สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 825

เย่จิ่งหลานนำหนังสือการ์ตูนมาให้เขา หวังซุ่นรับไปด้วยรอยยิ้ม และเริ่มอ่านด้วยความเพลิดเพลิน

ขณะที่ทั้งสองกำลังพักฟื้นอยู่ในมิติ เย่จิ่งอวี้กับอินชิงเสวียนก็ถูกพาไปที่โรงเตี๊ยม

ชั้นล่างยังมีลูกค้าร่ำสุรากันเสียงดัง ได้ยินเสียงคนเล่นเกมดื่มเหล้าเป็นครั้งคราว แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นคนที่เหาะขึ้นไปชั้นบน

ฮั่วเทียนเฉิงวางทั้งสองคนบนเตียงข้างๆ กัน ตรวจสอบลมหายใจ ทั้งสองยังคงหายใจอยู่

คิดไม่ถึงว่าจะมีคนฝึกฝนวิชาเนตรที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้ หากเขาไม่สังเกตเห็นก่อน คงต้องตกหลุมพรางของคู่ต่อสู้ไปแล้ว

ครั้งนี้ยังตรวจไม่พบแหล่งที่มาของน้ำพุวิญญาณได้ แต่ได้ช่วยชีวิตคู่สามีภรรยาไว้ได้ นับว่าไม่ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฮั่วเทียนเฉิงก็ลอบโคจรกำลังภายใน แสงสีม่วงจางๆ ก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา

เขาวางมือบนหัวของเย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนตามลำดับ โคจรกำลังภายในเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขา

วิทยายุทธ์ของแต่ละสำนักมีความแตกต่างกัน ฮั่วเทียนเฉิงจึงไม่กล้าถ่ายทอดกำลังภายในให้มากเกินไป เพื่อไม่ให้ทำเกินเหตุจนเสียเรื่อง และกลับกลายเป็นการทำร้ายพวกเขาทั้งสอง

ราวๆ สิบห้านาทีผ่านไป เย่จิ่งอวี้ฟื้นขึ้นก่อน

“เสวียนเอ๋อร์!”

เขากรีดร้อง ผุดลุกขึ้นนั่งจากเตียง

แต่กลับเห็นอินชิงเสวียนนอนอยู่ข้างๆ ตัวเอง มีคราบเลือดอยู่ที่มุมปาก จึงรีบอุ้มนางขึ้นมา ร้องตะโกนอย่างกังวล “เสวียนเอ๋อร์ เสวียนเอ๋อร์!”

“เอ่อ...”

อินชิงเสวียนพึมพำเสียงแผ่วเบา และค่อยๆ ลืมตาขึ้น

เมื่อมองดูใบหน้าที่ยังเลือนรางนี้ นางถามอย่างลังเล “อาอวี้ พวกเรา...อยู่ในยมโลกหรือเปล่า”

“ไม่ต้องห่วง พวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่”

มีเสียงอ่อนโยนดังมาจากข้างกายพวกเขา ทั้งสองหันหน้าไปพร้อมกัน คราวนี้พวกเขาพบชายวัยกลางคนยืนอยู่ข้างเตียง

“ท่านช่วยพวกเราไว้หรือ”

อินชิงเสวียนดึงมือออกจากมือของเย่จิ่งอวี้ มองไปที่ฮั่วเฉิงเทียน

เย่จิ่งอวี้ประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “คนที่บ้านยังรอเราอยู่ เช่นนั้นผู้น้อยต้องขอตัวก่อน”

“อื้ม คืนนี้เป็นคืนอยู่กันพร้อมหน้าครอบครัว ข้าก็ไม่ควรรั้งพวกเจ้าไว้ หากมีวาสนาค่อยพบกันใหม่ คนที่ทำร้ายพวกเจ้าเก่งการวิชาภาพลวงตา หากได้เผชิญหน้าอีก จงระวังตัวด้วย”

หลังจากที่ฮั่วเทียนเฉิงพูดจบ เขาก็ส่งทั้งสองคนไปที่ประตู

ท้องฟ้ายังคงมืดหม่น มีพระจันทร์เสี้ยวเล็กๆ บางส่วนซ่อนอยู่ในหมู่เมฆ

ท่ามกลางแสงสลัว ทั้งสองเดินช้าๆ ไปยังหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ เหมือนจะรู้กันโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ย ทั้งสองคนต่างไม่ได้พูดอะไร

แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเพิ่งประสบมานั้นเป็นภาพลวงตา แต่ยังคงรู้สึกเหมือนมีหินก้อนใหญ่ปิดกั้นอยู่ในใจ ทำให้อึดอัดจนหายใจไม่ออก

โรงเตี๊ยมอยู่ไม่ไกลจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ด้วยฝีเท้าของทั้งสองคน เดินไม่ถึงสิบห้านาทีก็กลับถึงแล้ว แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนระยะท่ายืดยาวออกไปอีก

แต่ไม่ว่าเส้นทางจะยาวไกลเพียงใด อย่างไรก็ต้องมีจุดสิ้นสุดเสมอ

เย่จิ่งอวี้หยุดที่ประตูหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์

ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงหลายครั้ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “เสวียนเอ๋อร์เจ้า...รีบพักผ่อนเถอะ ข้า...จะไปที่ห้องลับก่อน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์