ทั้งสองเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันในมิติ เย่จิ่งอวี้คุ้นเคยกับการใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันแล้ว มีดโกนก็ใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว
เมื่อออกจากวัง ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เป็นประสบการณ์ที่แตกต่างสำหรับเย่จิ่งอวี้
หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้ว ทั้งสองก็แลกหม้อไฟเล็กๆ ที่ทำความร้อนได้เองมาสองหม้อ และแลกเครื่องเคียงจากร้านค้าสะสมคะแนน ไปปรุงกินอย่างง่ายๆ บนพื้นหญ้า
เมื่อออกมา ฮวาเชียนและลูกศิษย์คนอื่นต่างก็ยุ่งกันอยู่
“มีคนมาเยี่ยมหรือ”
อินชิงเสวียนเข้าไปช่วย แล้วถือโอกาสถามระหว่างที่เดิน
ฮวาเชียนยิ้มกล่าวว่า “เป็นศิษย์ที่ได้รับการแนะนำจากเพื่อนเก่าของเจ้าสำนัก ไม่มีที่พัก จึงมาอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง”
ขณะที่กำลังพูด โมริตะคาวาสึบาเมะก็เดินออกจากห้องข้างๆ
“สวัสดีแม่นางฮวา ท่านนี้คือ...”
ฮวาเชียนแนะนำ “เรียกว่าแม่นางอินก็ได้ นี่คือหลานสะใภ้ของเจ้าสำนักเซี่ยว นี่คือศิษย์ของนักพรตเทียนจี เถียนเซินหลิน”
“สวัสดีจอมยุทธ์เถียน”
อินชิงเสวียนมองประเมินแวบหนึ่ง แล้วถอนสายตาคืน
ดวงตาของโมริตะคาวาสึบาเมะกวาดมองทั่วตัวอินชิงเสวียน ผู้หญิงคนนี้เป็นเด็กบ้านั่นที่สามารถเล่นพิณการเวกได้ ถ้าไม่สามารถทำลายพิณได้ เช่นนั้นก็แค่ทำลายนาง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมาที่นี่ให้ไม่เสียเปล่า
“สวัสดีแม่นางอิน ต้องการให้ช่วยอะไรไหม”
ฮวาเชียนรู้จักผู้เฒ่าเทียนจี คนผู้นี้รู้จักเจ้าสำนักเซี่ยวมาตั้งแต่เด็ก มิตรภาพยาวนานหลายสิบปี เมื่อรู้ว่าเถียนเซินหลินเป็นลูกศิษย์ของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง
“ขอบคุณจอมยุทธ์เถียน ทั้งหมดนี้เป็นเพียงงานเล็กๆ เราทำเองได้ ถ้าจอมยุทธ์เถียนไม่มีอะไรทำ ก็ไปเดินเล่นในเมืองก็ได้ สองวันนี้ถือว่าเงียบสงบดี”
“ได้ งั้นไม่รบกวนแล้ว”
ทันทีที่โมริตะคาวาสึบาเมะพูดจบ ก็เห็นเด็กชายอายุเจ็ดแปดขวบเดินออกมาจากทางด้านขวา
เมื่อเห็นเย่จิ่งหลาน โมริตะคาวาสึบาเมะรู้สึกยินดี ได้ยินมาว่าพวกเขากำลังสร้างเรือเหล็ก กำลังอยากตีสนิทอยู่พอดี เด็กเปรตนี่อายุยังน้อย คงหลอกง่ยา
หวังซุ่นตามมาอยู่ข้างหลัง
“คุณชายน้อย ข้าได้เตรียมสิ่งที่ท่านต้องการแล้ว”
เขาถือภาพแบบแปลนและเครื่องมือมากมายมาหาเย่จิ่งหลาน ทันใดนั้นเขาก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคยของหญ้าเทียนเหลี่ยว จึงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่โมริตะคาวาสึบาเมะ
โมริตะคาวาสึบาเมะก้าวถอยหลัง แล้วถามว่า “ได้ยินมาว่าที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์กำลังสร้างเรือขนาดใหญ่ จะต้องใช้กำลังคนจำนวนมาก พวกเราไม่มีอะไรทำอยู่พอดี งั้นก็ตามคุณชายน้อยไปกันเถอะ!”
เย่จิ่งหลานพูดอย่างไม่สนใจ “เจ้าอยากตามไปก็ตามไปสิ หวังซุ่น ไปกันเถอะ”
“ขอบคุณคุณชายน้อย”
โมริตะคาวาสึบาเมะรีบพาลูกน้องเดินตามหลังเย่จิ่งหลานไป หวังซุ่นอยากบอกข้อสงสัยของตัวเอง แต่เห็นโมริตะคาวาสึบาเมะจ้องมองตัวเองเขม็ง ก็กลืนคำพูดกลับคืน
ถึงอย่างไรตอนนี้ยังไม่ต้องเร่งรีบอะไร รอกลับแล้วค่อยพูดก็ไม่สาย
แต่คิดไม่ถึงว่าประโยคที่ไม่ได้พูดนี้ เกือบจะนำไปสู่โศกนาฏกรรมของมนุษย์!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...