ณ ตำหนักเทพหอทองคำ
ฮั่วเทียนเฉิงคลายจุดที่ถูกจี้สกัดให้กับฉางเฮิ่นเทียน
ก่อนที่ฉางเฮิ่นเทียนจะสามารถตอบสนองได้ ฮั่วเทียนเฉิงใช้นิ้วที่เหมือนสายฟ้า จี้สกัดจุดสำคัญๆ ตามตัวของเขา
ฉางเฮิ่นเทียนยิ้มอย่างขมขื่น
“ทักษะวรยุทธ์ของข้าต่ำต้อย เหตุใดผู้อาวุโสต้องทำถึงขนาดนี้”
ฮั่วเทียนเฉิงกล่าวอย่างใจเย็น “นี่คือเคล็ดวิชาลับของสำนักของเราวิชาสะกดเส้นลมปราณพันเคล็ด ในเมื่อเจ้ามาจากอิ๋นเฉิง คงเคยได้ยินมาก่อนแน่ ตราบใดที่เจ้าเชื่อฟังข้าแต่โดยดี ข้ารับรองว่าเจ้าจะไม่ตาย ถ้าเจ้ามีความแค้นต่ออิ๋นเฉิง ตำหนักเทพเราจะช่วยให้เจ้าสำเร็จเอง มิฉะนั้นเส้นลมปราณของเจ้าจะถูกปิดกั้นและตายไป”
ฉางเฮิ่นเทียนคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ โขกศีรษะกล่าวว่า “ผู้เยาว์อยู่ที่นี่ไร้ที่พึ่งพิง ยังต้องการการดูแลจากผู้อาวุโส ไม่กล้าพูดจาเหลวไหลแน่นอน จะทำตามผู้อาวุโสทุกอย่าง”
ฮั่วเทียนเฉิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“นับว่าเจ้าเป็นผู้รู้สถานการณ์ดีมาก ลุกขึ้นเถิด ข้าไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเจ้ามากหรอก เมื่อได้พบกับเจ้าตำหนักในภายหลังห้ามพูดถึงฉุยอวี้ของสำนักเซียวเหยา และเฟิงเอ้อร์เหนียงเด็ดขาด”
ฉางเฮิ่นเทียนพูดอย่างเชื่อฟัง “ขอรับ ผู้เยาว์จะจดจำคำสอนของผู้อาวุโสอย่างดี”
“ลุกขึ้นเถอะ ข้าจะพาเจ้าขึ้นยอดเขาบรรจบสวรรค์”
ฮั่วเทียนเฉิงคว้าคอเสื้อของฉางเฮิ่นเทียน แล้วใช้วิชาตัวเบามุ่งหน้าสู่ทางเหนือ หลังจากนั้นประมาณสามสิบนาที ก็มาถึงเชิงเขาสูงตระหง่าน
ฉางเฮิ่นเทียนอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น พูดด้วยความชื่นชม “ตำหนักเทพหอทองคำเป็นเหมือนภูเขาเซียนอีกโลกหนึ่งจริงๆ ยอดเขาบรรจบสวรรค์นี้ก็เหมือนกับที่ประทับของเทพเซียน ที่ตรงขึ้นสู่ท้องนภา นี่คงเป็นวิมานสวรรค์อาณาสิริแห่งเทพในตำนานกระมัง”
ครั้นได้ยินดังนี้ ฮั่วเทียนเฉิงเพียงยิ้มบางๆ
จริงๆ แล้วเขาชอบกลิ่นอายมนุษย์ธรรมดาสามัญในอิ๋นเฉิง มากกว่ายอดเขาสูงและหนาวเย็นนี้
“ขึ้นไปเถอะ”
ฮั่วเทียนเฉิงยกมือขึ้นจับเถาวัลย์ และปีนขึ้นไปหลายจั้งในคราวเดียว
จากนั้นฉางเฮิ่นเทียนก็พบแท่นเล็กๆ ตรงหน้า แล้วยังเห็นเส้นทางหินกรวดที่สูงชันผิดปกติ
ถ้าเป็นช่วงรุ่งเรืองในชีวิต เขาย่อมไม่กลัวอยู่แล้ว
ฮั่วเทียนเฉิงยกเสื้อคลุมขึ้นแล้วคุกเข่าลงบนพื้น คำนับสามครั้งไปทางตำหนักด้วยความเคารพ
“ศิษย์ฮั่วเทียนเฉิง น้อมคำนับผู้อาวุโสหัน”
“อืม”
มีคนตอบกลับมาจากข้างใน ครู่ต่อมา เงาร่างสีม่วงจางๆ ร่างหนึ่งก็เดินออกจากห้องโถงอย่างช้าๆ ซึ่งก็คือชายชราที่คุยกับฮั่วเทียนเฉิงในวันนั้น
ชายชรามีผมสีขาว เกล้าผมเป็นมวยบนศีรษะ ดวงตาทั้งคู่คมกริบราวกับสายฟ้า แม้ว่าจะเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ล้ำเลิศเช่นฮั่วเทียนเฉิง แต่ก็ไม่กล้ามองเขา
“เรื่องที่ข้ามอบหมายให้ทำ เจ้าทำสำเร็จแล้วหรือไม่”
ผู้อาวุโสหันเอามือไพล่หลัง แล้วกวาดสายตามองไปยังใบหน้าของทั้งสองคน
ฉางเฮิ่นเทียนคุกเข่าลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว ก้มศีรษะงุดๆ
ฮั่วเทียนเฉิงโค้งคำนับและตอบว่า “ศิษย์ไร้ความสามารถ การเดินทางคราวนี้สำเร็จงานไปเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...