สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 782

อินชิงเสวียนตอบรับ อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงในอ้อมแขนอยู่ครู่หนึ่ง

เป็นเรื่องปกติที่ฮวาเชียนไม่ชอบฉุยอวี้ นางเป็นคนของสำนักที่มีชื่อเสียงอย่างหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ความเย่อหยิงฝังอยู่ในกระดูกอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

ทว่า อินชิงเสวียนก็มีวิจารณญาณเป็นของตัวเอง

นางสามารถรู้สึกได้ว่า ฉุยอวี้ไม่มีเจตนาร้ายต่อนาง

ถึงขนาดมีบางสิ่งที่อินชิงเสวียนไม่สามารถพูดออกมาได้ชัดเจน แต่มันไม่ใช่ความคิดที่ไม่ดีอย่างแน่นอน

นับตั้งแต่ดื่มน้ำพุวิญญาณ ความสามารถในการรับรู้ของนางก็ดีเยี่ยมกว่าคนทั่วไปมาก โดยเฉพาะเจตนาร้าย

เพียงแต่เจ้าของร่างเดิมไม่เคยออกจากเมืองหลวงมาก่อน นางไม่รู้จักกับฉุยอวี้ หากต้องการอธิบายจริงๆ เช่นนั้นก็คงพูดได้เพียงว่า บนโลกมนุษย์มีสิ่งที่เรียกว่าเจอกันครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนกันมานานอยู่จริงๆ

แต่กลับไม่ค่อยเชื่อใจมากนัก คนที่สามารถหาวิธีครอบงำผู้คนได้อย่างฉุยอวี้ จะต้องมีความฉลาดเฉียบแหลมอย่างลึกซึ้ง เหตุใดจึงทำดีกับนางโดยไม่มีเหตุผลเช่นนี้ได้?

หรือว่ามีเงื่อนงำแอบแฝงอยู่?

หรือว่าฉุยอวี้มีความสัมพันธ์บางอย่างกับเจ้าของร่างเดิม?

ระหว่างที่อินชิงเสวียนใจลอย นิ้วมือของเสี่ยวหนานเฟิงก็เริ่มงัดแงะขนตาของนาง นิ้วมือเล็กๆ ดึงขนตาออกมาครั้งละหนึ่งถึงสองเส้น ความรู้สึกเจ็บแสบเกินบรรยาย

อินชิงเสวียนร้องเสียงดังซี้ด เสี่ยวหนานเฟิงชะงักไปทันทีราวกับถูกฝังเข็มให้อยู่นิ่ง จากนั้นก็ทำปากจู๋และเป่าดวงตาของอินชิงเสวียนอย่างระมัดระวัง

“สวยแม่ ไม่เจ็บๆ~”

อินชิงเสวียนเหลือบมองเจ้าเด็กอ้วนอย่างไร้คำจะพูด พร้อมถามด้วยความตำหนิว่า “เจ้ากำลังตบหัวแล้วลูบหลังใช่หรือไม่?”

วิธีการเช่นนี้ เหมือนที่ท่านพ่อของเขาใช้บริหารขุนนางเหล่านั้นในราชสำนัก

เสี่ยวหนานเฟิงโอบคอของอินชิงเสวียนไว้ทันที พร้อมพูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “กินหวานๆ กินหวานๆ”

“เจ้ากลายเป็นเด็กจอมตะกละได้อย่างไรกัน”

วันก่อนอินชิงเสวียนนำแคนตาลูปหลายลูกออกมาจากในมิติ ให้อวิ๋นฉ่ายขูดเอาเนื้อแคนตาลูปให้เจ้าเด็กอ้วนกิน ดูท่าทางเจ้าเด็กอ้วนจะกินจนติดใจเสียแล้ว

อย่างไรเมลอน ลูกแพร์ และลูกพีชก็แทบท่วมล้นออกมาจากมิติอยู่แล้ว เอาออกมาแบ่งให้เหล่าลูกศิษย์ในสำนักได้ชิมกันจะดีกว่า

“ตอนที่ข้าเดินทางมา ข้าได้นำผลไม้มาจำนวนไม่น้อย หลายวันนี้ยุ่งอยู่กับการจัดการชาวตงหลิว จึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท อีกเดี๋ยวท่านอาฮวาเรียกทุกคนมายกไปกินด้วยกันเถอะเจ้าค่ะ!”

ฮวาเชียนรีบพูดว่า “ท่านและอาอวี้เก็บไว้เถอะ”

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้านำมามากมาย”

อินชิงเสวียนอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงเข้าห้อง นางหยิบผลไม้แต่ละชนิดที่กองเป็นภูเขาลูกเล็กๆ ออกมาส่วนหนึ่ง

ไม่ใช่เพราะว่านางขี้งก แต่เป็นเพราะของเหล่านี้หาได้ยาก หากนำออกมามากมายในครั้งเดียวก็จะต้องเสียเวลาในการอธิบายอีก

หวังว่าฮวาเชียนจะไม่ถามอะไรมาก นางอธิบายจนเหนื่อยแล้ว

เมื่อมองสิ่งที่เป็นสีแดงๆ เขียวๆ เสี่ยวหนานเฟิงก็ดีใจเป็นอย่างมาก เขากระโดดลงบนพื้นทั้งกอดทั้งกัด ปากน้อยๆ ก็พูดพึมพำไม่หยุด

อินชิงเสวียนยิ้มตาหยีมองไปที่เสี่ยวหนานเฟิง สิ่งของที่อยู่ในมิติไม่มีสารเคมี เขาอยากเล่นอย่างไรก็ปล่อยให้เล่นตามสบาย

เมื่อคิดว่าในอนาคตเสี่ยวหนานเฟิงอาจต้องเหมือนท่านพ่อของเขาอย่างมาก ต้องมีความมุ่งมั่นที่จะรับใช้ประเทศชาติทุกวัน กลางดึกก็พักผ่อน อินชิงเสวียนรู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมาในทันที

นางอุ้มเจ้าเด็กอ้วนขึ้นมาจากบนพื้น และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “พวกเรานำผลไม้หวานๆ ไปให้ท่านย่ากันเถอะ”

เสี่ยวหนานเฟิงปรบมือที่อวบอ้วนด้วยความดีใจ

“ให้หวานๆ หาย่าๆ”

“เด็กดีเสียจริง”

อินชิงเสวียนจูบลงบนใบหน้าเล็กของลูกชายหนึ่งที เมื่อออกไปแล้วจึงได้รู้ว่าหวนไท่เฟยและเจ้าสำนักเซี่ยวและหลานชายไปที่สำนักกระบี่สังหาร

มีพวกเขาสองคนอยู่กับเย่จิ่งอวี้ อินชิงเสวียนก็ไม่มีสิ่งที่ต้องกังวล เมื่อแบ่งผลไม้ทั้งหมดก็ถึงเวลาเที่ยงตรง

เดิมทีอินชิงเสวียนต้องการไปกินข้าวกลางวันพร้อมกับเย่จิ่งหลาน แต่เห็นฟางรั่วและกวนเซี่ยวเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยกัน

สีหน้าของทั้งสองไม่ดีมากนัก ดูท่าทางกวนเซี่ยวไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้ฟางรั่วกลับเมืองหลวงพร้อมกับเขาได้

จู่ๆ อินชิงเสวียนก็รู้สึกนับถือฟางรั่วขึ้นมา ผู้หญิงทั่วไปคงใจอ่อนไปนานแล้ว แต่ฟางรั่วเป็นคนที่มีจิตใจมั่นคง หากอยู่ในตำแหน่งสูงก็จะสามารถบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้

เมื่อมองดูใบหน้าที่จืดชืดนั้น จู่ๆ อินชิงเสวียนก็มีความคิดที่เด็ดเดี่ยวอย่างมาก

หากปลูกฝังให้ฟางรั่วเป็นแม่ทัพ ไม่รู้ว่านางจะสามารถสร้างคุณงามความดีให้แก่ต้าโจวได้หรือไม่?

“ขอบพระทัยกุ้ยเฟย ข้าจะไม่ทำให้ท่านปู่ต้องผิดหวัง”

เมื่อเห็นสายตาที่เป็นประกายเล็กน้อยของกวนเซี่ยว อินชิงเสวียนก็พยักหน้า

“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว สิ่งใดที่เจ้าต้องการ เจ้าต้องต่อสู้ด้วยความสามารถของตัวเอง จึงจะรู้สึกถึงความภูมิใจ ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้”

“อืม ข้ารู้แล้วล่ะ ข้าจะไปเก็บของใช้และเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้เลย”

อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “คืนนี้มากินข้าวด้วยกันสิ ถือว่าเลี้ยงส่งเจ้าก่อนเดินทาง”

“ขอบพระทัย”

กวนเซี่ยวตอบรับ และรีบสาวเท้าไปยังที่พักของตัวเอง

ฟางรั่วยืนอยู่ประตูด้านใน และกำลังแอบมองอยู่

ต้องยอมรับเลยว่า อินชิงเสวียนมักมีวิธีการอยู่เสมอ

นางโน้มน้าวอย่างยากลำบากตลอดสองวัน ยังไม่สามารถทำให้กวนเซี่ยวเข้าใจความตั้งใจของตัวเอง แต่อินชิงเสวียนพูดเพียงไม่กี่ก็ทำให้เขามองเห็นความหวัง

การติดตามอาซือหลาน สิ่งที่ได้เรียนรู้คือเคล็ดลับในการฆ่าคน การติดตามอินชิงเสวียน กลับได้เรียนรู้ถึงหลักทำนองคลองธรรมของมนุษย์ และหลักการของชีวิตที่มากมาย

วินาทีนั้น ฟางรั่วรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เลือกผิด นางก็รู้เช่นกันว่า การติดตามผู้หญิงที่มีอายุใกล้เคียงกับตัวเอง จะสามารถเรียนรู้สิ่งใดได้บ้าง

เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง อินชิงเสวียนก็อุ้มเด็กผู้ชายไปเล่นเสียแล้ว

ขณะนั้นเอง ฉุยอวี้ก็กลับมาถึงสำนักเซียวเหยา

นางเดินตรงเข้าไปในห้องลับ สีหน้าของนางมีความซับซ้อนมาก

แม้ว่ามีความสุข แต่ก็มีความกังวล ซึ่งอย่างหลังมีมากกว่าอย่างแรก

ผ่านไปค่อนข้างนาน นางเดินมาด้านหน้าโต๊ะหนังสือ ใช้ผ้าดิ้นสีขาวเขียนจดหมายหนึ่งฉบับนำจดหมายใส่กล่องไม้ขนาดเล็กด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม และปิดผนึกด้วยน้ำมันชักเงาเป็นอย่างดี

จากนั้นก็เรียกลูกศิษย์ที่ไว้ใจได้คนหนึ่ง นำกล่องไม้ขนาดเล็กส่งให้เขา

“นำจดหมายฉบับนี้ไปส่งที่เรือนจุ้ยหงในเมืองหลวง จำไว้ให้ดี จะต้องส่งให้ถึงมือของเฟิงเอ้อร์เหนียงด้วยตัวเอง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์