เสียงอยู่ใกล้มาก ทำให้โมริตะคาวาสึบาเมะเปลี่ยนสีหน้าทันที
หากมีคนเข้ามาช่วยเหลือ ตัวเองต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ต้องรีบหนีออกไปจากที่นี่
เขาพยายามรวบรวมกำลังภายในแล้วกลิ้งตัวคลานเข้าไปในโขดหินที่อยู่ข้างๆ
เสียงของเย่จิ่งอวี้มาถึงตรงหน้าเขาแล้ว
“เสวียนเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่ใด?”
ขณะที่เขากำลังจะออกไปจากที่นี่ ทันใดนั้นเขาก็เห็นเสื้อผ้าสีชมพูชิ้นหนึ่งโผล่มาจากด้านหลังก้อนหินขนาดใหญ่
เขารู้ว่าอินชิงเสวียนสวมชุดกระโปรงพับกลีบสีขาว ต้องเป็นลูกศิษย์ของสำนักอื่นที่ถูกทำร้ายแน่นอน
พวกนางเดินทางหลายพันลี้เพื่อมาที่นี่ จึงไม่สามารถทิ้งร่างไว้ข้างนอกได้
เขาจึงจึงรีบเดินไปด้านหลังหินก้อนใหญ่ทันที เย่จิ่งอวี้รีบเร่งฝีเท้า เวลาเพียงไม่นานเขาก็มายืนอยู่ด้านหน้าก้อนหินขนาดใหญ่
เมื่อเห็นหญิงสาวที่นอนสยายผมอยู่บนพื้น เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกว่าหัวใจถูกโจมตีอย่างรุนแรง สองขาอ่อนแรงลง และคุกเข่าลงบนพื้น
เขายื่นมือที่สั่นเทิ้มออกไป และกอดหญิงสาวที่ไร้ซึ่งชีวิตชีวาไว้ในอ้อมอก
เขาตะโกนร้องออกมาอย่างไม่เชื่อ “เสวียนเอ๋อร์ นี่เจ้าใช่ไหม?”
สิ่งที่ตอบเขาเป็นเพียงเสียงลมที่ดังก้องอยู่ในหู
อินชิงเสวียนนอนราบอยู่บนพื้นอย่างนิ่งสงบ ใบหน้าของนางยังคงนิ่งเรียบอย่างที่เคยเป็น
เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ความทรงจำในอดีตก็พุ่งเข้ามาในใจ
นึกย้อนถึงความกระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวาตอนที่ออกจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ เย่จิ่งอวี้แทบไม่อยากเชื่อเลยว่า ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เขารักจะมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้
“เสวียนเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
เขาปัดผมที่ปิดบังหน้าผากของอินชิงเสวียนออกด้วยความสั่นเทา พยายามมองใบหน้าที่สวยงามนั้นให้ใกล้ยิ่งขึ้น
อินชิงเสวียนยังคงนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา ราวกับกำลังนอนหลับอยู่
“เสวียนเอ๋อร์?”
เย่จิ่งอวี้ใช้แรงเขย่าเล็กน้อย
ทันใดนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาราวกับกำลังฝันอยู่ และใช้กำลังภายในทั้งหมดของเขากดลงบนหลังของอินชิงเสวียน
“เจ้าตายไม่ได้นะ ข้ายังไม่ได้อยู่กับเจ้าจนแก่ชราเลย เจ้าจากข้าไปเพียงคนเดียวได้อย่างไร”
“เจ้าเคยรับปากข้าแล้ว เจ้าจะปกป้องประชาชนต้าโจวด้วยกันกับข้า เจ้ายังบอกอีกว่าจะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ หรือว่าเจ้าลืมสิ่งที่พูดไปหมดแล้ว?”
“เสวียนเอ๋อร์ เจ้ารีบฟื้นขึ้นมาสิ รีบฟื้นขึ้นมา!”
กำลังภายในพุ่งเข้าสู่ร่างกายของอินชิงเสวียนราวกับไม่มีค่า แต่ก็เหมือนก้อนหินที่จมลงสู่ทะเลโดยไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
เย่จิ่งหลานก็รู้ว่าเฮ่อฉางเฟิงคือผู้ที่พาพวกเขาไปทำลายค่ายกล แต่กลับยังถือปืนในมือไว้แน่นด้วยใบหน้าที่ระวังตัว
กลับเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเฮ่อฉางเฟิง กำลังภายในที่เข้าไปในร่างกายของอินชิงเสวียนก็หายไปทันทีเช่นกัน
เฮ่อฉางเฟิงไม่เคยเห็นสถานการณ์แบบนี้มาก่อน จึงแสดงสีหน้าจริงจังและหนักแน่นทันที
“อินชิงเสวียนนาง นางเป็นอะไรกันแน่?”
เย่จิ่งหลานยืนอยู่ข้างๆ สังเกตสีหน้าและคำพูดของเขา เห็นเพียงคิ้วที่ขมวด หัวใจที่เริ่มตื่นตระหนก เขาเริ่มพูดติดอ่างและมือของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น
อินชิงเสวียนมีความหมายที่แตกต่างกับเขาอย่างมาก ซึ่งแฝงไปด้วยความรู้สึกมากมายที่อธิบายออกมาไม่ได้
หากนางไม่อยู่แล้ว เย่จิ่งหลานคงเป็นบ้าอย่างแน่นอน
“นางฝึกฝนวิชาวรยุทธ์อะไร อาจเป็นเพราะการฝึกวรยุทธ์ที่ผิดพลาดไป น้องชายรู้หรือไม่ว่าอาจารย์ของนางคือผู้ใด?”
เฮ่อฉางเฟิงกลัวว่าจะเป็นผลย้อนกลับ จึงรีบถามขึ้นมา
“นางเรียนวรยุทธ์มาจากเย่จิ่งอวี้”
เย่จิ่งหลานพูดจบ ทันใดนั้นก็นึกได้ว่าในมิติของตัวเองยังมีน้ำพุวิญญาณที่อินชิงเสวียนเก็บไว้ให้ จึงรีบหยิบออกมาสองขวด
“ให้พวกเขาดื่มสิ่งนี้เพื่อรักษาชีวิตไว้ก่อน ค่อยคิดหาทางอื่น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...