ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดหวานๆ ของฮ่องเต้ใจโฉด หวนเอ๋อร์คงไม่ติดตามเขาเข้าวัง ถ้าเขาดีกับหวนเอ๋อร์ก็คงไม่เป็นไร แต่ฮ่องเต้ใจโฉดมีนางสนมมากมาย ได้ใหม่ก็ลืมเก่า
หลังจากทราบว่าเซี่ยวอิ๋นหวนเป็นทุกข์ไร้สุขอยู่ในวังตลอดทั้งวัน ป่วยหนักก็ไม่ยอมรักษา เจ้าสำนักเซี่ยวจึงเดินทางไกลไปยังเมืองต้าโจว พาคนกลับมายังหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์
เดิมทีเขาต้องการที่จะบดขยี้ฮ่องเต้ใจโฉดกับเจ้าเด็กเปรตเย่จิ่งอวี้ให้ตาย แต่เซี่ยวอิ๋นหวนขอร้องอ้อนวอน ถึงขั้นขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย เจ้าสำนักเซี่ยวจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้
โชคดีที่วันนั้นตัวเองมีใจเมตตา ไว้ชีวิตเจ้าเด็กเปรตนั่น ไม่เช่นนั้นหวนเอ๋อร์คงจะ...
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ใบหน้าของเจ้าสำนักเซี่ยวก็แสดงความเกรี้ยวกราดขึ้นอีก
เจ้าเด็กเปรตแซ่เย่กล้าหนีไป หากจับเขาได้ จะต้องทำให้เขาเจ็บปวดทรมานร่างกายแน่
ขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนี้ ฮวาเชียนก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
“ฮวาเชียนคารวะเจ้าสำนัก”
เจ้าสำนักเซี่ยวนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง แล้วถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “มีข่าวของเจ้าเด็กเปรตนั่นแล้ว?”
ฮวาเชียนก้มศีรษะลง “ไม่มีเจ้าค่ะ”
เจ้าสำนักเซี่ยวแค่นเสียงหึและพูดว่า “งั้นก็ตามหาต่อไป เรียกซื่อเมี่ยวอินกลับมาด่วน ค้นหาเย่จิ่งอวี้อย่างสุดกำลัง”
…
เมืองหลวง
อินชิงเสวียนถูกเสี่ยวหนานเฟิงกลิ้งทับจนตื่น ร่างเล็กๆ ปีนอยู่บนใบหน้าของนาง จนอินชิงเสวียนเกือบจะหายใจไม่ออก
หลังจากกลิ้งเจ้าก้อนเนื้อเล็กๆ ออกไป ถึงรู้ว่าเช้าแล้ว
“สวยแม่ สวยแม่แม่”
เมื่อเห็นว่าแม่ตื่นแล้ว เสี่ยวหนานเฟิงก็กระดกก้นกลมๆ ขึ้นทันที และขยับเข้ามาใกล้อีก
“จ้าวเอ๋อร์เด็กดี หิวหรือไม่”
อินชิงเสวียนเอื้อมมือออกไปกอดเสี่ยวหนานเฟิง แล้วขบใบหน้าเล็กเรียบเนียนของเขาอย่างมันเขี้ยวเบาๆ
เสี่ยวหนานเฟิงรู้ว่าแม่กำลังเล่นกับตัวเอง จึงยื่นมือเล็กๆ ออกมากอดคอของอินชิงเสวียนไว้ทันที
พูดเสียงเจื้อยแจ้ว “ลูกไม่หิวไม่หิว”
อินชิงเสวียนยิ้มด้วยความรักแล้วพูดว่า “ถึงอย่างนั้นก็ต้องกินข้าวข้าว เราไปหายายหลี่กันนะ”
เสี่ยวหนานเฟิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นชี้ไปข้างนอกแล้วถามว่า “เด็จพ่อ อยากหาเด็จพ่อ”
อินชิงเสวียนกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า “ตอนนี้เสด็จพ่อยังประชุมเช้าอยู่ ต้องดูแลงานบ้านเมือง ประเดี๋ยวแม่จะพาเจ้าไปหาท่านลุงกับน้าเล็กนะ”
เสี่ยวหนานเฟิงพูดอย่างมีความสุขทันที “หาลุนลุน หาลุนลุน”
“งั้นเรามากินข้าวข้าวกันก่อน แล้วค่อยไปกัน”
พรุ่งนี้เป็นวันเซ่นไหว้แม่ของอินชิงเสวียน วันนี้ต้องออกจากวังเพื่อดูแลร้านค้าและจัดแจงสินค้าให้เข้าที่ ถึงเวลานั้นก็จากไปได้แล้ว
หลังจากออกจากประตู ก็เห็นยายหลี่เดินถือชามข้าวบดเข้ามาพอดี
“หม่อมฉันคิดว่าพระสนมคงจะตื่นแล้ว มาได้เวลาพอดี”
“อืม ให้จ้าวเอ๋อร์กินข้าวก่อน ข้าจะไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อย”
อินชิงเสวียนส่งเด็กให้ยายหลี่ กลับห้องและเข้าไปในมิติ
หลังจากแลกเปลี่ยนสิ่งของทั้งหมดที่ต้องการขายแล้ว ก็วางมันไว้บนที่โล่ง หลังจากรอสักพัก ยังไม่มีรางวัลใดเกิดขึ้น อินชิงเสวียนจึงออกมาด้วยความหงุดหงิด
หนึ่งแสนคะแนนแลกปืนพกไปกระบอกหนึ่ง ซึ่งเป็นราคาที่สูงลิบลิ่ว ตลอดชีวิตนี้คงไม่สามารถทำได้แล้วล่ะ
ถ้านางปลูกพืชเพื่อแลกกับคะแนนอยู่แบบนี้ น่ากลัวว่าถึงปลูกไปชั่วลูกชั่วหลานก็คงไม่มีทางทำสำเร็จ
หลังจากบ่นพึมพำไม่กี่คำ นางก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากเก็บข้าวของ และเสี่ยวหนานเฟิงกินข้าวไปพอสมควรแล้ว
ยายหลี่ก็เปลี่ยนชุดให้เจ้าเด็กอ้วนเป็นชุดขนเป็ดสีเขียวที่เย็บเสื้อกับกางเกงติดกันเป็นชิ้นเดียว สวมหมวกลายกบตัวน้อยน่ารัก หูสีดำเล็กๆ สองข้างโผล่ออกมา กลัดติดกับหัวเล็กๆ กลมๆ ก็ยิ่งดูน่ารักน่าเอ็นดู
ครั้นเห็นลูกชายดูน่ารักขนาดนี้ อินชิงเสวียนก็รับเสี่ยวหนานเฟิงมาอุ้มประหนึ่งสมบัติล้ำค่า และพาเสี่ยวอานจื่อและอวิ๋นฉ่ายออกจากวัง
ไม่นานรถม้าได้มาถึงจวนตระกูลอิน เมื่อรู้ว่าอินชิงเสวียนอุ้มลูกมาด้วย ซูหมิงหลานก็รีบออกมารับ
“อากาศหนาวเช่นนี้ องค์ชายน้อยออกมาจะไม่เป็นไรหรือ”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เด็กๆ ทนหนาวได้ดีกว่าเรา”
หลังจากนั้นไม่นาน อินสิงอวิ๋นที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มก็เดินเข้ามาจากด้านนอกเช่นกัน ส่งยิ้มให้อินชิงเสวียน แล้วเห็นก็เสี่ยวหนานเฟิง
“หรือว่านี่เป็นลูกของน้องหญิง?”
ซูหมิงหลานพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่แล้ว องค์ชายน้อยของเราน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ”
อินสิงอวิ๋นยื่นมือออกไปลองหยั่งท่าที
“ให้อุ้มไหม”
“ไม่เป็นไร เขาไม่กลัวคนแปลกหน้า”
อินชิงเสวียนพูดขึ้น แล้วพูดกับเสี่ยวหนานเฟิงว่า “นี่คือท่านลุงใหญ่”
เสี่ยวหนานเฟิงเงยหน้าขึ้นทันทีและพูดนุ่มนิ่ม “ลุนลุนใหญ่”
อินสิงอวิ๋นดีใจยกใหญ่ เอื้อมมือไปอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงขึ้นมา
“เด็กดีจริงๆ”
เหมือนเสี่ยวหนานเฟิงจะเข้าใจว่าเป็นคำชม โน้มตัวไปแนบติดกับตัวของอินสิงอวิ๋นอย่างฉลาดเฉลียว
พูดเลียนแบบอินสิงอวิ๋นว่า “ดีดี”
ทั้งครอบครัวรู้สึกขบขันทันที
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น อินจ้งเดินเข้าประตูมาโดยสวมชุดเครื่องแบบขุนนาง เมื่อเห็นว่าเสี่ยวหนานเฟิงก็อยู่ด้วย ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มทันที
“จ้าวเอ๋อร์มาแล้ว มาให้ตาอุ้มเร็วๆ”
เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กจ้อยออกไปอย่างให้ความร่วมมือทันที และตะโกนเสียงใส
“ท่านตา”
“ดีดีดี ช่างเป็นเด็กฉลาดรู้ความจริงๆ”
อินจ้งอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงอย่างหวงแหนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดกับทุกคนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “เรื่องระหว่างสิงอวิ๋นและองค์หญิงน้อย ฝ่าบาทอนุญาตแล้ว ได้ส่งเทียบเชิญแต่งงานไปยังเจียงวูแล้วด้วย เชื่อว่า อีกไม่นาน ก็จะมีข่าวดีเร็วๆ นี้แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...