เจ้าสำนักเซี่ยวนั่งลงบนเสาหินข้างๆ เย่จิ่งหลานรีบไปเทสุราให้ผู้เฒ่าเซี่ยวอย่างเอาใจใส่
หวังซุ่นได้ดึงขาแกะออกแล้ว แล้วส่งให้กับเจ้าสำนักเซี่ยวด้วยความเคารพ
เจ้าสำนักเซี่ยวกัดเข้าไปคำหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะชม “อร่อย”
เขามองไปรอบๆ แล้วถามว่า “แล้วเจ้าเด็กแซ่เย่นั่นล่ะ?”
อินชิงเสวียนหัวเราะแห้งๆ และพูดว่า “เขา...ยังไม่กลับมา”
เจ้าสำนักเซี่ยวเหลือบมองนาง
“แม่หนู เจ้ากังวลเรื่องอะไรหรือ”
ครั้นแล้วเย่จิ่งหลานกุลีกุจอยกจอกสุราขึ้น
“ผู้เยาว์ก็มีเรื่องอยากจะถามผู้อาวุโสเซี่ยว”
เจ้าสำนักเซี่ยวอารมณ์ดี จึงชนแก้วกับเด็กน้อยคนนี้เป็นครั้งแรก
“อยากจะถามอะไร”
เย่จิ่งหลานรีบพูดว่า “ผู้เยาว์ก็ชอบดนตรีมากเช่นกัน ไม่ทราบว่าจะเข้าร่วมหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ได้หรือไม่”
เจ้าสำนักเซี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “การฝึกฝนไม่สามารถบรรลุได้ในชั่วข้ามคืน แต่ถ้าเจ้ามีพรสวรรค์จริงๆ ข้าสามารถยกเว้นให้เจ้าฝึกฝนพลังภายในของสำนักเราได้ หากเจ้าสามารถประสบความสำเร็จได้ภายในเจ็ดวัน ค่อยพิจารณาเรื่องการเข้าสำนัก”
ขณที่พูดสิ่งนี้ เจ้าสำนักเซี่ยวก็เหลือบมองอินชิงเสวียนแวบหนึ่ง เห็นว่าหญิงสาวขมวดคิ้ว ดูเหมือนมีเรื่องกังวลใจ
เย่จิ่งหลานก็แสดงสีหน้าประหลาดใจระคนยินดี
“จริงนะ ข้าสามารถฝึกฝนพลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ได้จริงหรือ”
เจ้าสำนักเซี่ยวพยักหน้า
เย่จิ่งหลานรีบลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับซ้ำแล้วซ้ำอีก “ขอบคุณเจ้าสำนักเซี่ยว ขอบคุณเจ้าสำนักเซี่ยว!”
เมื่อคิดว่าอีกไม่นานตัวเองจะกลายเป็นยอดฝีมือที่สามารถเหาะไปไหนมาไหนได้ เย่จิ่งหลานก็ตื่นเต้นมาก จนนึกอยากสูบบุหรี่ทันที
เจ้าสำนักเซี่ยวกล่าวว่า “ไปที่เอาพลังภายในที่ฮวาเชียนเถอะ”
“ขอรับ”
ก่อนจะจากไปเย่จิ่งหลานได้ขยิบตาให้หวังซุ่น หวังซุ่นก็ดึงขาหลังทั้งสองของแกะออกทันที แล้ววิ่งไปพร้อมกับเขา
เซี่ยวอิ๋นหวนกำลังกล่อมเสี่ยวหนานเฟิงในห้อง ไม่ได้ออกมา ในศาลาจึงมีเพียงเจ้าสำนักเซี่ยวและอินชิงเสวียนเท่านั้น
ชายชราวางจอกสุราลง มองอินชิงเสวียน แล้วถามว่า “แม่หนู เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ตอนนี้สามารถพูดได้แล้ว”
อินชิงเสวียนยิ้มอย่างขวยเขิน พูดว่า “ผู้อาวุโสมีสายตาเฉียบคม แน่นอนว่าเรื่องใดก็ไม่สามารถปิดบังจากท่านได้ ข้ามีบางอย่าง ต้องการคำชี้แนะจากผู้อาวุโส”
เจ้าสำนักเซี่ยวกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นลูกสะใภ้ของหวนเอ๋อร์ ย่อมเป็นหลานสะใภ้ของข้าด้วย นับญาติไปมา เราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อไปถ้ามีเรื่องใดก็พูดออกมาได้เลย”
อินชิงเสวียนโค้งคำนับเล็กน้อย
“ผู้เยาว์ได้รับคำสอนแล้ว อันที่จริงอาอวี้ไม่ได้ออกไปไหน ถูกผู้เยาว์ซ่อนไว้ ผู้เยาว์บังเอิญได้รับมิติวิเศษที่สามารถให้คนเข้าไปอยู่ได้ น้ำที่ผู้อาวุโสดื่มก็มาจากมิตินั้น”
อินชิงเสวียนกัดริมฝีปาก แล้วถอนหายใจพูดว่า “ผู้อาวุโสเคยถามผู้เยาว์ว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นกับอาอวี้หรือไม่ ตอนนี้มีบางอย่างผิดปกติกับเขาจริงๆ”
อินชิงเสวียนบอกเรื่องความผิดปกติของเย่จิ่งอวี้กับเจ้าสำนักเซี่ยว โดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย
นิ้วของเจ้าสำนักเซี่ยวสั่นเทา จอกสุราในมือถูกบดขยี้เป็นผง
“เขาสูญเสียการควบคุมทุกครั้งที่เห็นเลือดจริงๆ หรือ”
อินชิงเสวียนลดเสียงลง “ผู้เยาว์สังเกตมาหลายครั้งแล้ว เป็นเช่นนั้นจริง ผู้เยาว์สงสัยว่า เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับคนประหลาดในชุดดำ”
จู่ๆ เจ้าสำนักเซี่ยวก็นึกถึงคนผู้หนึ่ง จึงถามทันที “เจ้าบอกว่าเจ้าเห็นรูปร่างหน้าตาของคนผู้นั้นแล้ว รีบอธิบายให้ข้าฟังเร็ว”
อินชิงเสวียนกล่าวว่า “ชายคนนี้แก้มตอบไม่มีเนื้อ ดวงตาลึกโหล คนทั้งคนเป็นเหมือนโครงกระดูกเดินได้ ใบหน้าซีดขาวจนน่ากลัว”
เมื่อนึกถึงรูปลักษณ์ของเขา อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
เจ้าสำนักเซี่ยวส่ายหัว
“ไม่ใช่เขา”
ศิษย์ชั่วคนนั้นของเขาเกิดมาสง่าหล่อเหลา สามารถเรียกได้ว่าเป็นบุรุษรูปงามได้เลยทีเดียว
“เขาเป็นอาจารย์ที่สอนวรยุทธ์เย่จิ่งอวี้ ยังเป็นศิษย์ชั่วที่ข้าช่วยไว้เมื่อหลายปีก่อนด้วย”
อินชิงเสวียนร้องอ๋อ ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลายๆ คนพูดว่าวรยุทธ์ของเย่จิ่งอวี้มาจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
แต่เหตุใดยอดฝีมือแห่งยุทธภพจึงต้องเข้าไปอยู่ในวัง ต้องอยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้อื่น เป็นบ่าวที่ถูกผู้อื่นรังแก
อินชิงเสวียนถามคำถามในใจของนาง เจ้าสำนักเซี่ยวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าเคยคิดว่าเขาเข้าไปในวังไปเพื่อติดตามหวนเอ๋อร์ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่ง่ายอย่างที่คิด”
“ผู้อาวุโสสงสัยใช่หรือไม่ ว่าความผิดปกติบนร่างกายของอาอวี้เกี่ยวข้องกับเขา?”
เจ้าสำนักเซี่ยวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “นอกจากเขาแล้ว ข้าก็คิดไม่ออกว่าจะเป็นใครได้อีกที่สามารถใช้การฝังโลหิตได้ เพียงแค่เขาถูกข้าฆ่าเมื่อหลายปีก่อน ตราบใดที่สามารถควบคุมจิตใจของเย่จิ่งอวี้ได้ ไม่น่าจะมีผลกระทบใหญ่ใดๆ”
นี่เป็นครั้งแรกที่อินชิงเสวียนได้ยินคำว่า ‘ฝังโลหิต’ จึงอดไม่ได้ที่จะถาม “ฝังโลหิตคืออะไรเจ้าคะ”
เจ้าสำนักเซี่ยวเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง และกล่าวว่า “เป็นไสยศาสตร์ชั่วร้าย ที่ใช้เลือดหล่อเลี้ยงคนและช่วงชิงร่างกายไปในที่สุด”
“ฮะ!”
อินชิงเสวียนอุทานอย่างอดไม่ได้
“เช่นนั้นผู้ที่ถูกช่วงชิง...”
เจ้าสำนักเซี่ยวขมวดคิ้วและพูดว่า “จะสูญเสียสติสัมปชัญญะ กลายเป็นผู้ที่ถูกคุณไสยโดยสมบูรณ์”
ดวงตาลมโตของอินชิงเสวียนเบิกกว้าง อุทานด้วยความตกใจ “งั้นก็ไม่ต่างจากการยึดร่างไม่ใช่หรือ”
เจ้าสำนักเซี่ยวพยักหน้าและกล่าวว่า “เจ้าจะเข้าใจเช่นนี้ก็ไม่ผิด”
อินชิงเสวียนตื่นตระหนก
“แล้ว...เราควรทำอย่างไรดี”
เจ้าสำนักเซี่ยวปลอบโยน “เจ้าไม่ต้องกังวล ถ้าเกี่ยวข้องกับชายในชุดคลุมสีดำที่เจ้าพูดถึงจริงๆ ก็สังหารเขาซะ ก็สามารถทำลายคุณไสยนี้ได้ คนตงหลิวจะยังไม่ข้ามทะเลมาอีกสักระยะหนึ่ง ช่วงนี้ ข้าจะแก้ไขปัญหานี้ให้พวกเจ้า”
หลังจากที่เจ้าสำนักเซี่ยวพูดจบก็ลุกขึ้นยืน
“ปล่อยเย่จิ่งอวี้ออกมาเถอะ ถ้ากักตัวเขาไว้นานเกินไป กลับจะยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของเขา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...