สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 692

หลังจากที่ซูถูจากไป เย่จิ่งอวี้ก็หันหน้ามาพูดว่า “ท่านแม่ ผู้อาวุโสซูคนนี้ไม่ใช่คนดี”

เซี่ยวอิ๋นหวนพยักหน้า

“แม้ว่าคนผู้นี้จะมาจากสำนักใหญ่ที่มีชื่อเสียง แต่นิสัยไม่ค่อยดีนัก เราไม่จำเป็นต้องไปสนใจเขา เจ้าสำนักเซี่ยวจะจัดการเอง”

เย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ได้ยินตาเฒ่าซูถูพูดถึงมาตลอดว่าฝ่ามือทลายเสียงเป็นวิชาลับเฉพาะของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างชัดเจน เกรงว่าเจ้าสำนักเซี่ยวจะหลุดพ้นส่วนเกี่ยวข้องได้ยาก”

เซี่ยวอิ๋นหวนขมวดคิ้ว

การตายของหมอเทวดาหนิง นางก็เคยได้ยินฮวาเชียนพูดถึง และเรื่องนี้ทำให้นางพิศวงงุนงงอยู่ตลอด

“อาจเป็นวิชาฝ่ามือที่คล้ายกัน ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นฝ่ามือทลายเสียงหรือไม่”

อินชิงเสวียนเคยดูซีรีส์เกี่ยวกับวรยุทธ์มาหลายเรื่อง ซึ่งในนั้นมักมีโครงเรื่องเช่นนี้ปรากฏ ก็อดคิดพิสดารไม่ได้

เซี่ยวอิ๋นหวนกล่าวว่า “ฝ่ามือทลายเสียงของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์นั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการลอกเลียนแบบอย่างแน่นอน วิธีการใช้ฝ่ามือนี้พิเศษมาก คือการเปลี่ยนกำลังภายในให้เป็นคลื่นเสียง ทำลายอวัยวะของผู้ตายโดยตรง และทิ้งระลอกคลื่นเหมือนคลื่นมหาสมุทรไว้บนผิวกาย วรยุทธ์นี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่มีในยุทธภพอีกแล้ว เนื่องจากการฝึกพลังนั้นบ้าดีเดือดเกินไป ดังนั้นลูกศิษย์ที่เจ้าสำนักถ่ายทอดวิชาให้ จึงมีเพียงสามคนเท่านั้น”

“เช่นนั้นคงไม่ใช่ว่า...”

อินชิงเสวียนต้องการถามว่าจะใช่หนึ่งในสามคนนี้หรือไม่ แต่รู้สึกว่าการสงสัยสำนักของคนอื่นจะไม่เหมาะสม นางจึงกลืนคำพูดที่เหลือ

เซี่ยวอิ๋นหวนมองดูลูกสะใภ้ด้วยความรักและพูดเบาๆ “เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้แน่นอน ศิษย์พี่คนหนึ่งของแม่เสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อน ส่วนอีกสองคน กำลังบำเพ็ญตบะอยู่บนเขา และเพราะเหตุนี้ แม่ถึงรู้สึกแปลกใจ”

เย่จิ่งอวี้พยักหน้าแล้วพูดว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็น่าแปลกจริงๆ”

เซี่ยวอิ๋นหวนไม่ต้องการให้สองสามีภรรยากังวลเรื่องนี้ จึงพูดอย่างผ่อนคลาย “ไม่จำเป็นต้องคิดฟุ้งซ่าน เจ้าสำนักเป็นผู้มีความรู้กว้างขวาง ถึงอย่างไรก็จะสืบเรื่องนี้ให้กระจ่างอยู่วันยังค่ำ”

เย่จิ่งอวี้ตอบอืม แล้วพูดว่า “ท่านแม่เพิ่งหายดี เข้าไปคุยกันข้างในกันเถอะ!”

เมื่อได้ยินว่าเข้าข้างใน เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงก็เริ่มไม่มีความสุข พยายามยื่นมือเล็กๆ ชี้ออกไปข้างนอก

“นอก นอก”

เซี่ยวอิ๋นหวนมองดูหลานชายอย่างรักเอ็นดู

“วันนี้อากาศดี ย่าจะพาเจ้าออกไปเที่ยวนะ!”

อินชิงเสวียนค่อนข้างเป็นกังวล ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่เหมาะที่จะออกจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเห็นหวนไท่เฟยกำลังคึกคักอารมณ์ดี ก็ทนไม่ได้ที่จะทำให้นางผิดหวัง

บอกว่า “ให้ข้าจะไปกับท่านแม่นะเจ้าคะ”

เย่จิ่งอวี้ย่อมไม่วางใจเช่นกัน เขายิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเราก็ออกไปเดินเล่นด้วยกันเถอะ”

เขารีบเดินไปที่แผงขายของ เห็นอินชิงเสวียนถือต่างหูมุกสีขาวคู่หนึ่ง จึงพูดทันทีว่า “สิ่งนี้ราคาเท่าไหร่ พวกเราซื้อ”

มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านข้าง แล้วโยนก้อนทองหยวนเป่าให้คนขาย

“ต่างหูคู่นี้ข้าซื้อแล้ว”

ผู้พูดเป็นสตรีอายุประมาณสิบห้าหรือสิบหกปี สวมชุดสีแดงเพลิงและสะพายกระบี่กว้างบนหลัง นางดูสวยงดงาม แต่สีหน้าดูเย่อหยิ่งเล็กน้อย

อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว หลักการซื้อของใครมาก่อนก็ต้องได้ก่อน นังหนูนี่บังคับซื้อขาย เกินไปแล้วจริงๆ

ดวงตาของเย่จิ่งอวี้ก็มืดลงเช่นกัน พูดอย่างเย็นชา “ของสิ่งนี้ภรรยาข้าเป็นคนเห็นก่อน แม่นางโปรดอย่าแย่งชิงสิ่งของอันเป็นที่รักของผู้อื่น”

เด็กสาวคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองเย่จิ่งอวี้ กระตุกมุมปากพูดว่า “พวกเจ้ายังไม่ได้จ่ายเงินเสียหน่อย จะนับว่าเป็นของพวกเจ้าได้อย่างไร รบกวนแม่นางผู้นี้ ส่งของให้ข้าด้วย”

อินชิงเสวียนไม่ต้องการขัดแย้งกับแม่หนูนี่ด้วยเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ จึงส่งต่างหูที่อยู่ในมือให้

“ช่างเถอะอาอวี้ ข้าไม่เอาแล้ว”

เย่จิ่งอวี้ขวางหน้าอินชิงเสวียน

กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ในเมื่อเจ้าชอบ ก็เก็บไว้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์