ภายใต้แสงจันทร์ มีชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งยืนอยู่ แสงจันทร์สะท้อนบนใบหน้าหล่อเหลานั้น เฮ่ออวิ๋นทงก็จำได้ทันทีว่านี่คือหลานชายของตาเฒ่าเซี่ยว
“ที่แท้ก็เป็นคุณชายน้อย ไม่ทราบว่าเรียกข้าด้วยเรื่องใด”
เย่จิ่งอวี้ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โค้งคำนับ
“ผู้เยาว์มีบางอย่างที่ข้าไม่เข้าใจ อยากจะถามผู้อาวุโส ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสพอจะมีเวลาผู้เยาว์บ้างหรือไม่”
มารยาทของเย่จิ่งอวี้นั้นละเอียดถี่ถ้วน เฮ่ออวิ๋นทงย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
เขาพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า “ในเมื่อมาพบกันที่เป่ยไห่ เราจึงถือเป็นครอบครัวเดียวกัน คุณชายน้อยไม่จำเป็นต้องสุภาพ หากมีคำถามใดๆ ก็เชิญถามมาได้เลย”
“ขอบคุณผู้อาวุโสเฮ่อ สิ่งที่ผู้เยาว์ต้องการถามคือเรื่องกระพรวนทอง”
เฮ่ออวิ๋นทงก็เคยได้ยินต่งจื่ออวี๋พูดถึงเรื่องนี้ด้วย จึงถามว่า “คุณชายน้อยได้ยินเสียงกระพวนทองแล้วปวดหัวจริงหรือ”
เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและกล่าวว่า “เป็นเช่นนั้นจริง ผู้เยาว์เคยยืมของสิ่งนี้ไว้ดู แต่ไม่เห็นเบาะแสใดๆ ต่อมาได้ยินจื่ออวี๋บอกว่าของสิ่งนี้มีพลังในการปิดผนึก จึงต้องการมาสืบถามเจ้าสำนักเฮ่อ”
เฮ่ออวิ๋นทงเอื้อมมือไปที่แขน แล้วหยิบกระพรวนทองออกมา เสียงกระพรวนดังก้องในคืนที่มืดมิดราวกับเข็มเงินที่ทิ่มแทงเข้าไปในสมองของเย่จิ่งอวี้
เขากัดฟันระงับความเจ็บปวด ดวงตาหรี่ลง จ้องมองไปยังกระพรวนทองนั้น
เฮ่ออวิ๋นทงก็มองดูเย่จิ่งอวี้เช่นกัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงอารมณ์มากนัก แต่ก็ไม่ยากที่จะบอกจากสีหน้าอันละเอียดอ่อนบนใบหน้าได้ว่า เขาคงจะเจ็บปวดอย่างมากในเวลานี้
“กระพรวนทองสร้างขึ้นตามค่ายกลสามพรสวรรค์ มีด้วยกันทั้งหมดสามพวง กระพรวนสามพวงนี้ใช้ประกอบเป็นค่ายกลได้ ผู้ที่ร่วมค่ายกลจะได้รับอวยพรจากค่ายกล ได้ยินเสียงกระดิ่งที่ขยายออกไปหลายเท่า จึงจะบรรลุจุดประสงค์ในการทำให้ศัตรูสูญเสียพลัง แต่กระนั้น หนึ่งในนั้นอยู่ในมือข้าเสมอ เจ้าสามารถเข้าใจได้ว่า ไม่สามารถใช้สองพวงหรือหนึ่งพวง เพื่อแสดงค่ายกลสามพรสวรรค์นี้ได้”
เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ผู้อาวุโสหมายความว่า อาการปวดหัวของผู้เยาว์ อาจไม่เกี่ยวข้องกับกระพรวนทอง?”
เฮ่ออวิ๋นทงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “อาจเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ข้ารับรองได้เลยว่า ไม่เกี่ยวอะไรกับกระพรวนทองแน่นอน”
เย่จิ่งอวี้ซ่อนความผิดหวังไว้ในดวงตา ประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “เป็นเช่นนี้นี่เอง ขอบคุณผู้อาวุโสที่แจ้งให้ทราบ”
เฮ่ออวิ๋นทงเอื้อมมือออกไปตบไหล่เย่จิ่งอวี้เบาๆ
เย่จิ่งอวี้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว และด้วยความคิดหนึ่ง กำลังภายในถูกถ่ายเทไปยังแขนข้างนั้น
ปัง เสียงอู้อี้ดังขึ้นในอากาศ
คนผู้นั้นแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา
“รนหาที่ตาย!”
นิ้วทั้งห้าสะบัด พุ่งมาคว้าคอของเย่จิ่งอวี้
อากาศเย็นแทรกซึมเข้าไปในร่างกาย เย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้าน
ทันใดนั้นกำลังภายในร่างกายก็เพิ่มขึ้นด้วยความตื่นเต้น รอบๆ รูม่านตาปรากฏวงกลมสีแดงจางๆ
ในเวลาเดียวกัน ในใจก็มีโทสะที่ยากจะระงับได้
“คนที่รนหาที่ตาย คือเจ้า!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...