สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 676

เจ้าสำนักเซี่ยวหวังแค่จะจับตัวเย่จิ่งอวี้ ระหว่างที่เดินมา กลับถูกหยุดโดยผีแคระที่มีสัญลักษณ์รูปสีแดงระหว่างคิ้ว

“เจ้าสำนักเซี่ยว ไม่เจอกันนานสบายดีหรือไม่”

คนผู้นี้พูดภาษาจงหยวนแปร่งๆ ตัวเตี้ยและอ้วนเหมือนถังเล็กๆ แต่เคลื่อนไหวได้เร็วราวกับกระสุนปืน เท้าดูเหมือนจะติดสปริงไว้ กระเด้งตัวเหมือนคางคก เคลื่อนที่ไปซ้ายทีขวาทีอย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่เห็นต้องรู้สึกสับสนมึนงง

เมื่อเห็นคนผู้นี้ เจ้าสำนักเซี่ยวก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึมในฉับพลัน

ชายคนนี้ชื่อโนจิริจูนิ เป็นหนึ่งในแม่ทัพของตงหลิว คนผู้นี้มีเคล็ดวิชาลับ จัดการได้ยากมาก วิธีการค่อนข้างโหดร้ายอำมหิต ไม่ว่าสตรีคนใดที่ตกอยู่ในมือของเขาจะต้องถูกย่ำยี

แค่ชื่อนี้ก็ทำให้คนต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันได้

“ที่แท้ก็เป็นเจ้า ข้าจะดูว่าวันนี้เจ้าก้าวหน้าไปแค่ไหนแล้ว”

ในขณะที่พูดคุย ทั้งสองได้ลงมือเคลื่อนไหวหลายกระบวนท่าแล้ว ภายใต้กำลังภายในอันเผด็จการของเจ้าสำนักเซี่ยว ความเร็วของโนจิริจูนิก็ช้าลงมาก

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ที่สามารถผนึกมิติของอินชิงเสวียนได้ แม้แต่ในยุทธจักร เจ้าสำนักเซี่ยวก็ถูกเรียกขานว่าเป็นผู้นำ

โนจิริจูนิพูดว่า “ไม่ได้เจอกันหลายปี เจ้าไม่มีการถดถอยเลย ช่างน่าดีใจจริงๆ”

เจ้าสำนักเซี่ยวแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา

“ตราบใดที่ผีแคระอย่างพวกเจ้าไม่ตาย ข้าก็ไม่หยุดฝึกฝน”

โนจิริจูนิหัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า “ดี ถ้าเจ้าตายไปก่อน ข้าก็คงจะรู้สึกเบื่อแน่ๆ”

ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน ก็ได้แลกเปลี่ยนกระบวนท่าไปหลายสิบกระบวนท่าแล้ว โนจิริจูนิไม่สามารถเอาชนะเจ้าสำนักเซี่ยวได้ในทันที จึงใช้วิชาดำดินทันที และหนีออกจากวงต่อสู้

ตราบใดที่ลูกสมุนเหล่านี้ถูกจัดการ คนเฒ่าพวกนี้ก็เป็นแค่ไม้เท้าที่ไร้ประโยชน์ แม้ว่าจะหมดแรง แต่ก็สามารถสังหารพวกเขาได้จนสิ้น

เสียงหวีดหวิวบาดแก้วหูดังมาจากท้องฟ้า และผู้คนอีกหลายสิบคนก็เหาะลงมาจากท้องฟ้า

เมื่อเห็นคนจำนวนมากเข้ามาพร้อมกัน ซูถูก็ขนลุกขนชันอยู่มิวาย ตามเย่จิ่งอวี้ติดๆ

ปากก็ตะโกน “เจ้าสำนักเซี่ยว เจ้าบอกว่าจะใช้เครื่องดนตรีต่อต้านศัตรูไม่ใช่หรือ ตอนนี้มีศัตรูมากมาย เจ้ายังมีวรออะไรอยู่”

ทันทีที่เขาเอ่ยปาก หลายคนก็คล้อยตามเขาทันที

“เจ้าสำนักเซี่ยว พวกเราต้านไม่ไหวแล้ว”

“เจ้าสำนักเซี่ยว โปรดเล่นพิณเร็วเถอะ”

เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาดังระงม เจ้าสำนักเซี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร ไม่ว่าคนเหล่านี้จะมีเจตนาอย่างไรก็ตาม การมาที่นี่เพื่อต่อต้านศัตรูก็เป็นความจริง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่ศิษย์ในสำนัก แต่เจ้าสำนักเซี่ยวก็ไม่สามารถนิ่งเฉยดูพวกเขาตายได้

เขาตัดสินใจทันที เอื้อมมือออกไปดึงพิณการเวกออกมา และนั่งขัดสมาธิบนพื้น

ของสิ่งนี้ เขาจะต้องครอบครองมาให้ได้

และแล้วเจ้าสำนักเซี่ยวก็มาถึงขีดจำกัด เมื่อถูกกระตุ้นด้วยเสียงพิณ อวัยวะภายในดูเหมือนเคลื่อนไปหมด มีเลือดไหลออกจากลำคออย่างต่อเนื่อง

อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความเศร้าในใจ

น่าเสียดายที่มีวรยุทธ์ถึงจุดสูงสุด แต่กลับยังไม่สามารถควบคุมสิ่งนี้ได้ ถ้าเฟิ่งอี๋ยังอยู่ คงไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน

เสียงพิณท่วงทำนองสุดท้ายดังขึ้น เจ้าสำนักเซี่ยวพ่นเลือดออกมาอีกคำหนึ่ง จากนั้นภาพเบื้องหน้าก็มืดลง และล้มลงกับพื้นทันที

“เจ้าสำนัก!”

เสียงอุทานของสตรีคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง สองมือที่มีรอยเหี่ยวย่นก็เข้ามาพยุงเจ้าสำนักเซี่ยว

ซื่อเมี่ยวอินทั้งสี่หันกลับมาพร้อมกัน แล้วสีหน้าพลันแช่มชื่นขึ้น

“พี่ฮวาเชียน ท่านกลับมาแล้ว!”

ทันทีที่พูดจบ ก็เห็นมือที่บอบบางจับพิณการเวกไว้

สตรีที่จับพิณนั้นมีอายุอยู่ในวัยแรกแย้ม สวมกระโปรงคาดอกสีขาวพระจันทร์ ปิ่นปักผมสีขาวนวลรวบมวยผมแบบสบายๆ ลมทะเลพัดปอยผมที่ลู่ลง เผยให้เห็นถึงความสง่างามอันไร้ที่เปรียบ...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์