สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 701

ก่อนที่จะพูดจบ ทั้งสองก็ซัดฝ่ามือปะทะกันอีกครั้ง

การปะทะกันของกองกำลังภายในที่เกะกะระราน ทำให้กลุ่มทรายกระเด็นขึ้นมาทันที ชายสวมหน้ากากก็ถูกกระแทกถอยหลังสามก้าวเช่นกัน

คนผู้นั้นอุทานว่า “เอ๊ะ” ราวกับว่าเขาไม่คาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จะมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งเช่นนี้

จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไป ฝ่ามือนี้ จะทำให้เจ้าตายโดยไร้ดินกลบหน้าแน่นอน”

เมื่อฟังเสียงที่บาดหูนี้ ความโกรธในใจของเย่จิ่งอวี้ก็เพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน จิตใจสับสนวุ่นวาย มีเพียงความคิดเดียวในใจ นั่นคือฉีกร่างคนที่อยู่ตรงหน้าออกเป็นชิ้นๆ

เขางอนิ้วเป็นกรงเล็บ และคว้ากะโหลกศีรษะของคนผู้นั้นอย่างรวดเร็วปานอสุนีบาต คนผู้นั้นแค่นเสียงหึออกมาอย่างเย็นชาอีก แล้ววาดฝ่ามือมุ่งตรงไปที่เบื้องหน้าของเย่จิ่งอวี้

มือทั้งสองประสานกันอีกครั้ง ทำให้เกิดเสียงอู้อี้ราวกับระเบิด พื้นดินใต้เท้าจมลงสามนิ้วพร้อมกัน

เลือดหยดหนึ่งไหลออกมาจากปกเสื้อของชายสวมหน้ากาก ซึ่งทำให้เขาเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง

“ตายซะ เจ้าตายไปซะ!”

เขาพูดสองประโยคติดต่อกัน ลมฝ่ามือก็เคลื่อนไหวเร็วขึ้นหลายเท่า

สีแดงในดวงตาของเย่จิ่งอวี้เข้มขึ้นอีก ภายใต้แสงจันทร์ก็มีสีแปลกๆ ชนิดหนึ่ง

ชายสวมหน้ากากสะดุ้งเล็กน้อย หรือว่าเย่จิ่งอวี้มีทักษะวรยุทธ์อื่นอีก?

ขณะที่กำลังประหลาดใจ ร่างอันงดงามก็ปรี่มาจากระยะไกล ซัดฝ่ามือตบด้านหลังของชายสวมหน้ากาก

“อาอวี้!”

เมื่อได้ยินเสียงอันอ่อนหวานนี้ จิตใจของเย่จิ่งอวี้ก็ชัดเจนขึ้น และสีแปลกๆ ในดวงตาก็จางหายไปทันที

“เสวียน‍เอ๋อร์ เจ้ามาได้อย่างไร”

ชายสวมหน้ากากก็ช้าลง สูญเสียโอกาสในการลงมือก่อน เขาเหลือบมองเย่จิ่งอวี้อย่างเกลียดชัง แล้ววิ่งพรวดออกไปไกล ในไม่ช้าก็กลืนหายไปกับค่ำคืนที่ไร้ขอบเขต

อินชิงเสวียนยื่นมือออกมาประคองเย่จิ่งอวี้ มองขึ้นลงแล้วพูดว่า “อาอวี้ ท่านเป็นไรใช่ไหม”

เย่จิ่งอวี้ยิ้ม เอื้อมมือออกไปเกาสันจมูกของอินชิงเสวียน

“เจ้าดูข้าเหมือนคนเป็นอะไรงั้นหรือ”

อินชิงเสวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางรู้ว่าเย่จิ่งอวี้มาตามเฮ่ออวิ๋นทง แต่เมื่อรอกว่าครึ่งชั่วยาม ก็ไม่เห็นเขากลับมา ในใจอดเป็นห่วงไม่ได้ จึงแอบย่องออกมาจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ครั้นจำชุดของเย่จิ่งอวี้ได้จากระยะไกล ก็รีบแลกเปลี่ยนความเร็วมิติทันที และรีบวิ่งมาโดยเร็วที่สุด

“คนผู้นั้นคือใคร”

“ข้าก็ไม่แน่ใจ”

เย่จิ่งอวี้ยกมือขึ้นบีบขมับ ในขณะนั้น จิตใจสับสนมาก จำได้เพียงหน้ากากสีซีดเท่านั้น แต่จำรายละเอียดอื่นๆ ไม่ได้

“ปวดหัว?”

อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นมองเขา ลูกตาขาวตัดกับตาดำชัดเจนเต็มไปด้วยความกังวลและเป็นห่วงเป็นใย

“เปล่า”

เขาค่อยๆ เหาะลงบนพื้น จ้องมองคู่สามีภรรยาอย่างใกล้ชิด มุมปากที่ซ่อนอยู่ในหมวกคลุมก็ค่อยๆ ยกขึ้น เผยรอยยิ้มอันน่าสยดสยอง

“ฆ่า ฆ่าให้เยอะๆ ชดเชยเลือดที่เจ้าไม่ได้เห็นมาหลายปี ยิ่งเห็นเลือด เจ้ายิ่งควบคุมไม่ได้ ฮ่าๆ...”

ในเวลาเดียวกัน ผู้คนที่สวมหน้ากากสีขาวก็ปรากฏตัวขึ้นในสำนักเซียวเหยา

เขาถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาซีดเซียว เพราะสีหน้าทำให้ไฝน้ำตาที่หางตาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอาซือหลาน ที่สวมรอยเป็นเจ้าสำนักเซียวเหยา

ตั้งแต่มาที่สำนักเซียวเหยา เขาได้ใช้หม้อหลอมจากสตรีจำนวนมาก ทักษะวรยุทธ์ก็ไม่ใช่อย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป เขาคิดว่าการฆ่าเย่จิ่งอวี้เป็นเพียงเรื่องง่ายเหมือนพลิกมือ แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะมีไพ่ตายซ่อนอยู่

เมื่อนึกถึงความเป็นห่วงของอินชิงเสวียนที่มีต่อเย่จิ่งอวี้ ทันใดนั้นเปลวเพลิงแห่งความชั่วร้ายก็โผล่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจของอาซือหลาน

เขารีบเดินไปที่ห้องลับ ยื่นมือออกไปผลักจูอวี้เหยียนลงบนเตียงหิน มีเสียงผ้าไหมขาดแคว่ก ครั้นแล้วร่างนั้นก็โถมกายทับร่างของจูอวี้เหยียนอย่างแน่นหนาแล้ว

“ไม่ได้ ข้ากำลังฝึกวรยุทธ์อยู่”

ลมปราณที่รุนแรงบนร่างกายของอาซือหลาน ทำให้จูอวี้เหยียนรู้สึกไม่สบาย จึงกล่าวปฏิเสธอย่างอดไม่ได้

“หุบปาก”

อาซือหลานคำรามเสียงต่ำ หยิบผ้าห่มมาปิดหน้าของจูอวี้เหยียนไว้ทันที

ผ่านไปครู่หนึ่งก็มีเสียงหายใจหอบดังขึ้นในห้อง...