สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 702

อินชิงเสวียนและเย่จิ่งอวี้กลับมาถึงหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์แล้ว

เมื่อรู้ว่าทั้งเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงและเซี่ยวอิ๋นหวนหลับไปแล้ว คู่สามีภรรยาก็เข้าไปในมิติ

มองไปที่เตียงคู่ที่อินชิงเสวียนแลกมา เย่จิ่งอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะนั่งลงครู่หนึ่ง

นุ่มมาก!

เขาเงยหน้าขึ้น กลับเห็นหญิงสาวยืนอยู่ข้างๆ มองเขาด้วยรอยยิ้ม อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ

“คืนนี้เรานอนที่นี่กันเถอะ”

อินชิงเสวียนเป็นคนที่มีประสบการณ์แล้ว ย่อมรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แก้มค่อยๆ แดงระเรื่อ

“ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง จัดการเรื่องสำคัญก่อนดีกว่า”

เย่จิ่งอวี้ยื่นมือออกมา ดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน

“นี่ก็คือเรื่องสำคัญ!”

เมื่อมองดูใบหน้าสีชมพูระเรื่อดวงนั้น เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ

อายุสิบแปดสิบเก้าปี เป็นวัยที่เปี่ยมไปด้วยความคึกคัก จะไม่คิดถึงภรรยาได้อย่างไร แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนบ้าตัณหา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอินชิงเสวียน กลับยากที่จะควบคุมตัวเองได้ เขาโน้มตัวจูบกลีบปากสีชมพูนุ่มนิ่ม

อินชิงเสวียนยกมือยันหน้าอกเขา สูดหายใจเบาๆ

“อาอวี้จะไปนั่งทำสมาธิข้างบ่อน้ำพุวิญญาณไม่ใช่หรือ”

เย่จิ่งอวี้คว้ามือเล็กๆ ทั้งสองข้างที่อยู่ไม่สุข ประสานนิ้วเข้าด้วยกัน และกดร่างอ้อนแอ้นกับเตียงใหญ่อันอ่อนนุ่ม

“ประเดี๋ยวค่อยไปก็ได้ไม่ต้องรีบ”

เขาพึมพำเช่นนี้ แล้วริมฝีปากอันเย็นเฉียบก็จูบกระดูกไหปลาร้าอันประณีต

อินชิงเสวียนอุทานเสียงอ่อน เรียกเบาๆ “อาอวี้...”

“ข้าอยู่นี่”

เย่จิ่งอวี้โอบกอดเอวบางนั้นไว้หลวมๆ วงแขนแกร่งราวกับจะรั้งร่างสตรีตัวน้อยที่อยู่ใต้ร่างเข้าไปในกายของตัวตัวเอง

อินชิงเสวียนครวญครางต่ำ ริมฝีปากก็ถูกปิดผนึกอย่างครอบงำอีกครั้ง

กลิ่นบุรุษลอยกรุ่นเข้ามาในจมูก ทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกมึนงง จิตใจพลันว่างเปล่า

นางเอื้อมมือทั้งสองข้างออกมาโดยไม่รู้ตัว โอบรอบคอของเย่จิ่งอวี้ไว้ โค้งตัวเล็กน้อย ราวกับปรารถนาความร้อนจากเขา มีเสียงครวญครางเบาๆ ดังลอดออกมาจากมุมริมฝีปากเป็นครั้งคราว

เย่จิ่งอวี้พอใจกับปฏิกิริยาของสาวน้อยมาก เขาเกี่ยวกระหวัดเอวบางของนางอย่างระมัดระวัง แล้วแนบกายรวมเป็นหนึ่งเดียว...

ไม่ทราบว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าใด ในที่สุดความละมุนละไมก็หายไป อินชิงเสวียนก็นอนลงบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง โดยไม่แม้แต่จะลืมตา

เมื่อมองดูหญิงสาวตัวเล็กที่ห่อตัวด้วยผ้าห่มแล้ว เย่จิ่งอวี้ก็หัวเราะเงียบๆ ดึงนางออกจากผ้าห่มแล้วอุ้มนางไปที่น้ำพุวิญญาณ

“คนดี ประเดี๋ยวค่อยหลับนะ”

เขาจับอินชิงเสวียนไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง อีกมือหนึ่งตักน้ำพุวิญญาณมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวทำความสะอาดร่างกายให้อินชิงเสวียน

ในบรรดาคนจำนวนมาก คนเดียวที่เย่จิ่งอวี้สามารถไว้วางใจได้น่าจะเป็นเย่จั้น หรือว่าเขาเป็นคนที่ทำร้ายเย่จิ่งอวี้?

เมื่อนึกถึงตรงนี้ อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้วทันที

หรือว่าที่เย่จั้นอดทนมาตลอดก็เพื่อราชบัลลังก์?

แต่เขารู้ได้อย่างไรว่าเย่จิ่งอวี้จะได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้แน่นอน หากเย่จิ่งอวี้ไม่ได้จัดเตรียมมาหลายปี ผู้ที่ขึ้นครองบัลลังก์หลังจากการสิ้นพระชนม์ของฮ่องเต้องค์ก่อน คงเป็นเย่จิ่งเย่าถึงจะถูก

ต่อให้เย่จั้นจะเดิมพันถูกข้าง ก็สามารถกลับมาต่อสู้แย่งชิงอำนาจได้หลังจากการสิ้นพระชนม์ของฮ่องเต้องค์ก่อน เขามีกองทัพขนาดใหญ่ ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับเย่จิ่งอวี้

แม้ว่าเขาจะสูญเสียโอกาสก่อน แต่ก็สามารถใช้ประโยชน์จากการที่เย่จิ่งอวี้ถูกเจ้าสำนักเซี่ยวพาตัวมา ยกทัพกบฏ แล้วเหตุใดถึงอยู่ในเมืองหลวง เป็นหุ่นเชิดของเย่จิ่งอวี้?

เมื่อนึกถึงตรงนี้ อินชิงเสวียนก็ส่ายศีรษะ

คงไม่ใช่เขา ต้องมีคนอื่น

แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของคนผู้นี้คืออะไร แต่นางก็สังหรณ์ใจไม่ดี

ในเวลานี้ เย่จิ่งอวี้ที่ได้ฟังเสียงน้ำไหล ค่อยๆ เข้าสู่การทำสมาธิ

กำลังภายในในร่างกายค่อยๆ ไหลลื่นไปตามความคิด คนก็เข้าสู่สภาวะสูญเสียความเป็นตัวเอง

เมื่อความคิดสงบลง วงกลมแสงสีแดงขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า

วงกลมนั้นค่อยๆ วนอยู่เหนือศีรษะของเขา ในที่สุดก็ตกลงมาใส่ตัวเขา ทันใดนั้นก็รัดแน่นขึ้น ความรู้สึกหายใจไม่ออกอันรุนแรงก็ออกมาจากส่วนลึกในใจ จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็ลืมตาขึ้น และกระโดดขึ้นจากที่เดิม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์