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ฮวาเชียนหยุดที่ประตู โดยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนอยู่ครู่หนึ่ง
หากเจ้าสำนักบอกเรื่องผู้คุมตรากับเย่จิ่งอวี้ เขาจะไม่จากไปอย่างแน่นอน
น่าเสียดายที่เจ้าสำนักเกลียดชังตระกูลเย่มาโดยตลอด ยอมที่จะเดินทางไปพาตัวเย่จิ่งอวี้มาที่นี่ด้วยตัวเอง แต่ไม่ยอมบอกความจริง ช่างเป็นชายชราที่ดื้อรั้นจริงๆ
เมื่อนึกถึงเย่จิ่งอวี้ในวัยเด็ก ดวงตาของฮวาเชียนก็เป็นประกายอบอุ่น นางเฝ้าดูเด็กคนนี้เติบโตขึ้นมา เพียงพริบตาก็ไม่ได้พบกันหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าจะจำกันได้หรือไม่
ครั้นนึกถึงผู้คุมตราที่ไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตามหาฮ่องเต้น้อยให้พบ มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถช่วยแม่ของเขาได้
ฮวาเชียนไปที่โรงเตี๊ยมใกล้เคียงทันที ค้นหาทุกที่ ทว่าในเวลานี้ เย่จิ่งอวี้หนีเข้าไปในป่าแล้ว
เขาไม่รู้ว่าสถานที่นี้อยู่ที่ไหน ทั้งยังเป็นยามดึก มองไม่เห็นสถานที่ทั้งหมด เขาต้องรอจนถึงรุ่งเช้าจึงจะระบุสถานที่ได้ แล้วค่อยออกเดินทาง
เมื่อคิดถึงชายชราผู้ไร้เหตุผลคนนั้น ดวงตาของเย่จิ่งอวี้ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา ลูกผู้ชายแก้แค้นสิบปียังไม่สาย
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการออกจากที่นี่โดยเร็ว จู่ๆ ตัวเองก็ถูกลักพาตัวไปอย่างกะทันหัน เสวียนเอ๋อร์คงร้อนใจแล้วแน่ๆ
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกพบตัว เขาเริ่มวิชาตัวเบา กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ที่มีพุ่มใบหนาแน่น หากิ่งไม้ที่เหมาะๆ และนอนงีบหลับบนต้นไม้
เจ้าสำนักเซี่ยวได้พาหมอเทวดาหนิงกลับมาที่หอ เมื่อรู้ว่าเย่จิ่งอวี้หนีไปแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะเกรี้ยวกราด “ไอ้สารเลว! เจ้าพวกสวะ แค่คนผู้เดียวยังดูแลไม่ได้”
เจ้าสำนักเซี่ยวตบโต๊ะ ทันใดนั้นสตรีทั้งสองก็ตัวสั่น รีบคุกเข่าลงโดยเร็ว
สตรีในชุดสีชมพูกล่าวว่า “เจ้าสำนักโปรดไว้ชีวิตด้วย จู่ๆ คุณชายน้อยนั่นก็โจมตีพวกเรา พวกเราไม่ได้ระวังตัว เขาจึงวิ่งหนีไปได้”
เจ้าสำนักเซี่ยวตะโกนด้วยความโกรธ “เหลวไหล ข้าจี้สกัดจุดเขาเอาไว้แล้ว เขาจะยังขยับเขยื้อนได้อย่างไร”
หนิงจงเจ๋อพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นข้าจะเขียนเทียบยาไว้ให้สองชุดก่อน พยายามรักษาชีวิตของผู้คุมตราเซี่ยวให้ได้นานที่สุด ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับจังหวะโอกาสแล้ว”
เจ้าสำนักเซี่ยวประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “ขอบคุณหมอเทวดาหนิงมาก”
หนิงจงเจ๋อพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าและข้ามาที่นี่เพื่อต่อต้านคนตงหลิว ไยจึงต้องเกรงใจเพียงนี้”
พูดจบเขาก็หยิบม้วนไม้ไผ่ออกมา หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนเทียบยาไว้ให้
“นอกจากนี้ ขอให้เจ้าสำนักเซี่ยวถ่ายทอดกำลังภายในให้ผู้คุมตราเซี่ยวทุกวัน เพื่อให้แน่ใจว่าหลอดเลือดดำหัวใจจะไม่ถูกหนอนพิษรุกล้ำ”
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา”
เจ้าสำนักเซี่ยวถ่ายทอดกำลังภายในเงียบๆ และกดฝ่ามือบนศีรษะของเซี่ยวอิ๋นหวนเบาๆ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็หยุดมือแล้วพูดว่า “ช่วงนี้ต้องรบกวนหมอเทวดาหนิงแล้ว หากข้าตามตัวคนพบ ก็ต้องรบกวนหมอเทวดาหนิงมาช่วยอีก”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น งั้นข้าจะรอข่าวดีจากเจ้าสำนัก”
หนิงจงเจ๋อยิ้มน้อยๆ และประกบมือคำนับกล่าวลา
หลังจากที่เขาจากไปแล้ว เจ้าสำนักเซี่ยวดึงผ้ามาห่มให้เซี่ยวอิ๋นหวนอย่างระมัดระวัง
เมื่อนึกถึงภาพเด็กหญิงตัวเล็กที่ถักผมเปียในตอนนั้น ดวงตาคู่โตที่มีน้ำตาเอ่อคลอกะพริบปริบๆ และดึงเสื้อคลุมของเขา เจ้าสำนักเซี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว
เด็กน้อยในตอนนั้นได้กลายเป็นแม่คนแล้ว เวลาช่างผ่านไปเร็วมาก
ลูกศิษย์สองคนที่เขาภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตคือ เซี่ยวอิ๋นหวนและหลี่เฟิ่งอี๋ เดิมทีเขาต้องการฝึกฝนให้พวกนางให้เป็นเจ้าสำนักของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ใครจะคาดคิดว่าทั้งสองปรารถนาเรื่องทางโลก วิ่งลงจากภูเขาไป
คนหนึ่งเสียชีวิตจากการคลอดบุตร อีกคนถูกทิ้งให้จมอยู่กับความรักในวังหลังอย่างโดดเดี่ยว หากเขาไม่พาหวนเอ๋อร์ออกจากวัง เกรงว่านางคงตายด้วยอาการซึมเศร้าแล้ว
เป็นเพราะเหตุนี้ เจ้าสำนักเซี่ยวจึงเกลียดชังคนจากราชวงศ์อย่างมาก แม้แต่เย่จิ่งอวี้ ในสายตาของเขาก็เป็นเพียงคนถ่อยไร้ยางอาย ไร้ความเมตตารานี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...