หลังจากนั้นไม่ถึงสิบวินาที ไป๋เสวี่ยก็เห่าออกมาหนึ่งครั้ง และวิ่งไปด้านนอกประตู
คนกลุ่มหนึ่งก็วิ่งตามไป
ไป๋เสวี่ยมาถึงโถงร่วมธรรมอย่างว่องไว จากนั้นเดินกลับออกมาตามเส้นทางอย่างช้าๆ พร้อมกับดมกลิ่น
ทุกคนเดินตามมันไปตลอดทาง เดินๆ หยุดๆ ทันใดนั้นไป๋เสวี่ยก็หยุดลงตรงทางแยกที่เซี่ยวอิ๋นหวนถูกพาตัวไป
จากนั้นก็เงยหน้าเห่าครั้งหนึ่ง
เย่จิ่งอวี้ถามทันทีว่า “ไป๋เสวี่ย เจ้าพบอะไรแล้วใช่หรือไม่?”
ไป๋เสวี่ยเห่าออกมาอีกสองครั้ง และเดินต่อไปด้านหน้า สุดท้ายก็หยุดลงที่หลังประตูของสำนักเซียวเหยา
“หรือว่าท่านแม่ของข้าอยู่ที่นี่?”
ลูกศิษย์ที่ลาดตระเวนของสำนักเซียวเหยาได้เห็นทุกคนแล้ว จึงพูดขึ้นทันทีว่า “พวกท่านมาจากสำนักใด มาที่นี่ด้วยเหตุผลใด?”
เจ้าสำนักเซี่ยวหรี่ตามองด้วยความเยือกเย็น เดินไปด้านหน้าแล้วพูดว่า “ข้าคือเจ้าสำนักหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ให้เจ้าสำนักฉุยของพวกเจ้าออกมาคุยกันหน่อยสิ”
อาซือหลานกำลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ตอนนี้ถูกนังผู้หญิงชั้นต่ำอย่างจูอวี้เหยียนทำเสียเรื่อง จึงจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป
เขากำลังรอให้ถึงกลางดึก ส่งจดหมายหนึ่งฉบับให้เย่จิ่งอวี้ด้วยตัวเอง และล่อให้เขาออกมารับความตาย ค่อยเอากู่ลูกแห่งกู่เสน่หา...
ระหว่างครุ่นคิด ทันใดนั้นก็เห็นลูกศิษย์เข้ามารายงาน
“เจ้าสำนัก คนของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์มาขอพบ ยังมีเจ้าสำนักเฮ่อ รวมทั้งลูกศิษย์นับสิบคนและสุนัขสีขาวอีกหนึ่งตัว”
“พวกเขามาทำอะไรที่นี่?”
เมื่อได้ยินคำว่าสุนัขสีขาว หัวใจของอาซือหลานก็เต้นแรงขึ้นเล็กน้อย หรือว่าไอ้สัตว์ตัวนั้นที่อยู่ในวังก็มาด้วยงั้นหรือ?
“ลูกศิษย์ไม่ทราบ เจ้าสำนักเซี่ยวให้ท่านเจ้าสำนักออกไปเจรจา”
อาซือหลานเกิดความรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี
“ไปเรียกผู้อาวุโสจูมาพบข้าเดี๋ยวนี้”
จากนั้นไม่นาน จูอวี้เหยียนเดินเข้ามาด้วยฝีเท้าที่พราวเสน่ห์
อาซือหลานจัดระเบียบเสื้อผ้า ขณะที่กำลังเดินออกไป ทันใดนั้นก็ได้ฮึดฮัดดังขึ้นมา จากนั้นก็เป็นเสียงฝีเท้าที่อลหม่านวุ่นวาย
เจ้าสำนักเซี่ยวได้ถีบประตูให้เปิดออก และเดินเข้ามาจากด้านนอก
“ฉุยอวี้ ข้าสงสัยว่าเจ้าจับตัวผู้คุมตราของสำนักข้ามาที่นี่ ข้าต้องการค้นบ้านเดี๋ยวนี้ หากเจ้ากล้าขัดขวาง อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจเจ้า”
เจ้าสำนักเซี่ยวพูดเข้าประเด็นและตรงไปตรงมา
เขายืนอยู่ที่หน้าประตู ความน่าเกรงขามอันท่วมท้นก็พุ่งเข้าหาอาซือหลาน
อาซือหลานหัวเราะแล้วพูดว่า “เจ้าสำนักเซี่ยวไม่ต้องเกรงใจข้า ฉุยอวี้ก็ไม่ยอมรับความผิดนี้เช่นกัน เพื่อความสามัคคีของผู้ร่วมยุทธจักร ช้ายินดีให้ทุกท่านเข้าตรวจค้น”
อินชิงเสวียนลูบที่ต้นคอของไป๋เสวี่ย
“รีบไปตามหาคน”
เมื่อได้ยินเสียงของอินชิงเสวียน เลือดในใจของอาซือหลานก็พลุ่งพล่านในทันที
เขาเดินมาด้านหน้าประตู มองดูแผ่นหลังอันงดงามผ่านผ้าคลุมหน้า นิ้วในที่อยู่ด้านแขนเสื้อของเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...