สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 911

เย่จิ่งอวี้ยิ้มบางๆ

“ยังไม่สาย พวกเราก็เพิ่งมาถึง”

เฮ่อฉางเฟิงยกเสื้อคลุมแล้วนั่งลงตรงข้ามกับทั้งสองคน พูดด้วยสีหน้าละอายใจ “เด็กรับใช้ยืนกรานจะนำไข่มุกจากเป่ยไห่กลับไป จึงต้องตามเขาไปเดินตลาด ทำให้พลาดเวลาโดยไม่ได้ตั้งใจ อาหารมื้อนี้ข้าน้อยจะเลี้ยงเอง เพื่อเป็นการไถ่โทษ”

“คุณชายเฮ่อเกรงใจเกินไปแล้ว วันนี้เป็นเราสองสามีภรรยาที่ต้องเลี้ยงอำลาคุณชายต่างหาก คุณชายอย่าได้แย้งเลย”

อินชิงเสวียนยืนขึ้น ส่งน้ำชาให้กับเฮ่อฉางเฟิงด้วยตัวเอง

“ขอบคุณแม่นางอิน”

เฮ่อฉางเฟิงรับถ้วยด้วยมือทั้งสองข้าง กิริยามารยาทไม่ขาดตกบกพร่อง

ทั้งหมดคุยกันสักพัก จากนั้นอาหารและเครื่องดื่มก็ถูกยกออกมาจนครบ

กลิ่นไหม้ข้างนอกทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกคลื่นไส้ นางกินไม่กี่คำแค่พอเป็นพิธี ซึ่งเย่จิ่งอวี้และเฮ่อฉางเฟิงก็เช่นเดียวกัน

“ไม่ทราบว่าบ้านของพี่เฮ่ออยู่ที่ไหน มีหลักประกันความปลอดภัยการเดินทางหรือไม่ หากต้องการ ข้าสามารถขอยืมศิษย์ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จากเจ้าสำนัก เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของพี่เฮ่อได้”

เย่จิ่งอวี้นิยมชมชอบผู้มีความรู้ความสามารถมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่มีทางอดทนกับเสี่ยวเสวียนจื่อผู้ถามเรื่องหนึ่งตอบเฉไฉไปอีกเรื่องหนึ่ง วันนี้เมื่อเห็นบทสนทนาที่ไม่ธรรมดาของเฮ่อฉางเฟิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมพรสวรรค์

ถ้าต้องการปกครองใต้หล้าให้ดี ลำพังเขาแค่คนเดียวคงยากที่จะดูแลได้ครบถ้วนทุกด้าน ผู้ที่ทำงานจริงๆ คือขุนนางคนสำคัญเหล่านั้น

น่าเสียดายที่ราชสำนักฉ้อราษฎร์บังหลวงมานานหลายปี คนเช่นหานสือ ฉินไห่ฉิว ที่สามารถทำประโยชน์เพื่อราษฎรนั้นช่างล้ำค่าและหายากจริงๆ

หากต้องการเปลี่ยนพวกมอดเหล่านั้นโดยสมบูรณ์ จำต้องเลือกผู้มีความสามารถชุดใหม่มาแทน...

เฮ่อฉางเฟิงพูดขึ้นโดยเร็ว “ขอบคุณพี่เย่ที่เป็นห่วง ทางกลับบ้านเป็นถนนสายหลัก ปลอดภัยมาก ข้าน้อยเป็นเพียงบัณฑิตผู้หนึ่ง ไม่มีทรัพย์สมบัติเงินทองมากมาย มิมีผู้ใดคิดมุ่งร้ายกับข้าน้อย”

ครั้นได้ยินเจ้าเมืองน้อยที่แสร้งเป็นหมูล่อกินเสือ เสี่ยวหยวนเป่าที่อยู่ข้างหลังก็กลอกตาอย่างทนไม่ได้ โกหกมากเข้า ไม่แน่ว่าตัวเขาเองอาจจะเชื่อคำโกหกตัวเองแล้วก็ได้

เฮ่อฉางเฟิงก็มิได้ดีแค่เปลือกจริงๆ แม้ว่าเขาจะถูกบังคับให้ฝึกวรยุทธ์ แต่เขาก็ชอบการอ่านเขียนมากกว่า สำหรับเขาแล้ว ตัวอักษรนั้นมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากกว่ากระบี่และดาบมากนัก

อย่างไรก็ตามในอิ๋นเฉิงมีเขาเป็นคนหน่อเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียว ไม่ว่าเขาจะชอบการเรียนอักษรมากแค่ไหน ก็มีทางเลือกแค่ต้องสืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองเท่านั้น

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงปลอมตัวเป็นบัณฑิตออกมา ก็เพื่อความสนุกสนานสะใจอย่างแท้จริง

น่าเสียดาย พรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว

แม้ว่าเฮ่อฉางเฟิงจะไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงของเย่จิ่งอวี้ แต่เขาก็สามารถบอกได้จากสีหน้าท่าทางและพฤติกรรมของเขาว่า เย่จิ่งอวี้ไม่ใช่ชาวยุทธ์ธรรมดา

แม่นางอินยังมีความสง่าผ่าเผยบุคลิกดี แตกต่างจากเก่อหงยวนที่ท่าทางราวกับลิงทโมนโดยสิ้นเชิง

เมื่อคิดว่าต้องกลับไปสู่อิ๋นเฉิงอันหนาวเย็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เฮ่อฉางเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแห้งเหี่ยวหัวใจ

เขายกจอกสุราขึ้นแล้วพูดว่า “พี่เย่ ข้าน้อยขอคารวะท่านหนึ่งจอก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์